ณัฐวุฒิ ประกาศต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ประชาชนไทยต้องการเลือกตั้ง | |
http://www.youtube.com/watch?v=Ez7_jEMlqeo&feature=player_embedded#at=4166 แกนนำ นปช. ร่วมแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย ย้ำสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เตรียมสู้ยืดเยื้อ เชื่อ “เวลาอยู่ข้างเรา” เวลา 20.00 น. แกนนำ นปช. ประกอบด้วย ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และ จตุพร พรหมพันธุ์ ร่วมแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย ตึกมณียา ซึ่งมีผู้สื่อข่าว นักวิชาการ ตัวแทนสถานทูต และผู้สนใจชาวต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังประมาณ 100 คน แกนนำ ระบุมีความพยายามทำรัฐประหารอีกครั้ง พร้อมใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นเครื่องมือ ระบุประชาชนจะเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านการรัฐประหารครั้งใหม่ ณัฐวุฒิ วอนสื่อต่างประเทศเป็นกระบอกเสียง ย้ำคนไทยต้องการเลือกตั้ง ถาม-ตอบ ระหว่าง แกนนำ นปช. กับ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ถาม: สถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้ รวมถึงการปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อาจเป็นสัญญาณว่าจะไม่มีการยุบสภาใช่หรือไม่ ณัฐวุฒิ: ผมมาพูดครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม แต่ละครั้งชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นลำดับ ครั้งแรกเป็นโฆษกรัฐบาล ครั้งที่สองแกนนำเสื้อแดง ปัจจุบัน ผมเป็นผู้ก่อการร้ายแล้วครับ สำหรับคำถามนั้นต้องบอกว่าเวลานี้ยังไม่มั่นใจว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งจริงๆ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองอธิบายว่า กลุ่มผู้คุมอำนาจไม่ประสงค์จะยอมรับผลการเลือกตั้งหากพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ชนะ มีการสำรวจข้อมูลการตัดสินใจของประชาชน หากมีการเลือกตั้งของหน่วยงานความมั่นคงหลายหน่วยงาน ผมได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่าก่อนเทศกาลสงกรานต์ มีการพบปะกันของนายทหารกองทัพบกกับกลุ่มชนชั้นนำสามสี่ท่าน ในระหว่างการสนทนามีการเอาผลสำรวจหรือโพลล์ฝ่ายความมั่นคงมาดู ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับการเลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 250 ที่นั่ง มีการถามกันในเวลานั้นว่าตรวจสอบเรียบร้อยหรือยัง ผู้ที่นำผลสำรวจมาให้ก็คือนายทหารคนดังที่ทำหน้าที่แถลงข่าวให้กองทัพตลอดระยะเวลา ไม่กี่ปีที่ผ่านมายืนยันว่าตรวจสอบแล้วสองสามรอบ ถ้าไปถามนักการเมืองที่เป็นแกนนำตัวจริงของพรรคการเมืองหลายพรรคที่ร่วมรัฐบาลอยู่ ท่าทีล่าสุดของคนเหล่านั้นก็มีความเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าอาจจะไม่มีการเลือกตั้ง นี่เป็นข้อมูลที่ผมเพิ่งจะได้ฟังมาจากอดีตรัฐมนตรีของรัฐบาลทักษิณเล่าว่า ไปพบอดีตรัฐมนตรีที่เคยร่วมรัฐบาลกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพูดออกมา จึงเป็นเรื่องที่ต้องรับฟังและติดตามความเคลื่อนไหวนี้อย่างใกล้ชิด ผมภาวนาว่าอย่าให้เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทยกัมพูชาถูกอธิบายเป็นเหตุผล ที่จะเลื่อนการยุบสภาออกไป เพราะหากเป็นเช่นนั้นมันจะกลายเป็นว่า เหตุปะทะรอบนี้มีเป้าหมายทางการเมืองของประเทศหนึ่งประเทศใดแอบแฝงอยู่ แต่ความเชื่อเดิมทั้งของผมที่พูดไว้ที่อุดรธานีและแกนนำบังเอิญตรงกันว่า สัญญาณที่จะไม่มีการเลือกตั้งจะปรากฏชัดเจนหลังนายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา แต่ถ้ามองจากท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ เขาอยากจะเลือกตั้งทันทีเลยถ้าทำได้ เพราะประชาธิปัตย์ประเมินได้ว่าการอยู่ในอำนาจต่อไปภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ จะไม่เป็นผลดีต่อพวกเขา จึงคิดว่าการตัดสินใจยุบสภาจะทำให้โอกาสในการกลับมาเป็นรัฐบาลของ ปชป. จะมีมากขึ้น แม้จะไม่มั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้ง แต่เป็นหน้าที่ของอำนาจนอกระบบที่จะทำอย่างไรก็ได้ ให้เขากลับมาเป็นรัฐบาล มีความเชื่อที่พูดกันตลอดเวลาใน ปชป. ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดในสถานการณ์ขณะนี้ ไม่ใช่ดีที่สุดของประชาชน แต่ดีที่สุดของระบอบอำมาตยาธิปไตย นี่คือปัญหาใหญ่ของประเทศไทย ผมจึงอยากประกาศต่อทุกท่านและยืนยันต่อสังคมโลกว่าคนไทยต้องการการเลือกตั้ง และวิกฤตความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหารจะมีโอกาสนับหนึ่งในการคลี่คลาย ก็ต่อเมื่อมีการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ตรงกันข้ามหากไม่มีการเลือกตั้ง ก็จะทำให้สภาพการณ์ที่เป็นอยู่ทวีความเข้มข้น มีสภาพขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นจนมองไม่เห็นทางออกใดๆ เราไม่อยากเดินเข้าสู่กับดักของวิกฤต เราอยากเดินไปที่จุดเริ่มต้นของสันติภาพ และ เราคาดหวังว่าบทบาทของสื่อมวลชนในทุกๆ ประเทศจะมีส่วนช่วยอย่างสำคัญต่อสิ่งนี้ ถาม: ใครคือผู้รับผิดชอบต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในตอนท้ายของการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา จตุพร: ความรุนแรงและการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ และศาลากลางต่างๆ เป็นความพยายามของฝ่ายรัฐที่จะเผา เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นความตาย ความตายในวัดปทุมวนาราม เป็นความตายก่อนที่จะมีการเผาเกิดขึ้นทั้งสิ้น ต้องมีการเผาเซ็นทรัลเวิลด์เพราะต้องการสร้างสถานการณ์ว่า คนเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง เพื่อให้คนลืมความตาย กรณีเซ็นทรัลเวิลด์ ผมและได้คุยกับหัวหน้าชุดปฏิบัติการดูแลเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีภาพถ่าย ทีวีวงจรปิดและภาพนิ่ง ว่าพวกเขามาดูแลอยู่เป็นเวลาสองเดือน เป็นห้างเดียวที่ไม่ได้ใช้ชุดบรรเทาสาธารณภัย เป็นการล็อกเป้าจงใจที่จะมีการเผา หัวหน้าชุดปฏิบัติการเซ็นทรัลเวิลด์นั้น เพราะเขาเห็นชะตากรรมคนเสื้อแดง ว่านอกจากความตายแล้วยังถูกกล่าวหา อย่างช้าสัปดาห์หน้าจะมีหนังสือที่เป็นรายละเอียดทั้งหมดเรื่องการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ เวลานี้ภาพถ่ายจากวงจรปิดจะถูกเปิดเผย ในกรณีเซ็นทรัลเวิลด์ มีภาพถ่ายชายชุดดำ แต่ไม่แนบเนียบ เพราะรองเท้าตรงกับทหาร เหตุการณ์การเผาเซ็นทรัลเวิลด์ กับการยิงที่วัดปทุม เป็นเวลาที่สอดคล้องกัน แต่ผมเองก็ถูกนำตัวไปสอบสวน เวลานั้นทหารได้คุมสภาพเบ็ดเสร็จ รักษาการผู้บังคับการกองปราบฯ ก็ยังถูกทหารค้นตัว เวลาเก้าเดือนที่ผ่านมา ถ้าชุดผจญเพลิงของเซ็นทรัลเขาเห็นว่าคนเสื้อแดงเผา เขาต้องฟ้องคนเสื้อแดง แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ของเขา เขาเอาวิดีโอมาให้คนเสื้อแดง และตำรวจชุดเดียวที่มาดูแลห้างเซ็นทรัลคือ ชุดของวังสระปทุม ต่อมาล่าถอยออกไป และกำลังที่มาผลักให้ตำรวจออกไปนั้นเป็นทหาร กรณีศาลากลางอุลราชธานี มีการจับกุมตัวคน 22 คน และยังไม่มีการปล่อยตัว ผู้ว่าฯ อุบลราชธานีบอกว่าขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ 80 คนทำงานอยู่ ไม่มีอาวุธ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า เวลานั้นมีตำรวจและอาวุธครบมือ 800 คน โดยตำรวจที่ทำสำนวนมาสารภาพกับผมว่า พฤติการณ์ที่ศาลากลางนั้น เป็นการเทน้ำมันจากชั้นบนลงสู่ชั้นล่าง นี่คือตัวอย่างของข้อมูลที่ให้การไม่ตรงกัน ที่ศาลากลางอุดรธานี ข้าราชการที่ควบคุมอำนวยการดูแลศาลากลางฯ ได้สารภาพกับ ส.ส. วิเชียร ขาวขำ โดยที่วันเกิดเหตุมีกำลัง อส. แต่ก่อนเกิดเหตุมีกำลังทหารติดอาวุธเข้าไปเผาศาลากลาง แต่ประชาชนที่อุดรธานี มีการนัดหมายว่า หากมีการสลายการชุมนุมจะไปรวมตัวกันที่ศาลากลาง นี่คือการสวมรอย เหมือนการเผารถเมล์ 52 คัน คนขับรถเมล์ให้ปากคำว่า คนที่มาปล้นรถเมล์ไปนั้นเป็นทหาร เมื่อมีการสอบสวนแล้ว กมธ. สภาฯ ไม่กล้าเปิดเผย ถาม: การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนไม่แน่นอน ถ้าเราตั้งสมมติฐานว่าเราไม่รู้ว่าใครจะชนะหรือแพ้ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ชนะพร้อมที่จะยอมรับรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งหรือไม่ และในสถานการณ์ไหนที่ยอมรับและในสถานกาณณ์ไหนที่จะออกมาประท้วง ณัฐวุฒิ: หากการเลือกตั้งโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ว่าพรรคการเมืองใดชนะ เรายินดียอมรับผลการเลือกตั้ง ถ้าประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้ง เรายินดีที่จะยอมรับโดยไม่มีการคัดค้านใดๆ ผมเรียนว่าที่ผ่านมา เราไม่เคยออกมาต่อสู้เพราะแพ้เลือกตั้ง เราเป็นประชาชนส่วนมากในประเทศที่เลือกพรรคการเมืองที่เราสนับสนุนและได้เป็นรัฐบาลแล้ว รัฐบาลของเราถูกทำลายครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยวิธีของผู้เผด็จการ เราจึงต้องออกมาต่อสู้ ผมอยากจะฝากคำถามเดียวกันนี้ว่า ถ้าเจออภิสิทธิ์ หรือทหารใหญ่ ว่า ถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยชนะ เขาจะยอมรับและปล่อยให้จัดตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชนหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง เขาต่างหากที่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งจนเป็นปัญหาจนทุกวันนี้ สถานการณ์ที่เราจะออกมาต่อสู้ ก็คือ ถ้าผลการเลือกตั้งปรากฎว่าพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงป็นอันดับหนึ่งแล้ว ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ มีการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ ให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เราจำเป็นต้องต่อสู้ ผมเข้าใจแนวปฏิบัติทั่วโลกว่า หากพรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคอันดับรองลงไปสามารถเป็นแกนนำ แต่ความจริงของประเทศไทยคือ มีพรรคการเมืองเดียวเท่านั้นที่ชนะการเลือกตั้งได้แล้วไม่ได้เป็นรัฐบาล นั่นคือพรรคเพื่อไทย ถาม: เคยสัมภาษณ์เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่สูญเสียดวงตาเพราะเขาร่วมชุมนุม เขาบอกว่า การต่อสู้นั้นขึ้นกับแกนนำ จตุพร: มีการพยายามสร้างสถานการณ์ ขณะที่มีกระสุนปืนจำนวนมากถูกใช้กับคนเสื้อแดง อย่างไรก็ตาม หากถามว่า จะเจรจากันได้หรือไม่นั้น ต้องตอบว่าการเจรจาเกิดได้ทุกวัน แต่คำถามคือความยุติธรรมจะเกิดได้หรือเปล่า สิ่งที่สำคัญคือการสร้างความเสมอภาค ความเป็นภราดรภาพ ความเป็นพี่เป็นน้องกัน ถาม: ถามคุณธิดา ว่าเมื่อประมาณ 1 เดือน หลังเหตุการณ์ ให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์ว่าเป็นห่วงคนเสื้อแดงและความปลอดภัยของสามี เข้าใจว่ามีการไล่สมาชิกของ นปช. บางคนออกเพราะสนับสนุนความรุนแรง แต่ขณะนี้คนเหล่านั้นยังมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ธิดา: ประการแรก ถ้าคุณอ่าน โพสต์ทูเดย์ คุณต้องเช็คก่อนว่าข้อมูลที่นำเสนอนั้นถูกต้องหรือเปล่า เพราะปัญหาของสื่อเมืองไทยนั้นคือ การแบ่งข้างชัดเจนทั้งเรื่องผลประโยชน์และชนชั้น ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ของคนเสื้อแดงจึงไม่ค่อยได้รับการนำเสนอต่อสังคมภายนอก หากสังคมภายนอกอ่านเฉพาะสื่อที่เป็นของประเทศไทย ประการที่สอง สิ่งที่โพสต์ทูเดย์ เขียนนั้น อาจจะเป็นปัญหาเรื่องข้อมูลและการถ่ายทอดข้อมูลด้วย จึงอยากได้คำถามจากท่านโดยตรงมากกว่าโดยไม่ต้องอ้างโพสต์ทูเดย์ ผู้สื่อข่าวคนเดิม ถาม: บทความในโพสต์ทูเดย์เป็นคำสัมภาษณ์คำต่อคำ จึงเชื่อว่าน่าเชื่อถือ แต่อยากถามโดยตรง ว่าเป็นห่วงหรือไม่ ว่าสามีจะเป็นอันตรายจากคนเสื้อแดง ธิดา: ในความเป็นจริง ไม่มีคำถามและคำตอบเรื่องนี้เลย แต่ตอบได้ว่า การเข้ามาเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง ไม่ใช่เข้ามาในฐานะของภรรยาของ น.พ. เหวง โตจิราการ แต่ในฐานะนักต่อสู้ นี่เป็นเหตุผลประการแรกที่ท่านต้องทราบก่อน การห่วงคือห่วงการต่อสู้ของประชาชนไม่ใช่ น.พ.เหวง โตจิราการ คือ ห่วงทุกคนไม่ใช่เฉพาะแกนนำ แต่เป็นการเป็นห่วงคนเสื้อแดงทุกคนที่ถูกจับกุมคุมขังและถูกไล่ล่า นี่เป็นประเด็นสำคัญว่านักต่อสู้นั้นเอาเรื่องส่วนตัวตั้งต้น หรือเพื่อส่วนรวม ดังนั้นคำถามนี้ ขอปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว และเหตุผลที่เข้ามารับเป็นประธานการต่อสู้ของคนเสื้อแดงคือ ความเป็นห่วงขบวนการ ต้องขอโทษหมอเหวงในฐานะสามีด้วยว่าไม่ได้ห่วงเขามากกว่าคนอื่น ถาม: ถ้าผลการเลือกตั้งเพื่อไทยได้เสียงมากที่สุด แต่ไม่ได้เสียงส่วนใหญ่ แล้วในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์สามารถตั้งรัฐบาล ท่านจะยอมรับหรือไม่ ณัฐวุฒิ: นี่แหละที่เป็นปัญหา คือ พรรคการเมืองใดก็ตามที่ได้เสียงอันดับหนึ่งจะได้เป็นรัฐบาลได้ทั้งหมด ยกเว้นพรรคเพื่อไทย เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะสื่อสารมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศรายงานตรงกันว่า มีอำนาจนอกระบบจะไม่ยินยอมให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะมีการจัดการทุกวิถีทางแม้พรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ผมคิดว่าท่านคงไม่หวังว่าจะให้เรายอมรับสิ่งนี้ เพราะถ้าการยอมรับสิ่งนี้ นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถาม: เมื่อมีการเจรจาก่อนที่จะสลายการชุมนุม ทางรัฐบาลเสนอว่า ควรจะมีการเลือกตั้งเดือน พ.ย. แล้วทางเสื้อแดงมีความเห็นแตกต่างกัน บางคนเห็นด้วย บางคนไม่เห็นด้วย รัฐบาลอ้างว่าเพราะทางเสื้อแดงไม่ยอมรับข้อเสนอ เพราะนายกฯทักษิณต้องการการนิรโทษและอนุญาตให้กลับบ้าน จริงหรือไม่ บทบาทของทักษิณในเรื่องนี้เป็นอย่างไร และถ้าพรรคเพื่อไทยสามารถที่จะนำรัฐบาลต่อไปจะให้ทักษิณกลับมาหรือไม่ จตุพร: การเสนอยุบสภาของอภิสิทธิ์เวลานั้นมี 2 ช่วง ช่วงแรกที่มีการเจรจากันนั้นคุณอภิสิทธิ์ ของ 9 เดือน แต่เราเสนอ 15 วัน รวมรักษาการสองเดือนเป็นสองเดือนครึ่ง แต่คุณอภิสิทธิ์ไม่ยอมรับ มีการอ้างว่าคุณทักษิณโทรหาผม แต่ผมอยากให้ไอซีทีตรวจสอบได้ เพราะคนที่โทรหาผมคือณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ช่วงที่สองหลังวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งถ้าไม่มีความตายและผู้บาดเจ็บ ผมในฐานะนักเลือกตั้ง หากเราได้วันเลือกตั้ง โดยไม่สนใจคนที่บาดเจ็บและสูญเสีย มันชี้ความเห็นแก่ตัวของนักเลือกตั้ง เพราะคุณเอาความตายไปแลกกับวันเลือกตั้งไม่ได้ ไม่มีใครปฏิเสธการเลือกตั้งว่าคนเสื้อแดงขอต่อสู้ทุกคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีผู้ก่อการร้าย หรือล้มสถาบัน โดยไม่ขอนิรโทษกรรม แต่เมื่อมีการฟ้องร้องคดีต่อนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ที่สั่งการทำร้ายประชาชน นายอภิสิทธิ์นั้นได้รับเอกสิทธิ์ ส.ส. เหมือนกับผม แต่นายสุเทพนั้นไม่มีเอกสิทธิ์ กลับเดินทางไปดีเอสไอ เพื่อรับฟังว่ามีข้อกล่าวหาเท่านั้น ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้น ณัฐวุฒิ: ขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ว่า ผมไม่สนใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ จะได้รับทรัพย์สินที่ถูกยึดไปคืนหรือไม่ แต่สิ่งที่ผมเรียกร้องก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณต้องได้รับความยุติธรรมจากทุกกระบวนการใน ประเทศไทย ถ้าหากจะมีคำอธิบายว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท. ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นการยึดทรัพย์ หรือคดีของ หากถูกอธิบายว่าเป็นการกระทำที่ยุติธรรมเป็นสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้ หากคนที่ได้รับการเลือกตั้งยังไม่ได้รับความยุติธรรม ก็ไม่มีความหวังว่าประชาชนจะได้รับสิ่งนี้ และประเทศที่ไร้ซึ่งความยุติธรรม หรือมีความยุติธรรมเป็นสองมาตรฐาน ประเทศนั้นจะมีความเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เราจึงต้องต่อสู้ ผมไม่ยอมให้สื่อมวลชนที่นี่อยู่ในประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย คำถาม: ทั้ง 18 คนที่เป็นผู้นำถูกกล่าวหาด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ท่านคิดว่าต้องต่อต้านมาตรา 112 หรือไม่ จตุพร: ในประเทศไทยตลอดระยะเวลา 70 กว่าปีที่ผ่านมา ประเด็นที่เกี่ยวพันกับพระมหากษัตริย์ ได้ถูกทหารและนักการเมืองหยิบใช้ ทหารหยิบใช้เพื่อทำการรัฐประหาร นักการเมืองใช้เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตัวเองและทำลายฝ่ายตรงข้าม เพราะฉะนั้นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องทรงอยู่เหนือการเมือง แต่เนื่องจากการรัฐประหารทุกครั้งที่เกิดขึ้น แม้แต่วันที่ 19 ก.ย. 49 ก็มีการกล่าวอ้างสถาบัน การดำเนินคดีกับพวกเรา 18 คน บางคนถูกคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะยืนอยู่ข้างผมขณะปราศรัย บางคนไม่ได้พูดสักคำ แต่ยืนอยู่ข้างผม ปรากฏว่าดีเอสไอระบุว่า ต้องดำเนินคดี เพราะไม่ห้ามปรามผม ท่านทั้งหลายที่ฟังผมก็อาจจะถูกดำเนินคดีเพราะไม่ห้ามปรามผม ธิดา: ดิฉันถูกมาตรา 112 ด้วย แม้ว่าขณะนั้นไม่ได้ยืนอยู่ด้วย แต่ยืนอยู่ข้างล่างเวที แต่ไม่ได้วิ่งขึ้นมาห้ามปราม ณัฐวุฒิ: จุดยืนของ นปช. คือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยอำนาจอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เราไม่มีปัญหาใดๆ กับการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่คิดว่าการต่อสู้ของเราจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถาบัน เพียงแต่ มีการใช้ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับสถาบันพยายามที่จะทำลายการต่อสู้ของเราตลอดเวลา คำถามเรื่องมาตรา 112 ผมมีคำอธิบายว่า มีนักวิชาการและประชาชนกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ มีข้อเสนอทางวิชาการจากนักวิชาการกลุ่มดังกล่าว ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สังคมไทยรับฟังสิ่งนี้ได้ ปัญหาที่ผ่านมาก็คือ สังคมไทยมีแต่ทุกฝ่ายที่พูด ไม่มีใครฟังใคร เพราะฉะนั้นการรับฟังก็จะทำให้เกิดความเข้าใจกันและกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ไม่ได้มีแนวทางหรือไม่ได้มีมติที่จะ เคลื่อนไหวในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เราเจ็บปวดที่สุดเวลานี้ก็คือ มีการใช้ข้อกล่าวหาจากมาตรา 112 กับคนในประเทศอย่างไม่เท่าเทียมกัน มีการแจ้งความดำเนินคดีกับคุณจตุพรและพวกเราอย่างรวดเร็ว ด้วยท่าทีที่ดุดันของกองทัพ แต่กลับจงใจเพิกเฉยต่อ กรณีที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายอานันท์ ปันยารชุน และ พลเอกสิทธิ เศวตศิลา สนทนากับนายอิริค จอน เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำ ประเทศไทยโดยมีการแสดงความเห็นอย่างรุนแรงซึ่งเนื้อหาปรากฏในเดอะการ์เดียน ปรากฏในวิกิลีกส์ มีการไปแจ้งความดำเนินคดี แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ ถาม: กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนไทย-กัมพูชา กว่าห้าหมื่นคน คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะจัดการปัญหานี้ได้ไหม จตุพร: ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง เราจะไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเหมือนนายกษิต ภิรมย์ และเราจะแสวงหามิตรประเทศ ไทยกับกัมพูชานั้นผูกพันกัน กัมพูชาซื้อของไทยถึงแปดหมื่นกว่าล้านบาท ไทยซื้อกัมพูชาแปดพันล้านบาท เราไม่มีเหตุผลที่จะขัดแย้งกัน เพราะฉะนั้น ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะไม่มีสงคราม ประชาชนสองชาติจะไม่เดือดร้อน มีแต่สัมพันธภาพของควาเมป็นพี่เป็นน้อง เสียงปืนของมิตรประเทศจะไม่เกิดในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ธิดา: ในฐานะที่ขณะนี้ระบอบอำมาตยาธิปไตยมีอิทธิพลครอบงำ เราสามารถเข้าใจวิธีคิดก็คือ การที่เราสามารถทำนายได้แต่ต้นแล้วว่า น่าจะเกิดสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะวิธีคิดของพวกสุดโต่งอนุรักษ์นิยม จะมีลักษณะที่นิยมก่อสงครามภายนอกเพื่อกลบเกลื่อนความขัดแย้งภายใน จตุพร: ผมเพิ่มประเด็นว่า ท้ายสุดของสงครามไทยกัมพูชานั้น ที่สุดจะนำไปสู่การรัฐประหารหรือไม่ มีการสัมภาษณ์กับภรรยาของทหารที่เสียชีวิตกล่าวว่า สามีโทรมาแจ้งว่าหลังจากนี้ไม่กี่ชั่วโมง จะมีการปะทะ แปลว่ารู้ล่วงหน้า แต่ผมไม่ได้อยากจะกล่าวหา หน้าที่ของเราคือหยุดสงคราม แต่ถ้าการทำสงครามนำไปสู่การปฏิวัติ เพราะขณะที่มีการทำสงครามไทยกัมพูชา ก็มีการปิดวิทยุชุมชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฉะนั้น การทำสงครามและตัดการสื่อสารวิทยุชุมชนด้วยนั้น ทำให้คิดได้ว่าน่าจะนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร ธิดา: ขอเพิ่มเติมว่า กลุ่มของเรามุ่งชูสโลแกน ต่อต้านรัฐประหาร คัดค้านสงคราม ทวงความยุติธรรม มาแต่ต้นปีแล้ว เพราะเราคาดไว้แล้วว่า แนวคิดล้าหลังของพวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งจะก่อให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และขอทำนายว่า จะมีการรัฐประหารมากกว่าการเลือกตั้ง วิธีคิดของเขาน่าจะปิดประเทศและก่อสงคราม รวมถึงมีแนวคิดปิดประเทศ 5 ปี เพราะกลัวการเลือกตั้ง ไม่ทราบว่าสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศจะยังอยู่หรือไม่ ถาม: เมื่อวานบางกอกโพสต์ลงบทสัมภาษณ์วีระกานต์ ซึ่งมีการวิพากษ์ว่าแกนนำแตกแยก และบางส่วนไม่หวังดีต่อสถาบัน และมีบางส่วนตามความต้องการของประชาชนมากเกินไป ณัฐวุฒิ: ไม่มีความแตกแยกในกลุ่มแกนนำ แต่ยอมรับว่าความแตกต่างทางความคิดมีอยู่ ความแตกแยกหมายความว่ามิได้อยู่ด้วยกันฉันมิตร แต่สำหรับเราความเป็นพี่น้อง ความผูกพันทุกอย่างยังคงเดิม เพียงแต่มิติทางความคิดบางอย่างเท่านั้นที่แตกต่างกัน แต่ถ้าทุกคนยังหันหน้าไปในทิศทางเดียวกันคือ ประชาธิปไตย ก็สามารถร่วมทางได้ตามแนวความคิดของแต่ละคน ส่วนประเด็นเกี่ยวกับสถาบันนั้นผมยืนยันว่า มีความเป็นเอกภาพมีความเป็นหนึ่งเดียว คือจุดยืนตามที่ผมอธิบายไปแล้ว จตุพร: ความเห็นของคุณวีระ เป็นความแตกต่าง ซึ่งถือเป็นความงดงามตามระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยก็คือการมีความแตกต่างแต่เส้นทางที่เดินคือ เสียงส่วนใหญ่ที่เป็นฝ่ายกำหนด ประเด็นต่อมาก็คือ ในกระบวนการที่มีประชาชนที่มีความหลากหลาย คนที่เป็นผู้นำต้องมีความรับผิดชอบ ผมจึงเห็นว่าไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่เห็นว่ามีอันตรายก็ต้องแก้ไข ทั้งหมดนั้นผมยืนยันว่าแนวทางของ นปช. เป็นไปตามที่ นปช. ประกาศไว้ทุกประการ ธิดา: ขอตอบเรื่องสถาบันและปัญหาการนำ คือ สองเรื่องนี้สัมพันธ์กัน อยากจะเรียนว่าเรานำด้วยหลักการ ในการนำโดยหลักการ เราจึงต้องมีหลักนโยบาย ซึ่งเรามีหลักเกี่ยวกับกับการเมืองการปกครองคือ เราต้องการระบอบการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง นี่คือหลักการที่เราเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ประการต่อมา เราใช้การนำรวมหมู่ เราจึงต้องใช้วิถีทางประชาธิปไตยในแกนนำ เพราะเป้าหมายของเราคือประชาธิปไตย ต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ในการตัดสินเรื่องสำคัญๆ ถาม: การชุมนุมครั้งต่อไปจะมีหรือไม่ จตุพร: กฎหมายเลือกตั้งระบุแล้วว่านักการเมืองทำอะไรได้บ้าง แล้วประชาชนทำอะไรได้บ้าง เช่น การรำลึก 19 พ.ค. จะทำอะไรได้บ้าง สำหรับคำถามว่าจะมีการชุมนุมอีกหรือไม่ ต้องบอกว่าการชุมนุมนั้นเป็นการระดมความคิด และจริงๆ แล้วมีทุกวัน เช่นวันนี้ก็มีที่สระบุรี ถาม: หลังการสลายการชุมนุม มีแกนนำบางคนบอกว่าจะลงใต้ดิน จะหนีและต่อสู้โดยใช้อาวุธ แม้ว่าที่ผ่านมาไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แต่ถ้าหากยังยืดเยื้อไม่มีประชาธิปไตย เป็นไปได้ไหมว่าจะมีการใช้อาวุธและความรุนแรง ธิดา: เราไม่ใช้อาวุธ เราเคลื่อนไหวอย่างสงบและสันติ นี่คือหลักการของ นปช. คำถามว่าหากการต่อสู้ยืดเยื้อจะมีอนาคตเช่นไร ที่ผ่านมาเราก็ต่อสู้ยืดเยื้อมาห้าปี ทำจากการไม่มีการจัดการองค์กร จนกระทั่งรวมตัวเป็นองค์กรได้ เราหวังว่าเราจะต่อสู้ได้ยืดเยื้อและมีระบบมากขึ้น แม้แต่หนังสือที่เรามีก็คือ ส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะจัดโรงเรียนเพื่อยกระดับแกนนำของเรา เราเลือกสันติวิธีเพราะเราต้องการชัยชนะที่แท้จริง นปช. ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเรา และเข้มแข็งมากขึ้นทุกวันๆ เพราะเราเลือกสันติวิธี แต่แน่นอนว่าอาจจะมีบางส่วนที่ไม่เชื่อในหนทางสันติวิธี ซึ่งเขามีสิทธิคิดต่างและนั่นเป็นเรื่องในอนาคต ที่มีปัจจัยหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจรัฐ แต่เรา นปช. เราจะทำตามพันธสัญญาที่ตกลงกันไว้ เราจะทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ได้ชัยชนะ ให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยและประชาชนมีความสุขอย่างแท้จริง ณัฐวุฒิ: พวกเรามีความเชื่อตรงกันว่า การต่อสู้ของเราเป็นการต่อสู้ระยะยาว ดังนั้น หากการต่อสู้นี้จะยืดเยื้อออกไปย่อมไม่เป็นเหตุผล ให้เราเปลี่ยนแนวทางจากสันติวิธีไปจับอาวุธ ใช้ความรุนแรง เพราะผมเชื่อว่า เวลาอยู่ข้างเรา ท่านทั้งหลายเชื่อเหมือนผมไหมครับ (เสียงปรบมือ) จตุพร: การชุมนุมของ นปช. ทั้งหมดที่เป็นมติ คือสันติวิธี เราเชื่อว่ามือเปล่าจะชนะกองทัพ เพราะเราจะไม่มีทางเอาอาวุธมาสู้ให้ชนะกองทัพ ธิดา: สนามการต่อสู้ของเราคือความชอบธรรม ไม่ใช่สนามรบ http://www.prachatai.com/journal/2011/04/34249 | |
http://redusala.blogspot.com |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554
แดงชิคาโกถึงแดงทั่วโลกเตรียมต้านภัยรัฐประหาร | |
จดหมายเปิดผนึกจากสหพันธ์เพื่อประชาธิปไตยไทย ณ นครชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา เรียน พี่น้องเสื้อแดง และมวลมิตรแห่งประชาธิปไตยไทยทั่วโลก จดหมายฉบับนี้เขียนวิงวอนขอความร่วมมือจากท่านทั้งหลายอย่างเร่งด่วน ช่วยกันรณรงค์โน้มน้าวต่อรัฐบาลในประเทศที่ท่านพำนักอยู่ทั่วโลก ให้ไม่ยอมรับรองรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารหากจะเกิดขึ้นใหม่ในเมืองไทย ซึ่งขณะนี้มีความเป็นไปได้สูงยิ่ง ท่านทั้งหลายคงทราบดีว่า ระหว่างที่เราเฝ้ารอการเลือกตั้งที่คาดว่า จะเกิดขึ้นในสองเดือนข้างหน้า ก็ปรากฏกระแสการยึดอำนาจทางการเมืองขึ้นอย่างร้อนแรง เพื่อที่ขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง ทั้งนี้เนื่องมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า พรรรคเพื่อไทยซึ่งได้รับการสนับสนุนจากคนเสื้อแดงนั้น จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนี้ ความเป็นไปได้เช่นนั้นทำให้กลุ่มผู้ครองอำนาจเกิดความหวาดระแวง อันเนื่องมาจากพวกทหาร และอำมาตย์ได้ก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนเอาไว้มากมาย เหมือนคนขี่หลังเสือกลัวว่าถ้าโดดลงแล้วจะถูกเสือกิน เช่นนี้ขบวนการประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงจึงเป็นเป้าหมายเพื่อการทำลายล้าง ขณะเดียวกันปรากฏสัญญานของการข่มขู่ก้าวร้าวต่อขบวนการประชาธิปไตย โดยการที่ทหารออกมาตบเท้าสำแดงพลังตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่เพียงกรณีคุกคามต่อ ดร. สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และบรรดาผู้ที่ต่อต้านกฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเท่านั้น แต่เป็นไปได้ว่าเป็นการเตรียมพร้อมทางทหารเพื่อกระทำการลึกล้ำบางอย่าง การปะทะที่บริเวณชายแดนระหว่างกำลังทหารไทย และเขมร ไม่เพียงเป็นปัญหาขัดแย้งรุนแรงกับประเทศเพื่อนบ้าน หากเป็นส่วนหนึ่งของแผนสร้างสถานการณ์ที่เป็นปัญหาภายในประเทศ วิทยุชุมชนของคนเสื้อแดงนับสิบแห่งถูกเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปตรวจค้น ข่าวลือแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวางว่าจะมีการรัฐประหาร จะทำกันเพื่ออะไร เพราะเป็นไปได้ว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรจะกลับคืนสู่อำนาจเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง และจะทำให้พวกแม่ทัพนายกองทั้งหลายตกที่นั่งลำบากต่อปัญหาการสืบทอดอำนาจ รวมทั้งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เราทราบกันดีว่า เราจะยอมให้การเมืองไทยเหลวแหลกลงไปกว่านี้อีกไม่ได้แล้ว เราขอวิงวอนท่านทั้งหลายได้โปรดช่วยกันรณรงค์ และเรียกร้อง มากที่สุดเท่าที่ท่านจะทำได้ไปทั้งโลก ในการสกัดกั้นไม่ให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีก เรามีความยินดีจะเรียนให้ทราบว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ระหว่างที่ดร.สุนัย จุลพงศธร ดร. ธเนศวร์ เจริญเมือง และ ดร. จรัล ดิษฐาอภิชัย ไปเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี ได้มีโอกาสพบกับกลุ่มฮิวแมนไร้ท์ว้อทช์ สถาบันประชาธิปไตยแห่งชาติเพื่อกิจการระหว่างประเทศ (เอ็นดีไอ) มูลนิธิเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ (เอ็นอีดี) และสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน ได้มีการสนทนากันในประเด็นต่างๆ อย่างกว้างขวาง รวมทั้งความวิตกต่อผลของรัฐประหารที่คาดว่าจะเกิด และความปรารถนาที่จะเห็นการเลือกตั้งอันบริสุทธิ์ยุติธรรม ทั่วโลกตระหนักกันอย่างถ่องแท้แล้วว่าในยุคสมัยแห่งโลกาวิวัฒน์นี้ เพียงประชาธิปไตยแท้จริงเท่านั้นที่เป็นหลักประกันให้แก่ความมั่นคง ความเชื่อล้าหลังที่สนับสนุนแนวทางเผด็จการ และราชาธิปไตยสุดโต่งควรสิ้นสลายไร้คุณค่าไปนมนานแล้ว พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราไม่สามารถรั้งรออะไรอีกต่อไปได้ เราจำเป็นต้องประกาศให้โลก และรัฐบาลในประเทศของท่านรับทราบความจริงโดยถ้วนทั่ว โปรดเข้ามาร่วมแรงร่วมใจกับพี่น้องเสื้อแดงในอเมริกาประกาศไม่เอารัฐประหาร ต่อต้านเผด็จการทหาร และโอบรับการเลือกตั้ง เราเข้าใจดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็มั่นใจเสมอว่าถ้าเราร่วมมือกันได้ก็จะประสพความสำเร็จ หวังว่าทุกท่านจะตอบรับอย่างเต็มใจ ด้วยความปรารถนาดี สหพันธ์เพื่อประชาธิปไตยไทย (เสื้อแดงอิลลินอยส์ เป็นองค์การไม่ค้ากำไร -เอ็นพีโอ และองค์กรเอกชน –เอ็นจีโอ ของอเมริกา)โดยการสนับสนุนของเสื้อแดงอเมริกา ******* เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ Union for Thai Democracy Chicago, Illinois U.S.A. April 26, 2011 Dear Red Shirt Brothers and Sisters, and Friends of Thai Democracy: Please take this letter as an urgent appeal for your help in Lobbying, Campaigning the governments throughout the world NOT TO RECOGNIZE the Coup Government, should there be one. We believe this is a strong possibility. As you know--- while the People in Thailand and abroad are anxiously waiting for the upcoming elections, there is a strong possibility that a coup might happen soon to prevent any elections. This is due to the fact that the Red Shirts supported Pheu Thai Party has a good chance of winning the upcoming elections. This prospect scares the ruling elite in many concrete ways. Sins, including massacre have been committed by the military and the ruling elite. They are riding a tiger and cannot back down. The Red Shirts and pro-democracy movement are likely to be targeted. Couple with these--- there are signs of wide spread intimidation of pro-democracy movement with threats. The military showdown in the past week may not be about Dr. Somsak Jeamteerasakul or those alleged critics of Les Majeste Laws or anti-monarchy movement. It could be a show of forces in preparation for a much more serious matter. The clashes at the border in the past week are not about the conflict with Cambodia. It appears to be part of the plan for a serious domestic situation. Red Shirts radio stations also have been raided. The rumors of coup are widespread, but for what purposes--- because the prospect of former PM Thaksin returning when Pheu Thai wins; this would create trouble for the military top brass including Tharit Phendit; Succession issues? One thing we know, we cannot afford to see more regression of Thai politics. We urge you to form Lobbying and Campaigning groups throughout the world to do what you can to prevent another coup. We are happy to report that while visiting Washington DC this past week with Dr. Sunai Chulapongsatorn, Dr. Tanet Charoenmuang, and Dr. Jaran Ditapichai; we had opportunities to meet Human Rights Watch, National Democratic Institute for International Affairs (NDI), National Endowment for Democracy (NED), and the U.S. – ASEAN Business Council. We discussed a wide range of issues. Most dear to us, we expressed our concerns on the prospect of coup, and our deep desire to see elections that are free and fair. The world knows now that in the age of Globalization, only true democracy can ensure stability. The old model of supporting dictatorship and/or absolute monarchy for stability is obsolete. Dear Brothers and Sisters, there is no time to waste. We need to educate the public and the government sectors in your countries now. Please join force with Red Shirts in America to say NO TO COUP; NO TO MILITARY DICTATORSHIP; YES TO ELECTIONS. We know it is not easy but if we work together, we can achieve it. We thank you for your time and your kind consideration. Sincerely, Union for Thai Democracy (Red Shirts Illinois, a non-profit, non-governmental organization) On Behalf of Red Shirts in America | |
http://redusala.blogspot.com |
ศพฟัดศพ!ลิ้มแฉล้านรับงานทำลาย พธม. ส่งสาวกยึดพรรคการเมืองม้วยคืนโดนสมุนเคราแพะผลักอก | |
เวบไซต์ASTVผู้จัดการ กระบอกเสียงของพันธมิตรฯรายงานว่า วานนี้ (29 เม.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัย ถึงหนังสือการลาออกจากพันธมิตรของนายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสาวิทย์ แก้วหวาน ว่า พล.ต.จำลองก็พูดไปแล้ว นายพิภพ อ.สมเกียรติ ก็พูดไปแล้ว ทำไมต้องฆ่าศพ ทุกอย่างคนที่ถูกพูดก็เป็นศพไปเรียบร้อยแล้ว ทำไมต้องไปเหยียบย่ำศพ แต่ตนจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้เพื่อทวนความจำคุณสมศักดิ์ โกศัยสุข "คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข มาขอแกนนำพันธมิตรฯ ว่าขอเป็นหัวหน้าพรรค เราก็ตัดสินใจส่งคุณสมศักดิ์ไปเป็นตัวแทนพันธมิตรฯ เพื่อไปเป็นหัวหน้าพรรค และก่อนส่งไปผมมีหน้าที่ต้องพูดกับผู้สมัครหลายคนให้ถอนตัว เพื่อไม่ให้มีความขัดแย้ง คุณสมศักดิ์ถึงได้รับเลือกโดยไม่มีใครแข่ง แล้วผมนั่งคุยกับคุณสมศักดิ์ตัว-ตัว ผมบอกว่า พี่อยากเป็นหัวหน้าพรรคเหรอ - ใช่น้อง พี่อยากเป็น ผมก็ถามว่า แล้วพี่จะเป็นนานมั้ย - พี่เป็นชั่วคราวเอง - ถ้างั้นพี่รับปากผมได้มั้ยว่า ก่อนถึงวันเลือกตั้งพี่น่าจะลาออก ควรจะลาออก - พี่รับปาก" นายสนธิ กล่าวชี้แจง นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยพูดเรื่องนี้ แต่จำเป็นต้องพูด เพราะว่าการที่ส่งจดหมายมาแบบนี้ โดยนายสาวิทย์ แก้วหวาน เขียนมา สาวิทย์ แก้วหวาน จะคิดเขียนจดหมายแบบนี้มาไม่ได้ถ้าไม่ใช่คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข อยู่เบื้องหลังสาวิทย์ แก้วหวาน พวกเราสู้กันมาทุกเรื่อง มีเรื่องไหนบ้างที่พวกเราลุกขึ้นสู้แล้วไม่มีประโยชน์ต่อสังคม แล้วทำไมคุณสมศักดิ์ไปให้สัมภาษณ์ว่ายังอยู่กับพันธมิตรฯ แต่ว่าจะเข้าร่วมชุมนุมก็ต่อเมื่อเรื่องนั้นมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ จริงๆ แล้วดังที่แถลงการณ์พันธมิตรฯ ออกมาชัดเจน ถ้าอยากจะลาออก ก็ลาออกไปเลยเงียบๆ ไม่มีใครเขาว่าอะไร แต่จงใจทำเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อทำลายกระบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย หรือว่ารับงานพรรคการเมืองไหนเพื่อทำลายความสามัคคีของพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย ความลับอันนี้จะไม่มีวันปิดได้ตลอดเวลา วันหนึ่งต้องเปิดมาว่าไปพบกับใครมาบ้าง นายสนธิ กล่าวว่า หวังว่าการร่อนตะแกรงครั้งนี้จะเป็นการร่อนตะแกรงครั้งสุดท้าย เหมือนอย่างอาจารย์สมเกียรติ และทุกคนพูด ขอให้เหลือแต่ทองคำแท้เท่านั้น ตนรับไม่ได้ กับคำพูดที่บอกว่า จะเข้าร่วมชุมนุมต่อเมื่อการชุมนุมครั้งนั้นจะมีประโยชน์ต่อสังคม แสดงว่าที่เราชุมนุมมาตลอดนั้น มีประโยชน์ต่อสังคมมาตลอด จนกระทั่งเขาไปเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ พอเราโหวตโน เขาก็เลยบอกว่าไม่มีประโยชน์ต่อสังคม อาจารย์สมเกียรติบอกว่า อย่าลาออก เราต้องปฏิวัติพรรคการเมืองใหม่ ยึดพรรคการเมืองใหม่คืนมา และไล่หัวหน้าพรรคออกไป เขาบอกว่า 10% ของจำนวนสมาชิกแค่ 1,000 กว่าคน หรือ 2,000 คน เชื่อว่าสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ ที่ฟังพูดอยู่ทุกวันนี้ เราล่าชื่อได้ 2,000 คนแน่นอน ด้านหนึ่งต้องเดินหน้า เพื่อไล่กรรมการบริหารและหัวหน้าพรรคชุดนี้ ให้หลุดพ้นจากพรรคการเมืองใหม่ อีกด้านหนึ่ง ไม่ต้องสนใจมติเขา อาทิตย์หน้าอย่าไปใส่ใจ เดินหน้าโหวตโนลูกเดียว และก็โหวตโนทุกพรรค ไม่เว้นแม้กระทั่งพรรคการเมืองใหม่ พันธมิตรที่ดูโทรทัศน์อยู่ทั่วประเทศไทย พันธมิตรฯที่ยังคิดว่า เป็นพันธมิตรอยู่ คนที่เห็นด้วยกับโหวตโน อย่าเลือกพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งพรรคการเมืองใหม่ด้วย เขาอยากเป็นปาร์ตี้ลิสต์นัก ก็ให้เขาลงไปเป็นปาร์ตี้ลิสต์ โดยไม่มีใครโหวตให้เขา วิธีเดียวที่จะแสดงให้เห็นว่าพรรคการเมืองใหม่ คือพรรคของพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ถ้าใครมาทรยศต่อจิตวิญญาณของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เราต้องโหวตโนไม่ให้เขาได้เลยแม้แต่คนเดียว พลังที่แท้จริงอยู่ที่นี่ อยู่ที่หน้าจอทีวี ไม่ใช่พลังที่เอาคนของสหภาพการรถไฟ แล้วไปนั่งทำตัวเป็นการ์ดอยู่ที่พรรคการเมืองใหม่ วันนี้พี่น้องคนใต้ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อย่าไปโหวตให้ใครเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคการเมืองใหม่ก็ต้องไม่โหวตให้ ตนขอประกาศเป็นสัจจวาจา พร้อมกับแกนนำพันธมิตรฯ อีก 3 คนว่า เราจะเดินหน้าโหวตโนลูกเดียวพี่น้อง ไม่เว้นแม้แต่พรรคการเมืองใหม่ นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า คิดได้อย่างไร ระหว่างอยากเป็น ส.ส. กับมาใช้ชีวิตร่วมกับพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ คิดได้อย่างไร วันนี้จะมีคนหลายคน แม้กระทั่งคนที่ อ.สมเกียรติ พูดถึง นายประเสริฐ เลิศยโส ที่คอยด่าพล.ต.จำลอง และตน ในพรรคการเมืองใหม่ และอีกหลายคน มาห้อยมาโหนเหมือนกันไม่มีผิดเลย คนพวกนี้ต้องสั่งสอนหรือเปล่า " ไม่มีวิธีใดที่จะสั่งสอนเขาได้ดีกว่าการเผยแพร่กระจายโหวตโน พี่น้องที่ดูทีวีอยู่ทั่วประเทศไทยเป็นล้านๆ คน ถ้าเห็นด้วยกับแนวทางของพันธมิตรฯ หรือถ้าไม่เป็นพันธมิตรฯ แต่คิดว่าการโหวตโนนั้นคือการประท้วงนักการเมือง เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองแล้ว กรุณาแจ้งญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงทุกคน เจอคนก็พูดสั้นๆ เลือกมันไปทำไมไอ้พวกนักการเมืองชั่วๆ เขาถาม จะให้ทำอย่างไร จะไม่ให้ไปลงคะแนนเสียง ไม่ต้องไป แล้วไปกาไม่เลือกพรรคใด เขาถามว่า จะมีประโยชน์อะไร มีสิ เพราะว่าถ้าคะแนนเสียงไม่เลือกพรรคใดนั้นสูง ก็เท่ากับว่าพรรคโหวตโนชนะทุกพรรค" นายสนธิ กล่าว นายสนธิ กล่าวอีกว่า นายพิภพสารภาพกับตนว่า เมื่อกี๊ตอนขึ้นเวทีน้ำตาแทบไหลเพราะว่าเสียใจ ในใจตนบอกว่าไปเสียน้ำตากับเรื่องเชี้ยๆ นี้ได้อย่างไร ในใจยังบอกทำไมพี่พิภพไม่นึกถึงเมียอาลีบาบา ซึ่งขอให้เปิดถ้ำ วันนี้คนที่ไปพรรคการเมืองใหม่แล้วถูกกีดกัน ถูกริบโทรศัพท์ ถูกผลักดันออกมา ไม่ต้องเสียใจ ทางหนึ่งเราเดินหน้าโหวตโน แน่นอน อีกทางหนึ่งอย่าลาออก สมาชิกพรรคการเมืองใหม่ที่เข้าใจและต้องการโหวตโน อย่าลาออก ไม่มีอะไรในการกำชัยชนะ ดีกว่าการสู้กับเขาในพรรคและยึดพรรคคืนมาให้เรา ถ้าเขาต้องการพรรคแรงงาน ให้เขาไปตั้งพรรคแรงงานของเขาเอง ตนเข้าใจมานานแล้ว แต่เป็นตัวอย่างของคำโบราณพูดว่า เสียคนตอนแก่ แฉ“โจร”ยึด ก.ม.ม.-ส่งแก๊งเถื่อนขวางสมาชิกเข้าฟังประชุม นางชญาดา ศริญญามาศ (ซ้าย)และนางชญาบุญ เพชรพรหม (ขวา) เล่าถึงเหตุการณ์พยายามยึดพรรคการเมืองใหม่คืนตามบัญชาของสนธิลิ้ม แต่ถูกลูกน้องสมศักดิ์หัวล้านเคราแพะผลักไสไล่ออกมาจากพรรค ASTVผู้จัดการ รายงานเพิ่มเติม แฉพฤติกรรมเถื่อนแก๊งนักเลือกตั้ง ส่งชายฉกรรจ์ขวางทางเข้าห้องประชุม ก.ม.ม. ห้ามสมาชิกพรรคเข้าฟังมติกรรมการบริหาร “เจ๊กอบ เกาะสมุย”โดนผลักอกจนเซถลาพร้อมพันธมิตรฯ หญิงจากโคราช ทั้งที่เป็นสมาชิกพรรค หลังพยายามเข้าพบ “สมศักดิ์”เพื่อถามเหตุผลห้ามสมาชิกเข้าห้องประชุม เผยรู้สึกเหมือนโจรเข้ายึดบ้าน เป็นกรรมการก่อตั้งพรรคแท้ๆ ยังถูกกระทำแบบนี้ แล้วชาวบ้านจะมาพึ่งได้อย่างไร นางชญาดา ศริญญามาศ อายุ 53 ปี พันธมิตรฯ นครราชสีมา และกรรมการศูนย์ของพรรคการเมืองใหม่ จ.นครราชสีมา ได้เล่าเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาผลักอกขณะที่ขอขึ้นไปฟังมติที่ประชุมบริหารพรรคการเมืองใหม่ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 29 เม.ย. ว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ตนได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ เพื่อรอฟังมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่าจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้หรือไม่ เมื่อไปถึงที่บริเวณชั้น2 พบว่า มีกลุ่มคนซึ่งตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน นั่งขวางบันไดทางขึ้นไปยังห้องประชุมชั้น 4 โดยหนึ่งในกลุ่มคนดังกล่าวได้ห้ามไม่ให้ตนขึ้นไปยังห้องประชุม อ้างว่าวันนี้เป็นการประชุมของกรรมการบริหารพรรค และกรรมการสาขาของพรรคเท่านั้น สมาชิกพรรคไม่เกี่ยว เขาไม่ได้เชิญมาจึงขึ้นไปไม่ได้ ตนจึงขอถ่ายรูปกลุ่มคนที่มาขัดขวาง แต่ถูกปฏิเสธ โดยอ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิ นางชญาดา กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นได้มีผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวต่อว่านายสนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตนไม่เห็นด้วยจึงได้เกิดการโต้เถียงกันขึ้น กระทั่งต่อมานางชญาบุญ เพชรพรหม อายุ 50 ปี พันธมิตรฯ เกาะสมุย และเป็นกรรมการก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่ทราบข่าวได้เดินทางมาสมทบ พร้อมกับบอกให้ตนสงบสติอารมณ์ พร้อมไปพูดคุยกับกลุ่มคนดังกล่าว จากนั้นนางชญาบุญได้ขอขึ้นไปยังชั้น 4 เพื่อรอฟังมติพรรค เมื่อเดินขึ้นบันได้ขั้นที่สองได้ถูกผู้หญิงคนหนึ่งผลักออกจนเซถลา ตนจึงพยายามเข้าช่วย แต่ถูกชายฉกรรจ์อีกคนผลักเช่นเดียวกัน จากนั้นได้มีการ์ดมาช่วยแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน “โดยส่วนตัวที่ถูกผลักพี่ไม่รู้สึกเจ็บ แม้แต่น้อย แต่มันเจ็บใจ เพราะพรรคการเมืองใหม่ก็เหมือนบ้านของเรา แต่กลับให้ใครก็ไม่รู้มาทำกับพวกพี่ซึ่งเป็นกรรมการก่อตั้งพรรค และปัจจุบันก็ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ ถึงขณะนี้”นางชญาดา กล่าว ด้านนางชญาบุญ กล่าวว่า ตนได้เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคการเมืองใหม่เมื่อเวลา 17.30 น.เพื่อมารอฟังมติกรรมการบริหารพรรค เมื่อมาถึงบริเวณชั้น 2 ก็พบสมาชิกพรรคที่เป็นพันธมิตรฯ กว่า 40 คนที่มารอฟังมติพรรคเช่นเดียวกัน และเห็นนางชญาดานั่งร้องไห้เพราะทนไม่ได้ที่มีคนในพรรคมากล่าวโจมตีนายสนธิ และ พล.ต.จำลอง กระทั่งเวลา18.00 น.ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ที่รออยู่ ได้ให้ตนเป็นตัวแทนขึ้นไปถามผลการลงมติ เพราะแต่ละคนมารอตั้งแต่ช่วงบ่ายยังไม่ได้รับประทานอาหาร หากยังไม่ลงมติจะรับประทานอาหารก่อน ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่รู้มาก่อนว่ามีการห้ามไม่ให้เข้าฟังมติพรรค จึงได้เดินขึ้นบันได และพบว่ามีคนนั่งขวางทางขึ้นอยู่ 3 แถว โดยแถวแรกเป็นชายฉกรรจ์ 4 คน แถวที่สองเป็นผู้หญิง 4 คน และแถวสุดท้ายเป็นผู้หญิง 3 คน ตนจึงขอทางกลุ่มคนดังกล่าว ซึ่งในตอนแรกคิดว่า เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ เช่นเดียวกับตนที่มานั่งรอฟังมติพรรค แต่มานั่งรอที่บันได นางชญาบุญ กล่าวต่อไปว่า กลุ่มคนดังกล่าวได้สอบถามว่าตนเป็นใครจะไปไหน ตนจึงบอกว่าตนเป็นกรรมการก่อตั้งพรรค จะไปพบนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าเพรรคการเมืองใหม่ เพื่อสอบถามมติพรรค กลุ่มคนดังกล่าวจึงได้ขอดูบัตร ตนบอกว่าขณะนี้ตนพกมาเพียงบัตรสมาชิกพรรค บัตรกรรมการพรรคอยู่ที่บ้าน จึงถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้น ตนจึงถามกลับว่าคนพวกนี้เป็นใครซึ่งได้รับคำตอบว่าเป็นกรรมพรรคจากต่างจังหวัด มาคอยป้องกันไม่ให้มีใครไปรบกวนการประชุมของกรรมการบริหารพรรค ตนจึงได้ถามกลับไปว่า เดี๋ยวนี้เขาเอาคนมากั้นคนกันแล้วหรือ นี่ตนเองเป็นสมาชิกพรรค เป็นกรรมการก่อตั้งพรรคยังถูกห้าม แล้วประชาชนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค ไม่ใช่พันธมิตรฯ จะหวังเข้ามาพึ่งพาพรรค จะยากลำบากแค่ไหน นายสมศักดิ์ เป็นนายกฯ หรืออย่างไรจึงเข้าพบไม่ได้ เมื่อได้ยินดังนั้นผู้หญิงซึ่งยืนขวางอยู่ได้ผลักอกตนจนเซถลา ก่อนจะมีการโต้เถียง เมื่อเห็นดังนั้น นางชญาดา และคนอื่นๆ จึงพยายามเข้ามาช่วยจึงถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ผลักอกเช่นเดียวกัน แต่โชคดีที่นายจาตุรันต์ บุญเบญจรัตน์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค มาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยจนเหตุการณ์สงบลง “เสียใจตรงที่ เดินเข้าไปความรู้สึกเหมือนบ้านโดนยึด เหมือนมีคนแปลกหน้าอยู่ในบ้าน มีโจรมาขึ้นบ้านแล้วปล้นบ้านไปต่อหน้าต่อตา ดิฉันเป็นกรรมการรุ่นแรก รุ่นก่อตั้งพรรคซึ่งที่ผ่านมาทุกคนในพรรคต่างรู้จักเป็นอย่างดี ยังถูกกระทำถึงขนาดนี้ หากเป็นประชาชนทั่วไปที่หวังพึ่งพรรคจะถูกกระทำขนาดไหน แล้วจะสามารถหวังพึ่งพาพรรคการเมืองใหม่ได้อย่างไร ”นางชญาบุญ กล่าว นางชญาบุญ กล่าวอีกว่า แม้จะรู้สึกผิดหวังกับ พรรคการเมืองใหม่ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ตนจะไม่ลาออก จะยังคงเป็นสมาชิกพรรคต่อไป เพื่อนำพาพรรคไปในแนวทางที่ถูกต้องและจะเดินหน้าโหวตโนในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ ******** เรื่องเกี่ยวเนื่อง:อนิจจังวัฏสังขารา พันธมารพะงาบๆเจียนตาย เห็บสหภาพรัฐวิสาหกิจโดดหนีล้อฟรีพร้อมเคราแพะ | |
http://redusala.blogspot.com |
จับสมยศยัดข้อหาหมิ่นฯสกัดล่า1หมื่นชื่อเลิก112 | |
คลิปการแถลงข่าวของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ในนามเครือข่ายประชาธิปไตย (คปต.) หยุด 112 หยุดคุกคามประชาชน เราต้องการเสรีภาพ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2554 ณ สำนักงาน Red Power ชั้น 5 อิมพีเรียล ลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยจะรวบรวมรายชื่อ 10,000ชื่อยกเลิกม.112 ล่าสุดโดนจับด้วยม.112 โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์ 25 เมษายน 2554 สมยศ พฤกษาเกษมสุข (กลาง)ขณะประชุมเครือข่ายประชาธิปไตยเพื่อรณรงค์ยกเลิกม.112 แต่ล่าสุดโดนจับกุมด้วยข้อหานี้เสียเอง นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และเลขาธิการเครือข่ายประชาธิปไตย (คปต.)ถูกตำรวจจับกุมเช้าวันนี้ ขณะพากลุ่มนักท่องเที่ยวไปทัวร์กัมพูชาบริเวณด่านปอยเปต โดยตำรวจแจ้งข้อหากระทำผิดมาตรา 112 ขณะที่กรุ๊ปทัวร์ที่เหลือตำรวจปล่อยให้เข้าไปท่องเที่ยวในกัมพูชาได้ ตำรวจควบคุมตัวนายสมยศเข้ากรุงเทพฯ คาดว่าจะนำมาดำเนินคดีที่DSI ราว16.00น.วันนี้ ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้นัดรวมตัวกันให้กำลังใจ และเรียกร้องปล่อยตัวที่หน้าDSI ทั้งนี้สำนักข่าวTPNewsรายงานว่า ตำรวจตั้งข้อหาเขาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น อาจสืบเนื่องมาจากการจัดทำหนังสือ"Voice of Taksin"ซึ่งถูกปิดตัวไปนานแล้วจากการที่ตำรวจเข้ายึดโรงพิมพ์ โดยกล่าวหาว่าหนังสือดังกล่าวทำผิดต่อม.112 นายสมยศ กล่าวเปิดเผยทางโทรศัพท์ภายหลังถูกจับกุมว่า เขาถูกกักตัวที่ด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)ปอยเปต(ฝั่งไทย)และ ตม.กำลังประสานงานกับ DSI อยู่ ระหว่างถูกควบคุมตัวเขาสบายดี ถ้า DSI เป็นฝ่ายแจ้งข้อหาให้จับกุม ก็คงจะติดคุกซักสาม-สี่วัน แล้วก็จะประกันตัวออกมา แต่ถ้ามันไม่ให้ประกันตัวก็คงติดคุกยาว และกล่าวทิ้งท้ายว่า"ไม่เป็นไร คนอยู่ข้างนอก ก็สู้กันต่อไป..ที่จะรวบรวมรายชื่อ10,000ชื่อยกเลิก112ก็ยังมี คปต.ดำเนินงานกันต่อไป" นายสมยศกำลังอยู่ในช่วงรณรงค์ให้ยกเลิกมาตรา 112 โดยเพิ่งจัดแถลงข่าว"หยุด 112 หยุดคุกคามประชาชน เราต้องการเสรีภาพ"เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ณ สำนักงาน Red Power ชั้น 5 อิมพีเรียล ลาดพร้าว โดยประเด็นสำคัญในการแถลงข่าวคือ 1. คัดค้านการคุกคามเสรีภาพประชาชนในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นเชิงสาธารณะภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญไทย และการกระทำใดๆ ก็ตามที่ขัดต่อหลักกฎหมายและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน 2. เรียกร้องและผลักดันให้มีการยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งในปัจจุบันฝ่ายเผด็จการได้ใช้เป็นเครื่องมือคุกคาม สิทธิ เสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยทางเครือข่ายฯ ได้จัดทำแบบให้ประชาชนร่วมลงชื่อขั้นต่ำ 10,000 ชื่อ (ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ) เพื่อยกเลิกมาตรา 112 ผ่านทางรัฐสภา 3. คปต. จะจัดเวทีปราศรัยในวันครบรอบ 1 ปี การต่อสู้ของคนเสื้อแดงในวันที่ 19 พฤษภาคม 2554 ณ ลานบริเวณอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี เวลา 17.00–23.00 น. นายสมยศเคยถูกจับครั้งหนึ่งหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุม 19 พฤษภาคม 2554 พร้อมกับดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ข้อหาขัดพรก.ฉุกเฉิน โดยถูกนำไปขังไว้ในค่ายทหารราว 10 วันก่อนได้รับการปล่อยตัว เขากล่าวในการแถลงข่าวเมื่อ 25 เมษายนที่ผ่านมาว่าการเคลื่อนไหวยกเลิกม.112ด้วยการรวบรวมรายชื่อ 10,000รายชื่อเสนอผ่านทางรัฐสภา เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญนั้นไม่ขัดต่อกฎหมาย ก็หวังว่าตำรวจจะไม่ดำเนินคดีกับเขาด้วยม.112 แต่ท้ายสุดก็มีการดำเนินคดีนายสมยศในคดีดักงล่าว กลุ่มผู้สนับสนุนนายสมยศได้นัดหมายกันทางเฟซบุ๊คไปรวมตัวกันรอที่หน้าDSIเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมยศ "ข่าวด่วนพี่สมยศถูกจับข้อหา 112 ที่ด่านอรัญ ตอนนี้ตำรวจกำลังนำตัวมาที่ดีเอสไอ ใครว่างเจอกันหน้าดีเอสไอ"เฟซบุ๊คของผู้ใช้นามว่าคำเกิ่ง แห่งทุ่งหมาหลงระบุ | |
http://redusala.blogspot.com |
วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554
Democracy Network campaign for 10,000 signatures to repeal lèse majesté law | |
Fri, 29/04/2011 - 00:29 | by prachatai On 25 April, the Democracy Network made a public call for the abolition of Article 112 of the Criminal Code and an end to restricting the people’s freedom of expression. The call was made at the office of Red Power magazine at the red-shirt headquarters, Imperial Lad Phrao, in Bangkok. According to Red Power editor Somyos Phrueksakasemsuk, the Democracy Network, made up of groups and individuals supporting the United Front of Democracy against Dictatorship, are campaigning to abolish the lèse majesté law, or Article 112 of the Criminal Code, as it has been politically abused. Somyos said that the military’s actions, including the army chief’s comments, lèse majesté complaints made against leaders of the UDD and recent shows of force, were serious and inappropriate, damaging the atmosphere towards reconciliation and the next general elections. He expected that political conflicts would grow ever more intense, and said that the attempts to intimidate academics such as Somsak Jeamteerasakul for criticizing the monarchy, and to revoke the bail of red-shirt leaders were meant to prevent red-shirt gatherings to mark the first anniversary of the massacre. The Network will hold activities to condemn those who were behind the killings starting from 7 May at Wong Wian Yai, then in several provinces, and at the statue of King Rama VI at Lumphini Park on 19 May. It is gathering 10,000 signatures to revoke Article 112 through Parliament as allowed by the constitution. Prawase Praphanukul, lawyer for lèse majesté convict Daranee Charnchoengsilpakul, said that the call for the repeal of Article 112 was lawful and constitutional. He said that the article was a cause for endless allegations. He had listened to Jatuporn Phromphan’s speech on 10 April. The speech condemned the military, but was alleged to be a lèse majesté offence only because it mentioned the Royal Guard. | |
http://redusala.blogspot.com |
THAILAND: Threats to academic reflect continuous decline in enjoyment of fundamental rights, | |
http://www.prachatai.com/english/node/2458Fri, 29/04/2011 - 11:23 | by prachatai Asian Human Rights Commission At a press conference in Thailand on 24 April 2011, Somsak Jeamteerasakul and several coalitions of academics, human rights activists, and journalists released statements calling for the protection of freedom of speech in Thailand. These statements were in response to a series of blatant threats made towards Somsak over comments that some people have considered amounted to criticism of the royalty. Somsak's statement at this event is available on the independent news website, Prachatai: http://prachatai.com/english/node/2441. Among the threats, the most alarming is that from the current commander of the army, General Prayuth Chan-ocha, who directly criticized and derided Somsak in an interview on April 7, describing him as "a mentally ill academic" who "is intent on overthrowing the institution" of the monarchy. In the current highly polarized political situation in Thailand, where ultra-conservative forces are using the symbolic power of the king and royal institutions to advance a new authoritarian project, these statements from the head of the army are not only inappropriate but also are extraordinarily dangerous. While the police have not yet charged Somsak with any offence, according to various sources, some kind of investigation is underway against him. At the same time, he has been threatened extralegally. Unknown men have come on motorcycles to nearby his house, and he has been receiving harassing telephone calls, which in Thailand constitute early warning signals of impending violence if the target does not stop whatever he or she is doing. In one of the statements released on April 24, the Santiprachatham Network wrote: "We urge all parties involved to stop threatening the academic freedom of Somsak and other individuals who hold differing political views. Please be aware that the expression of differing views is not a problem. Instead, widespread violations of the rights and freedoms of the people which have occurred since the 2006 coup is the root cause of the crisis which Thai society now faces." (Full statement on Prachatai:http://prachatai.com/english/node/2439.) The Asian Human Rights Commission endorses this statement, which reflects a position that it took on the 2006 coup from the day of the coup itself. It adds that it is especially concerned at the growing use of legal and extralegal measures in purported defence of the monarchy as a means to further deny fundamental rights in Thailand. These include, most recently, reports that the Crime Suppression Division of the national police force has identified the names of 54 people who posted comments on a website that has been targeted in the past for alleged anti-monarchical contents, Fa Diew Kan (Same Sky), and whom the CSD may put forward for prosecution under the lese majesty provisions of article 112 in the Criminal Code. The AHRC also has been following closely reports that in recent days, army personnel and staff of the Department of Special Investigation have raided anti-government community radio stations across the country in what is apparently a new coordinated effort to stamp out critical media aligned with, or part of, the "red shirt" movement. It would appear from these reports that the DSI, which was set up under the justice ministry with the intention that it would investigate crimes requiring specialized expertise of a non-police, non-military agency, has now been reduced to nothing more than another appendage of the new internal security state, and instead of investigating crime is instead hunting down political dissidents. The Asian Human Rights Commission has for some time been warning the international human rights community that Thailand has been steadily regressing towards a new type of anti-human rights and anti-rule of law system in which the values associated with these concepts are advertised widely at home and abroad but in which state institutions are not only emptied of those values, but in fact are inverted to serve precisely the opposite ends from what they purport to serve. It is by now clear that the project towards this anti-human rights and anti-rule of law system in Thailand is well underway. The AHRC therefore calls on all concerned parties, in particular the United Nations Special Rapporteur on freedom of opinion and expression and the Special Rapporteur on human rights defenders, to investigate reports of these recent cases and to intervene, first for the safety of the persons threatened, especially Somsak Jeamteerasakul; and second, for the sake of the people of Thailand as a whole. If the creeping entrenchment of military-backed authoritarian forces in Thailand is not soon addressed, then it will add many years to the amount of time that it will already take for the country to dig itself out of the hole into which the 2006 coup put it. # # # About AHRC: The Asian Human Rights Commission is a regional non-governmental organisation monitoring and lobbying human rights issues in Asia. The Hong Kong-based group was founded in 1984. | |
http://redusala.blogspot.com |
แถลงการณ์แนวร่วมแดงสยามฯ ปฏิเสธการปรองดองจอมปลอมและเสนอต้อง 5 ปฎิรูป 3 ปฎิวัติ | |
แนวร่วมแดงสยามเพื่อประชาธิปไตย : แถลงการณ์ ปฏิเสธการปรองดองจอมปลอมและเสนอต้อง 5 ปฎิรูป 3 ปฎิวัติ เพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมแห่งสันติภาพ บรรยากาศทางการเมืองโดยรอบที่เกิดขึ้นในช่วงขณะเวลา แห่งการปรองดอง เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้ง แม้จะมีการเปิดศึกจากหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการให้ DSI ยื่นถอนประกันตัวแกนนำ นปช. จนกระทั้งไล่ปิดวิทยุชุมชน ก็เป็นเพียงเกมแสดงแสนยานุภาพอำนาจของฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐขณะนี้ แต่แล้วการตัดสินใจที่แท้จริงของทั้งสองฝ่าย คือผู้มีบารมีนอกรัฐสภา และเพื่ออะไรๆที่เกิดขึ้นในช่วงแห่งการประลองกำลังที่เหลืออยู่ แนวร่วมแดงสยามเพื่อประชาธิปไตย จึงได้ขอปฎิเสธเส้นทางเดินแห่งการปรองดองจอมปลอม แต่สนับสนุนแนวทางการเลือกตั้ง ซึ่งได้รวบรวมแนวคิดหลักแห่งการปฏิรูปและปฏิวัติ ซึ่งในแนวทางของเรามีดังนี้ 1 สิทธิในการยกเลิก มาตรา 112 ซึ่งถือได้ว่าเป็นกฎหมายที่ฝ่ายการเมืองนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมากที่สุด และทำให้การตีความของหน่วยงานยุติธรรมไม่ยืนอยู่บนหลักอุดมการณ์ประชาธิปไตย สูญเสียความชอบธรรมแห่งหลักการนิติรัฐ 2 สิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองและกันเอง เพื่อยืนยันหลักการรับผิดชอบตัวเองและสังคม ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักแห่งการสร้างแนวทางปฏิบัติความเสมอภาค อันที่แท้ ความเสมอภาคต้องสร้างจากการเคารพในตนเองให้ได้ก่อน เป็นการสร้างจริยธรรมขั้นพื้นฐาน เละการสร้างหลักประกันแก่สังคมว่าจะไม่สร้างลัทธิกู ลัทธิผู้วิเศษ หรือลัทธิหลงตัวเอง จนเป็นเหตุให้สังคมตกอยู่ในโรคความล้มเหลว งมงายไร้เหตุผล ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์กันเองอย่างสร้างสรรค์จึงเป็นเป้าหมายหนึ่ง ในงานการปฏิรูป 3 สิทธิในการป้องกันตัวเอง ในเวลาที่รัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชน ซึ่งสิทธินี้อยู่ประมวลกฎหมายอาญา(ไทย)มาตรา๖๗มาตรา๖๘มตรา๖๙มาตรา๗๒ มาตรา ๓๗๔ ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน อาทิ สิทธิพื้นฐานของบุคคล สิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยเข้าเป็นภาคีเมื่อวันที่27 กันยายน 2539 และเป็นการยืนยันหลักการสากล แห่งกฏบัตรสหประชาชาติ มาตรา 42 มาตรา43 มาตรา 45 มาตรา51 4 สิทธิ ในการป้องกันความหลากหลายทางชีวภาพ หมายถึง หลักการเคารพความหลากหลายในวิถีแห่งชีวิตแห่งชุมชน และท้องถิ่น ทางเชื้อชาติ ทางเพศ ทางวัฒนธรรม และการเลือกโอกาสช่องทางทำหากินอย่างสุจริตชน 5 สิทธิในไต่สวนถามหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม ในการล้อมปราบประชาชน ในปี2553 และเหตุการณ์ความรุนแรง 6 ตุลาคม2519 ซึ่งในเหตุการณ์การล้อมปราบ2553รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ หรือรัฐบาลในอนาคต ต้องมีหน้าที่ร่วมมือให้การสนับสนุน ในเฉพาะหน้าต้องให้งบประมาณ ชดเชยผู้ที่เสียชีวิตและหรือทุพพลภาพ 10 ล้านบาทขึ้นไปแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและ5 ล้านบาทขึ้นไปแก่ผู้ทุพพลภาพ ในแนวทางการปฎิวัติ มีดังนี้ 1 ปฎิวัติการศึกษา สร้างองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ทางสังคม ทางวัฒนธรรม ทางความคิด 2 ปฎิวัติเศรษฐกิจ สร้างระบบเศรษฐกิจ คู่ขนานระหว่างชาติกับภูมิภาคและสร้างฐานชนชั้นกลางใหม่เพิ่มขึ้น 3 ปฎิวัติการเมือง สร้างนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยเสรี และสร้างการเมืองเพื่อคนรุ่นใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทนักการเมือง เพื่อสร้างรากฐานสถาบันการเมืองเพื่อสังคมใหม่แห่งสันติภาพ 29 เมษายน2554 | |
http://redusala.blogspot.com |
ลิ้มหลอนโดดหลบกระสุน?บนเวทีพันธมาร | |
สนธิ ลิ้มทองกุล บนเวทีพันธมิตร คืนวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา คลิป จาก you tube ในนาทีที่ 21.31 - 21.34 ขณะที่กำลังปราศรัยโจมตีเรื่องไทย-กัมพูชา นายสนธิได้โดดหลบไปทางซ้ืายทีพร้อมนำมือป้องหัว ทำสีหน้าตกใจ แล้วโดดหลบไปทางขวาอีกที ท่ามกลางความตื่นตลึงของผู้ชุมนุมพันธมิตรที่ส่งเสียงฮือฮา นายสนธิถามว่า"อะไรพี่น้อง"พอผู้ชุมนุมตอบมาเขาพูดว่า "ไม่ได้ยืิน"แล้วนายสนธิก็ปราศรัยต่อไป ฉายซ้ำชัดๆ"กูจะยิงมึงๆ" ช็อตต่อช็อตโจกลิ้มหลบอะไรบนเวทีพันธมาร มีคนตาดีสังเกตจากคลิปในYoutubeว่า เหตุการณ์ที่สนธิลิ้มมีอาการหลอน โดดหลบบนเวทีพันธมิตรนั้น อาจเป็นเพราะมีลำแสงคล้ายเลเซอร์ไปปรากฎที่กบาลขณะกำลังปราศรัยด่ารัฐบาลว่า"ขี้ขลาด"ในกรณีขัดแย้งไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ดีคนตาดีอีกฝ่ายมองว่า ไม่น่าใช่แสงเลเซอร์ แต่เป็นรูปฉากหลังเวที ที่โจกลิ้มโดดหลบเป็นพัลวันเพราะประสาทหลอนไปเอง อนิจจังวัฏสังขารา พันธมารพะงาบๆเจียนตาย เห็บสหภาพรัฐวิสาหกิจโดดหนีล้อฟรีพร้อมเคราแพะ ดูอัลบั้มภาพสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจเมื่อครั้งยังหวานชื่นกับพันธมิตร(ลิ้งค์)ล่าสุดเตียงหักซะแล้ว แต่กว่าจะเตียงหักก็รอจนกระทั่งสนธิลิ้มหักดิบไม่ให้สมศักดิ์เคราแพะนำพรรคการเมืองใหม่ลงเลือกตั้ง อนิจจัง วัฏสังขารา อกุสลา ธรรมา.. ที่ประชุมกรรมการบริหารสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) พิจารณาและมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แกนนำสรส. ถอยออกมาเพื่อทบทวนท่าทีการเข้าร่วมชุมนุมพันธมิตรฯ โดยเฉพาะการขึ้นเวที ซึ่งจะไม่ให้กรรมการบริหารสรส. ขึ้นเวทีปราศรัย หรือทำกิจกรรมอื่นบนเวทีการชุมนุมพันธมิตร รวมทั้งให้นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ที่ปรึกษาสรส. ถอนตัวจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) รุ่นที่ 1 และนายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการ สรส. ถอนตัวจากแกนนำพธม.รุ่นที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2554 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และที่ปรึกษาสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ หรือ สรส. กล่าวถึงกรณีถอนตัวจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตามมติที่ประชุม สรส.ว่า ยืนยันจิตวิญญาณตนคือพันธมิตรฯ โดยจะไปเข้าร่วมกิจกรรมที่มีประโยชน์เท่านั้น พร้อมปฏิเสธแตกคอกับแกนนำพันธมิตรฯ คนอื่น ขณะเดียวกันยอมรับด้วยว่า นายพิเชฐ พัฒนโชติ รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ลาออกจากสมาชิกพรรคแล้ว เพื่อลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคอื่น นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยืนยันว่า นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และแกนนำพันธมิตร ในฐานะที่ปรึกษาสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ หรือ สรส.ได้ลาออกจากการเป็นแกนนำพันธมิตรฯ แล้วแต่ยังไม่ทราบเหตุผลอย่างเป็นทางการ เป็นที่น่าสังเกตว่าการประกาศถอนตัวดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่พันธมิตตรฯกดดันให้พรรคการเมืองใหม่ที่นำโดยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ประกาศไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ทำให้นายสมศักดิ์ไม่พอใจ และมีกระแสข่าวว่านายสุริยะใส กตะศิลา และนายสำราญ รอดเพชร ก็อาจจะถอนตัวออกจากพันธมิตรด้วย แต่ยังไม่เป็นที่ยืนยัน | |
http://redusala.blogspot.com |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)