วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554


ยิ่งลักษณ์’ชิงนายกฯประกาศไม่แก้แค้นมุ่งแก้ไขปัญหาสร้างปรองดอง

      เรื่องจากปก
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3055 ประจำวัน อังคาร ที่ 17 พฤษภาคม 2011
         พรรคเพื่อไทยมีมติเอกฉันท์ส่ง “ยิ่งลักษณ์” ขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 1 ท้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ประกาศชัดตั้งใจเข้ามาทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน มุ่งสร้างความสมานฉันท์ปรองดองให้เกิดในชาติ ไม่คิดแก้แค้นใคร หากได้บริหารประเทศพร้อมเปิดใจคุยกับทุกฝ่ายเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง “อภิสิทธิ์” ยินดีที่มีความชัดเจนให้กับประชาชนก่อนตัดสินใจลงคะแนนเสียง ยืนยันพร้อมประชันวิสัยทัศน์ทุกเวที ประชาธิปัตย์จัดลำดับผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์เสร็จแล้วมั่นใจได้ไม่ต่ำกว่า 55 ที่นั่ง โฆษกภูมิใจไทยอ้อนอย่าเทเสียงให้ 2 พรรคใหญ่ หากแพ้ชนะกันไม่ขาดจะยิ่งมีปัญหามากขึ้น “จาตุรนต์” ระบุหากเพื่อไทยได้ไม่ถึง 235 เสียง โอกาสเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลยาก แม้จะชนะเลือกตั้ง

ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา มีมติเอกฉันท์เลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวขอบคุณสมาชิกพรรคที่ไว้วางใจเลือกเป็นตัวแทนพรรค โดยยืนยันว่ามีความพร้อมและจริงใจที่จะเข้ามาทำงานให้กับพรรค
“เป็นตำแหน่งที่มีคุณค่าและมีเกียรติอย่างมาก ดิฉันมีความมั่นใจในแนวนโยบายของพรรคว่าสามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้ดังที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในอดีต และมั่นใจว่าพรรคมีบุคลากร ทีมงาน และที่ปรึกษาที่มีคุณภาพในทุกด้าน”


ต้องการเห็นสามัคคีปรองดอง


น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การตัดสินใจเข้าสู่การเมืองในครั้งนี้ก็เพราะต้องการเห็นความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน และขอให้มั่นใจได้ว่าแนวทางของพรรคเพื่อไทยนั้นไม่คิดแก้แค้น แต่จะมุ่งแก้ไข ซึ่งจะทำภารกิจนี้อย่างเต็มที่


“จะขอใช้ความเป็นผู้หญิงก้าวเข้าหาความปรองดองเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า และจะเร่งฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องของประชาชน เมื่อเข้ามาแล้วก็อยากเห็นการเมืองที่สร้างสรรค์ เป็นไปตามหลักนิติธรรม ขอยืนยันในความมุ่งมั่นทุ่มเทที่จะเข้ามาทำงาน และจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับสมาชิกพรรคทุกคน เพื่อก้าวไปให้ถึงจุดมุ่งหมายในการทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชนและประเทศชาติ”


พร้อมรับการตรวจสอบตามกติกา


น.ส.ยิ่งลักษณ์ยืนยันว่า พร้อมรับการตรวจสอบทางการเมืองตามกฎ กติกา มารยาท และตามหลักนิติธรรม อยากจะขอโอกาสจากประชาชนในการทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยเพื่อพิสูจน์ฝีมืออีกครั้งเหมือนกับที่ประชาชนเคยให้ความไว้วางใจกับ พ.ต.ท.ทักษิณในอดีต


น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ภาระอันยิ่งใหญ่ของนักการเมืองคือการทำงานรับใช้ประชาชน ส่วนตัวทำธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก ขณะที่พี่ชายและพี่สาวก็อยู่ในวงการเมืองมาก่อน ทำให้รู้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอย่างดี ประสบการณ์การทำงานผ่านงานด้านบริหารและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความรู้ทางการเมืองก็เรียนจบด้านรัฐศาสตร์โดยตรง


ให้ความสำคัญกับเยาวชน


“การทำงานกับมูลนิธิไทยคมในช่วงที่ผ่านมาได้ร่วมพัฒนาด้านการศึกษาและกีฬามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มองเห็นว่าอนาคตของเยาวชนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นอนาคตของประเทศ”
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวอีกว่า ตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2549 จนกระทั่งวันนี้ประชาชนยังเรียกร้องและต้องการการทำงานแบบ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องความขัดแย้งนั้นอยากให้ทุกคนมองข้ามไปเพื่อให้เกิดความสามัคคีปรองดอง


ยันมุ่งแก้ไขปัญหาไม่แก้แค้น


“ขอย้ำว่าไม่คิดแก้แค้น แต่พร้อมจะแก้ไข โดยมุ่งทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนเป็นหลัก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ส่วนข้อสงสัยต่างๆนั้นพร้อมเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ภายใต้กฎกติกาที่เป็นธรรม ขอยืนยันว่าจะทุ่มเทแรงกายและแรงใจทำงานให้ประชาชนอย่างเต็มที่ จึงอยากขอโอกาสจากประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย”


ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าได้เป็นนายกฯจะนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ภายใต้หลักนิติธรรม ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักของกฎหมาย การทำงานจะนึกถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ขอย้ำว่าต้องการเห็นความปรองดอง โดยพร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับทุกคนที่เห็นแตกต่างกัน


เข้าใจการเมืองดี เชื่อประสานได้ทุกฝ่าย


“การทำงานที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ห่างจากการเมืองเท่าไร ทำให้เข้าใจการเมืองเป็นอย่างดี การเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้ประชาชนพิจารณาคุณสมบัติของคู่แข่งขัน ดิฉันเป็นผู้หญิงสามารถประสานกับทุกฝ่ายได้ และพร้อมพูดคุยกับทุกฝ่าย โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวพร้อมยืนยันว่า ไม่ได้เข้ามาทำงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่มาทำเพื่อคนไทยทุกคน เชื่อว่าประชาชนจะพิจารณาอย่างรอบคอบในการลงคะแนน โดยเปรียบเทียบจากประสบการณ์ นโยบาย และทีมงาน


ผู้สื่อข่าวถามว่ามีวิธีนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะพูดตอนนี้ รอให้ประชาชนตัดสินใจก่อนว่าจะเลือกใครเข้ามาบริหารประเทศ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน


“ยิ่งลักษณ์” ไพ่ใบสุดท้ายของ “ทักษิณ”


นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มรากหญ้า 15 คน คนที่น่าสนใจคือนายคำตา แคนบุญจันทร์ อดีตแกนนำกลุ่มเกษตรกรภาคอีสาน ที่ขับรถอีแต๋นเข้ากรุงเทพฯมาให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณในช่วงที่ถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมขับไล่เมื่อปี 2549


นายศุภชัยกล่าวถึงการเปิดตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทยว่า เป็นไพ่ใบสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการเดิมพันหมดหน้าตัก จึงเป็นห่วงว่าจะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นในทุกมิติ



ภท. วอนอย่าเทเสียงให้พรรคใหญ่

“ประชาชนควรเลือกพรรคขนาดกลาง หากเทเสียงให้ 2 พรรคใหญ่จะไม่เกิดประโยชน์ เพราะถ้าผลออกมาแพ้กันแค่ 2-3 เสียงจะยิ่งมีปัญหาไม่จบ จัดตั้งรัฐบาลลำบาก ประชาชนต้องคิดเรื่องนี้ด้วย”


นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีประเทศจะไม่สงบ การที่พรรคเพื่อไทยชู น.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้นมาเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าพรรคการเมืองไม่ได้เป็นของประชาชน แต่เป็นของนายทุนพรรค นี่คือตัวอย่างการเมืองที่ล้มเหลว
“วันที่ 19 พ.ค. นี้ ซึ่งเป็นเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง พันธมิตรฯจะไปรณรงค์โหวตโนด้วย”


“มาร์ค” นั่งพิจารณารายชื่อผู้สมัคร


ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้เดินทางกลับจากพักผ่อนที่หัวหินเข้าที่ทำการพรรค เพื่อร่วมพิจารณารายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ


นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหลังการประชุมนานกว่า 4 ชั่วโมงว่า ได้รายชื่อผู้สมัครครบ 125 คนแล้ว รอเสนอให้กรรมการบริหารพรรครับรอง ส่วนรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขตยังไม่เรียบร้อยอีก 8 เขต แยกเป็นภาคเหนือ 4 เขต ภาคอีสาน 4 เขต เนื่องจากมีผู้ประสงค์ลงสมัครมากกว่า 1 คน จึงต้องรอผลโพลสำรวจความนิยมในพื้นที่ก่อน และต้องรอดูคู่แข่งจากพรรคอื่นด้วย


“การจัดลำดับผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเป็นไปตามโครงสร้างพรรค คือกรรมการบริหารจะมีชื่ออยู่ในลำดับแรกๆ ตามด้วยอดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส. ทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรค เพราะคนกลุ่มนี้ทำงานให้กับพรรค”


“อภิสิทธิ์-ชวน” นำหัวขบวนปาร์ตี้ลิสต์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 10 ลำดับแรกผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 2.นายชวน หลีกภัย 3.นายบัญญัติ บรรทัดฐาน 4.นายเทอดพงษ์ ไชยนันท์ 5.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ 6.นายกรณ์ จาติกวนณิ 7.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช 8.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน 9.นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี 10.นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ โดยที่ประชุมประเมินว่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่า 55 คน


นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า จะเปิดเผยรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมดในวันที่ 18 พ.ค. นี้ ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะประชาชนอยากเห็นความชัดเจนเพื่อจะได้ตัดสินใจอนาคตของบ้านเมืองได้


คุยประชาธิปัตย์มีนโยบายชัดเจน


“ผมไม่ได้คิดเรื่องผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะต่างอาสาเข้ามาทำงานเหมือนกัน พรรคประชาธิปัตย์ได้นำเสนอนโยบายที่ชัดเจนเน้นแก้ปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติด และสานต่อโครงการดีๆ เช่น การประกันรายได้เกษตรกร เรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะเสนออะไรต้องรอฟังกัน” นายอภิสิทธิ์กล่าวและว่า ไม่มีปัญหาการขึ้นเวทีดีเบตหรือแสดงวิสัยทัศน์ที่องค์กรต่างๆจะจัดขึ้น แต่เป็นห่วงการนำเสนอของพรรคเพื่อไทยโดยพาะเรื่องนิรโทษกรรมที่อาจทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นอีก เพราะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้พยายามทำสิ่งเหล่านี้และทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น บ้านเมืองวุ่นวาย หากยึดติดกับเรื่องนี้ปัญหาของประชาชนที่ควรจะได้รับการแก้ไขก่อนจะถูกละเลย


ชทพ. มักน้อยหวังรักษา 25 ที่นั่ง


ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคชาติไทยพัฒนา นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค เปิดเผยว่า พรรคพิจารณาบัญชีผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเสร็จแล้ว โดยส่งเต็มจำนวน 125 คน ส่วนผู้สมัคร ส.ส.เขตยังไม่เรียบร้อย


“พรรคไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่รักษาของเดิม 25 เสียงไว้ให้ได้ก็พอใจแล้ว”


ไม่ถึง 235 เสียง พท. ตั้งรัฐบาลยาก


นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง แต่จะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือไม่ยังบอกไม่ได้ ส่วนโอกาสในการเป็นแกนนำรัฐบาลนั้นหากได้ 235 เสียงขึ้นไปก็มีโอกาส เพราะพรรคเล็กจะมารวมกับพรรคเพื่อไทยเนื่องจากมองว่าหากไปรวมกับประชาธิปัตย์จะทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพเพราะเสียงเกินครึ่งไม่มาก การลงมติในสภาเรื่องสำคัญจะมีปัญหา เพราะรัฐมนตรีลงคะแนนเสียงไม่ได้


“ถ้าพรรคเพื่อไทยได้แค่ 200-210 เสียง แม้จะชนะพรรคประชาธิปัตย์ก็คงยากที่จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะพรรคเล็กคงไปรวมกับพรรคประชาธิปัตย์ตามแรงสนับสนุน แต่หากพรรคเพื่อไทยได้เสียงใกล้เคียงกึ่งหนึ่ง ผมยังมองไม่ออกว่าจะสกัดไม่ให้พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้อย่างไร” นายจาตุรนต์กล่าวและว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งจะทำให้ประเทศชาติผ่านวิกฤตไม่ได้ และจะมีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม โดยเฉพาะปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่ไม่สามารถชี้แจงในสภาได้ในช่วงที่ผ่านมา 



แต่นายอภิสิทธิ์ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลมีอำนาจต่อรองมาก หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลอีกพรรคร่วมจะมีอำนาจต่อรองมากขึ้นอีก ภาพของการบริหารไม่ได้ ทำงานไม่เป็น และการทุจริตก็จะยังคงอยู่ ที่สำคัญปัญหาสองมาตรฐานจะมีต่อไป เพราะพรรคประชาธิปัตยืไม่คิดทำอะไรกับเรื่องพวกนี้

*********************
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น