ในที่สุด ประชาชนทั้งประเทศก็ได้เห็นพิธีการทำรัฐพิธีเปิดประชุม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๗.๐๐ น. เพื่อเป็นการ “ยืนยัน” ว่าประเทศ ไทยได้ยอมรับผลเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นผลให้นานาประเทศได้เห็นแนวโน้มว่าต่อจากนี้ไป ประเทศไทยคงจะได้ใช้พรรคการเมืองที่ได้ชัยชนะเสียงข้างมากเข้ามาบริหารประเทศชาติต่อไป ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีหลังจากการเมืองไทยล้มลุกคลุกคลานติดต่อกันเนิ่นนานถึง ๕ ปีเต็ม
ในวันเดียวกันนั้น ยังได้พบกับการตัดสินใจของ กกต. ที่ได้ประกาศรับรองนายจตุพร พรหมพันธุ์ ด้วยคะแนน ๔ ต่อ ๑ ทำให้หัวใจของประชาชนสดชื่นแจ่มใสขึ้นมาทันตาเห็น
ในบรรยากาศอันแสนดีกำลังจะเกิดขึ้น แต่กับอีกฝ่ายหนึ่ง คือสันติอโศกกับพันธมิตรจะเป็นจะตายเอาให้ได้ โดยเฉพาะคือ “สันติอโศก” นำโดยนายรัก รักษ์พงศ์ หรือ “โพธิรักษ์” กับพลตรี จำลอง ศรีเมือง ยังคงปล่อยให้สาวกออกมาแสดงอาการไม่เห็นด้วยกับชัยชนะของพรรคเพื่อไทยด้วยการส่งเสียงโวยวายผ่านสถานีวิทยุชุมชน FM ๙๒.๒๕ รับฟังได้ไกลถึง จ.ระยอง ซึ่งเมื่อใครได้ฟังก็จะรู้ทันทีว่าคนสองกลุ่มนี้ (สันติอโศกกับพันธมิตร) รวมหัวกันต่อต้านพรรคเพื่อไทยสุดใจขาดดิ้น
จะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป เพราะคนมันรักกันไม่ได้ก็ไม่ต้องรัก
แต่ที่ไม่เอาไหนเลย..? ก็เพราะการทำงานของพรรคเพื่อไทยเป็นงานการเมือง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติทั้งประเทศ ไม่ใช่งานบริษัท และเป็นงานที่คนทั้งแผ่นดินร่วมได้เสีย มิใช่เป็นงานที่พรรคเพื่อไทยจะเสกให้เป็นไปตามใจชอบของคนเสื้อแดง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง งานการเมืองที่พรรคเพื่อไทยกำลังทำอยู่ในขณะนี้เป็นงานที่ชนะมาจากการเลือกตั้ง ๒๖๕ ต่อ ๑๕๙ อันมิใช่งานที่ได้มาจากการปล้นอำนาจแต่ประการใด
เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเหตุไรเล่าสันติอโศกกับพันธมิตรจึงแห่ออกมาต่อต้านอยู่ได้
ต่อต้านแบบไม่มีมันสมองเลยนี่หว่า ?
ตรงนี้ อยากเขียนคำถามถึง “โพธิรักษ์” เป็นกรณีพิเศษ และอยากให้โพธิรักษ์ได้อ่านบันทึกนี้ เพื่อจะได้พิจารณาดูการกระทำของตังเองว่ามันออกนอกลู่นอกทาง-ไปทางไหนบ้าง ? และหวังว่าโพธิรักษ์ที่ประเกาศอยู่เสมอว่าเป็นผู้ “ถึงพร้อมด้วยเหตุผล” เอาเข้าจริง มีความถึงพร้อมจริงหรือไม่
ข้อที่หนึ่ง :ว่าด้วยจุดยืนทางการเมืองของโพธิรักษ์ที่กำลังปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน มีเหตุผลชี้ชัดว่าไม่สนับสนุนแนวทางเลือกตั้ง ซึ่งเป็นจุดยืนที่สวนทางกับชาวโลก ? เราทราบว่าพวกท่านเสนอให้ Vote NO ในทุกกรณีเพื่อจะอาศัย โหวต โน เอาไปเสนอให้ถวายคืนพระราชอำนาจ แล้วปิดประเทศ ๕ ปี ? ทำให้ขอม ดำดิน สงสัยความคิดแบบนี้มาก จึงอยากถามว่าเหตุไรจึงมีจุดยืนอย่างนี้ไปได้
ขอให้ตอบคำถามนี้ผ่าน อีเมล์ :peoplechannelnews@gmail.com
ข้อที่สอง :พลตรีจำลอง ศรีเมืองกับสนธิ ลิ้มทองกุล โจมตี พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย ยกพวกออกมาต่อต้านและบ่อนทำลายอย่างหนักหน่วง ซึ่งต่อมาได้ยึดทำเนียบรัฐบาลเบ็ดเสร็จ จนรัฐบาล คณะรัฐมนตรีไม่อาจจัดประชุมได้ ต้องหนีไปใช้สนามบินดอนเมืองเป็นที่ทำการ) แล้วพวกท่านก็ตามไปยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิในที่สุด
การยึดสถานที่สำคัญระดับชาติในคราวนั้น โพธิรัก์คือหัวหน้าใหญ่คอยให้การสนับสนุนทั้งกองทัพธรรมและอาหารการกิน อยากทราบว่าแนวคิดของสันติอโศกแบบนี้เป็นของตัวเอง หรือว่ามีใครหนุนให้ทำ อันนี้ก็อยากให้ตอบอย่างเปิดเผยแบบลูกผู้ชาย?
ข้อที่สาม : เรื่องเก่าของโพธิรักษ์ที่ออกบวชเพื่อแสวงหาโมกธรรม โดยได้บวชที่วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ (ธรรมยุตินิกาย) แล้วหนีออกจากวัดอโศการาม ไปอยู่จังหวัดนครปฐม เปลี่ยนเป็นมหานิกาย แล้วประกาศไม่ขึ้นกับคณะสงฆ์ด้วยการเปิดสำนักสันติอโศก ตั้งแต่บัดนั้นก็ได้ดำเนินการสั่งสอนญาติโยมแบบผิด ๆ ถึงขั้นสั่งสอนว่าอย่ากราบพระพุทธรูป ? เพราะเป็นเพียงพระอิฐพระปูน แล้วก็ให้ทุบพระพุทธรูปทิ้ง ทำให้สาวกและบริวารหลงเชื่อโพธิรักษ์ ไปบังคับพ่อแม่ (ลูกๆของ ดร. วิฑูรย์ ขอสงวนนามสกุล) ให้พ่อโยนพระพุทธรูปทิ้ง ไม่เช่นนั้นจะไม่ให้อยู่ในบ้าน ดร. วิฑูรย์ เสียใจจนตรอมใจตาย เพราะไม่กล้าตอบโต้กับลูกที่เป็นเลือดในอก
ขอถามว่าเอาเหตุผลอะไรมาสอนพุทธบริษัทแบบนั้น ?
ข้อที่สี่ :ต่อมา ชื่อเสียงของโพธิรักษ์โด่งดังไปในหลายวงการ บารมีแก่กล้ามากขึ้น โพธิรักษ์ได้ประกาศจัดตั้งพรรคการเมือง “พรรคพลังธรรม” ทำให้ชาวพุทธเกิดความเห็นแตกแยก สุดท้ายโพธิรักษ์ถูกจับสึกในข้อหาปาราชิก ขาดจากความเป็นพระ แต่ก็ยังดำรงตนเป็นพระในนามของ “สมณะ” อย่างเปิดเผย มิได้เกรงกลัวต่อบาปกรรมที่ได้ทำกับประเทศชาติ หลังจากนั้นก็ได้ขยายการเผยแพร่อย่างใหญ่หลวงทั้งโดยทางทีวีผ่านดาวเทียม และสถานีวิทยุชุมชน จากบึงกุ่ม กทม.
อันสะท้อนให้เห็นว่าโพธิรักษ์กำลังแสดงบทบาทมนุษย์สองหน้า กล่าวคือใบหน้าที่ ๑ เป็นการแสดงตนว่าเป็นพระอริยะผู้สูงส่งของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกันก็มีใบหน้าที่ ๒ อันเป็นการแสวงหาอำนาจทางการเมืองด้วยการพยายามผลักดันสาวกให้เป็นผู้ดำเนินการแทน
ขอม ดำดิน สงสัยว่าทำไมจึงกล้าเป็นคนสองหน้าอย่างไม่เกรงกลัวบาปกรรมเช่นนี้? ข้อที่ห้า : เป็นที่แน่ชัดว่า หลังจากการเลือกตั้งผ่านไป พรรคเพื่อไทยได้ชัยชนะ ๒๖๕ ท่วมทับพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้เพียง ๑๕๙ เท่านั้น ส่วนพรรคเพื่อฟ้าดินของสันติอโศก ที่เอารูปหัวสัตว์ต่างๆไปติดประกาศทั่วประเทศ ซึ่งทั้งป้ายหัวหมา ลิง ควาย ตะกวด และอื่นๆ ดังกล่าวนั้น มีคำบอกเล่าว่าเป็นไอเดียของท่านพ่อโพธิรักษ์กับ “ท่านจันทร์” ใช่หรือไม่ ? หรือว่าเป็นทัศนะส่วนตัวของพลตรีจำลอง ศรีเมือง คนเดียว ..?
ข้อที่หก : โพธิรักษ์ได้ยินข่าวหรือไม่ว่า ท่านจันทร์ (สาวกมือหนึ่ง)ถูกนินทาไปทั่วว่าเป็นยันตระ ๒ มีสนมปรนเปรออย่างอบอุ่นถึง ๓ คน จนเป็นเหตุให้ตัวของท่านจันทร์ได้รับความเสียหาย ต้องออกมาพูดออกอากาศในคืนวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ (FM๑๐๗.๗๕) ว่าอย่าไปสนใจกับข่าวร้ายแบบนั้น แล้วร้องขอญาติธรรมให้ไปสอบถามด้วยตนเอง อย่าฟังข่าวลือ พร้อมเสมอที่พบปะญาติธรรมตลอดเวลา แล้วขอร้องว่าอย่าหูเบา จะไม่มีทางเป็นยันตระ ๒ อย่างแน่นอน
ขอม ดำดิน มีอาการงง...งง...แสนจะงงว่าข่าวลือที่ลือว่าท่านจันทรีมีเมีย..เอ๊ะ ? เอ๊ะ ?!
ข้อที่เจ็ด :ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของสันติอโศกที่พาญาติธรรมเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต โดยยอกเอาตัวเอง อ้างตนว่าเป็นสมณะคล้ายกับพระ เที่ยวเทศน์สั่งสอนประชาชนโดยไม่ขึ้นกับคณะสงฆ์ ทำตัวเป็นศัตรูกับคณะสงฆ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ “ขอม ดำดิน” อยากได้คำตอบว่าคิดได้อย่างไร ? ทั้งนี้ก็เพราะเราได้เห็นการแต่งเนื้อแต่งตัวของพวกสันติอโศกมีความแตกต่างจากพระภิกษุในพระธรรมวินัย มีแนวปฏิบัตินอกแถวแตกต่างคณะสงฆ์อย่างสิ้นเชิง โดยอ้างว่าทำตามสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ แล้วก็อาศัย “สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน” ดังกล่าวเล่นบทเป็นผู้มีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติอย่างหาที่เปรียบมิได้ มีความเมตตาสูงส่ง แม้แต่แมลงตัวเล็กๆก็ยังรักเท่ามนุษย์
แต่เหตุไร ไม่สงสารต่อชีวิตของคนเสื้อแดงที่ถูกทหารฆ่าตาย ?!
จุดยืนของโพธิรักษ์ในข้อที่ ๗ นับว่าเป็นคำถามที่อัดแน่นอยู่ในหัวอกของคนเสื้อแดงที่คับแค้นใจสุดจะบรรยาย ยิ่งมาได้ข่าวว่า “สันติอโศกกับพันธมิตร” กำลังเตรียมการจะยึดถนนต่อต้านพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะเล่นงานให้มีการ “ยุบพรรค” เพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่นๆ รวมกันประมาณ ๕ พรรค (มีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ด้วย) ? เมื่อพรรคเพื่อไทยถูกยุบ ก็จะทำให้รัฐบาลต้องว่างลง พร้อมกับพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ก์จะหมดไปด้วย
ตามข่าวกล่าวว่า ถึงจุดนั้น พลตรีจำลอง ศรีเมือง กับโพธิรักษ์ และกลุ่มพันธมิตร จะรวบรวมนักการเมืองเอาไปไว้ที่พรรคเพื่อฟ้าดิน หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง ตามแนวทางของ “งูเห่าภาค ๓” ก็จะได้ผู้แทนราษฎรคณะใหม่ขึ้นมา หลังจากนั้นก็ประกาศจัดตั้งรัฐบาลใหม่ดังที่พรรคประชาธิปัตย์เคยจับมือกับเนวิน ภายใต้การอำนวยการของทหาร จัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ขึ้นมา...นั้นแล
ดังนี้ จึงจำเป็นต้องเขียนถามโพธิรักษ์ว่าจริงหรือเปล่า รวม ๗ คำถาม ?! “ขอม ดำดิน”
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น