วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554


ทหารสังคัง VS ทหารโจร!!!

ทหารสังคัง VS ทหารโจร!!!
วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

        น้ำท่วมคราวนี้ ผมได้เห็นน้ำใจคนไทยที่หลั่งไหลช่วยพี่น้องผองไทยกันเองแล้ว 

        ชื่นใจจริงๆ! 

        ที่ซึ้งใจไม่หายเลย ก็คือ ‘ชาวนครสวรรค์’ ที่ยังเก็บกวาดขยะล้างเมืองจากน้ำที่ท่วมจนมิดหัวยังไม่หมด แต่พวกเขามีน้ำใจล้นเหลือ ได้จัดส่งความช่วยเหลือมาให้พี่น้องชาวจังหวัดอื่น ทั้งที่ยังทุกข์ยากไม่สร่าง เช่น อยุธยา และกรุงเทพฯแล้ว 

        นอกจากนั้น ยังมีพี่น้องจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งชีวิตพวกเขาแม้จะไม่ปกติอยู่แล้ว แต่ยังแสดงออกถึงความงดงามของจิตใจ ว่าเราเป็นคนไทยด้วยกัน อุตส่าห์รวบรวมเงินคนละเล็กละน้อยๆ ส่งมาช่วยคนกรุงเทพฯ

        น่าสรรเสริญน้ำใจนัก!

        คนไทยมีเมตตาอย่างนี้ เพราะ ‘พรหมวิหารธรรม’ ของพระพุทธศาสนาโดยแท้ ที่ได้วางรากฐานให้กับสังคมไทย มายาวนานนับพันปี และได้ซึมซับอยู่ในวิถีชีวิตของคนไทยเรา
จนเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว แม้คนต่างด้าวท้าวต่างแดน หรือศาสนิกอื่น ที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ก็ยังรู้สึกได้ถึงเมตตาธรรม ซึ่งมีอิทธิพลมาจากพระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาประจำชาติของเราโดยทั่วกัน

        ที่ผมเห็นว่าขาดเมตตากำลัง น่าจะเป็นไอ้พวกที่พยายามเขย่าขวัญประชาชน ด้วยการเผยแพร่ข่าวสารอันเป็นเท็จ (อย่างกลุ่ม ‘ไอ้หัวเหม่ง’ สุทธิชัย และกลุ่ม Post to die ที่ฉกฉวยอุทกภัยเป็นโอกาส ในการใช้สื่อกาลีที่อยู่ในอิทธิพลของพวกตน ทั้งทางหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และสังคมออนไลน์ ทั้งตะโกนเขย่าขย่ม และประสานเสียงร้องแรกแหกกระเชอ 

        ให้นายกฯปู ลาออก! 

        แต่...กลุ่มกาลีพวกนี้ดำเนินการไม่ได้โดยง่ายดาย เพราะถูกโต้ตอบฉับพลันทันที ด้วยสื่อของประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตย ชนิดแลกกันหมัดต่อหมัด ตีนต่อตีน แต่เวลาผ่านไปก็เป็นที่ประจักษ์ว่า มวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลปัจจุบัน ยังหนาแน่น แข็งแกร่ง ที่สำคัญคือ
        นายกรัฐมนตรีไทยแลนด์ผู้หญิง ที่ชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้รับเสียงสนับสนุนจากต่างประเทศอย่างล้นหลาม เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่รัฐบาลที่วิ่งราวอำนาจมา เหมือนอย่างไอ้รัฐบาลโลซก จนประชาชนทนไม่ไหว

        รวมส้นตีนถีบ...จนตกกระป๋องไปแล้ว!

        ลังการเลือกตั้งเดือน ก.ค.2554 ฝ่ายทหารตระหนักว่า พวกตนนั้นเดินทางผิดมาตลอด เพราะดันโง่เขลาเบาปัญญา หลงไปสนับสนุนพรรคการเมืองดักดาน อันเป็นการสวนทางกับประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ 

        เมื่อพรรคดักดานเข้าครองอำนาจ เรื่องทุจริตคอรัปชั่นของทหารมากมาย ถูกเปิดเผยมาสู่สังคมไทย ไม่ว่าเป็นเรื่อง 

        ‘ไม้ชี้ศพ’ ‘
        ‘บอลลูนอัปยศ’ (ที่บินไม่ขึ้น)
        ‘ยานเกราะยูครวย-กระป๋องทาสี’
 ฯลฯ 

        การทุจริตคอรัปชั่นในกองทัพ ล้วนแล้วแต่ทำทหารตัวนายใหญ่ๆ มีภาพพจน์ที่ไม่สู้ดี ในสายตาสื่อพี่น้องประชาชน เพราะพวกเขาวิพากษ์วิจารณ์กัน ว่า  

        “พวกแม่ง ‘แดก’ กันไฟแลบ!”

        ฟังแล้วน่าสลดใจ!!
        กระแสการวิพากษ์วิจารณ์ ชนิดสาหัสสากรรจ์ ทำให้ฝ่ายทหารต้องเสียหายมากเหลือเกิน 

        แต่น่าแปลก

        ทางฝ่ายการเมืองที่ทหารอุตส่าห์สนับสนุน อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ทั้งยังเป็นผู้ลากไอ้พวกเวรนี้ เข้าไปตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหารเอง แต่นักการเมืองกาลีเมื่อได้อำนาจรัฐแล้ว มันกลับไม่ใส่ใจใยดี โดยไม่ได้แสดงการออกมาปกป้องทหารแต่อย่างใด พูดง่ายก็คือ ‘ถีบหัวส่ง’ ทำเหมือนว่า

        “เรื่องของพวกมึง แก้ไขกันเองแล้วกัน!!”

        ไม่น่าเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งล่าสุด ทหารยังไม่รู้ตัว ทั้งโง่เขลาและมืดบอด ที่ฟังเสียงความต้องการของประชาชนคนส่วนใหญ่ไม่ออก ยังคงแสดงจุดยืนออกมาชัดเจน ที่จะ 

        สนับสนุนพรรคกาลีต่อไป!

        แต่...
        พรรคที่นายทหารผู้บังคับบัญชาสนับสนุน โดยจัดการให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เทคะแนนเสียงให้ นั้น... 

        กลับพ่ายแพ้ย่อยยับไม่เป็นชิ้นดี พรรคที่ทหารไม่สนับสนุน กลับเป็นฝ่ายกำชัยชนะอย่างเด็ดขาดแน่นอน 

        ราษฎรพากัน...ปรบมือให้!

        ผู้สื่อข่าวสายทหาร ระดับปลาร้า อย่าง วาสนา นาน่วม แห่งบางกอกโพสต์ และ ศิรินรัตน์ บุรินทร์กุล แห่งน.ส.พ.ไทยโพสต์ แสดงความประหลาดใจออกมาชัดเจน แสดงความคิดเห็นออกมาในทำนองว่า

        การที่พรรคกาลี ที่ทหารสนับสนุน พ่ายแพ้แม้กระทั่งหน่วยเลือกตั้งหน้าค่ายทหารเอง ทำให้ผู้บังคับบัญชาทหารตระหนักกันแล้ว ว่า

        พวกตนไม่สามารถ สั่งการนายทหารประทวนและทหารเกณฑ์ ลงคะแนนตามที่ “เจ้านาย”สั่งให้เลือก เพราะทหารผู้น้อยเหล่านั้น ล้วนเป็นลูกชาวบ้าน และไม่ได้หวังประโยชน์จากนักการเมือง เหมือนพวกนายทหารใหญ่ทั้งหลาย!! 

        ดังนั้น เมื่อบรรดาผู้บังคับบัญชา รู้ซึ้งถึงความจริงนี้จึงพยายามปลีกตนออกจากพรรคดักดาน ที่ทหารผู้น้อยและชาวบ้านส่วนใหญ่ล้วนปฏิเสธ แต่ก็ดูเหมือนว่าสายเกินไป เพราะผู้คนส่วนใหญ่ เสื่อมความนิยมทหาร 

        พาลเกลียดชังเอาด้วย!

        การไม่ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ในการเลือกตั้งนั้น ยังเป็นเรื่องภายในของทหาร แต่การที่ทหารไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นเรื่องที่นานานประเทศ เขาจับจ้องประเทศเราอยู่ เนื่องจากไทยแลนด์แดนสยามนั้น มีชื่อเสียงไม่ดี เรื่องการที่ทหารไทยละเมิดสิทธิมนุษยชน จนเป็นที่รู้กันไปทั่ว

        ผมเคยเล่าถึงการที่เจ้าหน้าที่ทหารใน ‘ศูนย์วิวัฒน์สันติ’ ของกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งทำหน้าที่แบบเดียวกับ “ศูนย์ซักถาม” ของ กอ.รมน.ในอดีตยุคยังมีกฎหมายคอมมิวนิสต์ กระทำต่อราษฎรในพื้นที่ 

        โดยเขียนเอาไว้ว่า

        ....ได้มีการนำตัวชาวบ้านมารีดเอาข่าว แล้วซ้อมอย่างโหดร้ายด้วยความทารุณผิดมนุษย์ ได้กระจายไปถึงหูขององค์การระหว่างประเทศนี้ จนทำให้เรื่องแดงและแตกออกมาพร้อมพยานหลักฐานชัดเจน ทำให้คนไทยได้รับรู้กัน

        สื่อในประเทศอย่างหนังสือพิมพ์ ‘โพสต์ทูเดย์’ ถึงกับให้กับฉายาทหารหน่วยนี้ว่า 

        ‘หน่วยทมิฬ’

        ส่วนชาวบ้าน ข้าราชการ และคนไทยมุสลิมและตำรวจในพื้นที่ รับรู้เรื่องนี้มาเป็นระยะเวลาพอสมควร และเรียกศูนย์แห่งนี้อย่างตรงไปตรงมา ‘ศูนย์กระทืบสันติ’ ซึ่งเข้าท่าดีจัง เพราะไม่ใช่แต่ชำนาญในการรุมกระทืบชาวบ้าน จนขี้แตกขี้แตนเท่านั้น ยังช่วยกันรุมกระทืบ ความสงบสุขและสันติ จังหวัดชายแดนปักษ์ใต้ 

        ให้พัง...คาตีนไปอีกด้วย!

        จึงไม่แปลกเลย ถ้าญาติพี่น้องผู้ที่ถูกกระทำ ลุกมาไล่ฆ่าทหาร ล้างแค้นเอาคืนกันบ้าง! 
        พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 (ในขณะนั้น) ทนต้องสั่งยุบศูนย์ ‘ศูนย์วิวัฒน์สันติ’ 

        เพราะจำนนต่อหลักฐาน!

        นอกจากนั้นก็ยังมีอีกหลายกรณี เช่นกรณีตากใบ กรณีอิหม่ามยะผา ฯลฯ ซึ่งรัฐบาลต้องชดใช้ในเรื่องที่ทหารไปละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยทีเดียว 

        ที่สดๆร้อนๆไม่กี่วันนี้  คือกรณี ฮิวแมน ไรต์ส วอทช์ (HRW) องค์กรต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนระดับโลก ซึ่งมีฐานอยู่ที่มหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลไทย เปิดเผยข้อมูลที่แท้จริง เกี่ยวกับชะตากรรมของผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮิงยาจำนวน 92 คน ที่เดินทางมาจากภาคตะวันตกของพม่า หลังมีผู้พบเห็นถูกทหารไทยนำขึ้นรถบรรทุกหายตัวไป

        ผู้บังคับบัญชาทหาร จะปฏิเสธหรือหาทางแก้ตัวอย่างไรต้องเตรียมการกันให้ดี เพราะตัวเลข 92 นี้ เป็นตัวเลขเดียวกับที่ประชาชนโดนเจ้าหน้าที่ของรัฐ คือทหาร ฆ่าตายในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อ ปี พ.ศ.2553 นั่นเอง

        เรื่องที่กล่าวมา อาจดูเล็กไปทันที เมื่อเทียบกับเรื่องร้ายแรงที่สุด ที่กระทบแวดวงดงทหาร คือ การที่มีหลักฐานชัดเจนว่าทหารไทยจากกองกำลังผาเมือง ร่วมกันปล้นฆ่าลูกเรือชาวจีนในแม่น้ำโขง ไปถึง 13 ศพ 

        นี่แหละ เรื่องใหญ่จริงๆ!

        มีความพยายามจากกองทัพบก ที่จะบ่ายเบี่ยง จากความรับผิดชอบจากนายทหารตัวดัง แต่ในที่สุด ทางรัฐมนตรีกลาโหม ก็ออกมายอมรับ แต่ไม่ใช่เรื่องที่จบกันง่ายๆ แม้รัฐบาลของนายกฯปูจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว เพื่อไม่ให้กรณีนี้ ต้องกลายเป็นกรณีเพชรซาอุฯ ภาค 2 

        พูดง่ายๆก็คือ 

        ผู้บังคับบัญชาทหาร ต้องไม่ปกป้องคุ้มครอง
 “ทหารโจร” หรือ “ทหารชั่ว” เพราะมิฉะนั้น พวกท่านจะกลายเป็น 

        
“หัวหน้าโจร” หรือ “ทหารชั่ว” เสียเอง!

        ารที่ทหารไทยมีเรื่องราวที่น่าขายหน้า แพร่หลายไปถึงต่างประเทศ ทำให้เกียรติภูมิทหารไทยตกต่ำลงมาก แต่ที่กระเทือนใจคนไทยมากที่สุดก็คือ การที่ทหารฆ่าฟันประชาชน
ชาวไทยด้วยกันเอง เพียงเพื่อต่ออายุให้รัฐบาลกาลี ให้ได้อยู่ต่อไป ท่ามกลางเสียร่ำลือว่า

        เพื่อแสวงประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น...โง่บรรลัยเลย!

        เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแล้ว การสอบสวนเพื่อเอาผิดต่อนักการเมือง ผู้สั่งการให้เข่นฆ่าประชาชน นายทหารผู้บังคับบัญชาพึงระลึกว่า

        ไม่ใช่หน้าที่ของทหารที่จะเข้ามาพูดปกป้องนักการเมืองเหล่านั้น เพราะทหารผู้ฆ่าพี่น้องเพื่อนร่วมชาติด้วยกันเอง ไม่ต้องรับผิดเพราะ

        พวกเขา...ทำตาม ‘คำสั่ง’ ของนักการเมือง!

นอกจากนั้น ผู้บังคับบัญชาทหารไม่ควรเข้าไปแทรกแซงเรื่องการดำเนินคดี ไม่ว่าจะโดยกระบวนการยุติธรรมในบ้านเราเอง หรือจะโดยกระบวนการยุติธรรมระดับโลก เพราะหากผู้เสียหายหาความยุติธรรมในบ้านเราไม่ได้ เขาก็มีสิทธิจะแสวงหาช่องทางอื่น ที่มีความเป็นธรรมมากกว่า เพื่อให้ไขว่คว้าความเป็นธรรม ให้คนที่ฆ่าญาติพี่น้องเขาตาย รับโทษตามกบิลเมืองนั่นเอง 

        
(ดูบทความประกอบ ไทยกับกระบวนการ ‘ไม่’ ยุติธรรม อันน่าอับอาย!!!   http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=186         “จดหมายฟ้องโลก”  http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=187)        บ้านเมืองของเรานั้น ‘ความยุติธรรม’ ได้สูญสิ้นไปแล้ว!http://vattavan.com/detail.php?cont_id=205)
        ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
content/picdata/337/data/sodier1.jpg
        เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ นับว่าเป็นคุณกับฝ่ายทหาร เพราะบรรดาทหารผู้น้อย ซึ่งส่วนมากเป็นทหารเกณฑ์ ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม กลับมาทำให้คะแนนนิยมทหารดีขึ้น เพราะพวกเขาเข้าลุยน้ำกัน วันละหลายชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่ทุกข์ยากเพราะเหตุน้ำท่วม จนโรคผิวหนังและ ‘สังคัง’ กินแทบจะถ้วนทั่วทุกตัวคน จึงได้รับคำชมเชยว่าบรรดา

        ‘ทหารสังคัง’ เหล่านี้แหละ...ที่เป็นพระเอกตัวจริง!

        ทหารตัวนายทั้งหลาย ที่ผัดหน้านวลขาว แต่งเครื่องแบบขัดบราสโซวาววามโก้หรู แต่ไม่เคยรบกับใครเลย  นอกจากรบกับประชาชนคนในชาติเดียวกัน หรือทหารที่ทำมาหากิน โดยอาศัยเครื่องแบบ นั้น

        จงอย่าได้ไปแย่ง ‘ความดีความชอบ’ จากลูกน้อง ไม่เข้าการแน่....


        ยืนเฉยๆ ดูลูกน้อง ‘เกาสังคัง’ จะดีกว่านะ!!!

*********

        (บทความประจำสัปดาห์ ตอน ‘ทหารสังคัง’  VS ‘ทหารโจร’ ออนไลน์วันเสาร์ ที่ 10 ธันวาคม 2554)
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น