วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555


จริยธรรมของผู้ตรวจการแผ่นดิน

สุรศักดิ์ อมรรัตนศักดิ์ 
จริยธรรมของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ในมติชน ออนไลน์ 

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 
21:10:00 น.

           แนวคิดผู้ตรวจการแผ่นดิน (Ombudsman) มีกำเนิดมาจากประเทศแถบสแกนดิเนเวียซึ่งปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทำหน้าที่ดูแลปัดเป่าเรื่องร้องทุกข์ของประชาชนแทนพระมหากษัตริย์ ต่อมาได้มีการพัฒนามาสู่ระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

            สำหรับประเทศไทย ผู้ตรวจการแผ่นดินมีขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2542 โดยใช้ชื่อว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา

             ต่อมารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้มีผู้ตรวจการแผ่นดินจำนวน 3 ท่าน โดยให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ (24 สิงหาคม 2550) ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน

              ผู้ตรวจการแผ่นดินชุดปัจจุบันมี คุณผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นประธาน ได้รับเรื่องร้องเรียนให้พิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีกระทำการไม่เป็นไปตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 ของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

             ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้เปิดแถลงภายหลังการประชุมโดยมีใจความสรุปว่า การแต่งตั้ง ดร.นลินี ทวีสิน และ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรีไม่ขัดกฎหมาย แต่ขัดจริยธรรม โดยมีรายละเอียดดังนี้

           1. การแต่งตั้ง ดร.นลินีดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชนและอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของชาติหรือไม่ โดยให้นำระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 ข้อ 9 ข้อ 10 และข้อ 27 มาพิจารณา

           2. การแต่งตั้งคุณณัฐวุฒิดำรงตำแหน่งโดยที่คุณณัฐวุฒิอยู่ในระหว่างถูกฟ้องเป็นจำเลยคดีอาญา แต่นายกฯไม่ได้นำพฤติกรรมทางจริยธรรมของคุณณัฐวุฒิมาประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเสนอแต่งตั้ง

            หากจะเปรียบเทียบเรื่องนี้กับสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้วจะเห็นว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ในสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลไม่เคยมีการนำประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมืองมาใช้กับพรรคประชาธิปัตย์เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำเช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยทำในขณะนี้ แถมบางเรื่องเห็นได้ชัดเจนว่าไร้ซึ่งจริยธรรมและมนุษยธรรม ดังจะขอยกตัวอย่างมาเทียบเคียงเป็นรายกรณี ดังนี้

            1. การแต่งตั้ง คุณกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งๆ ที่คุณกษิตนำพรรคพวกไปบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ อย่างนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าพฤติกรรมของคุณกษิตก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือศรัทธาของประชาชน และไม่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของชาติตามประมวลจริยธรรมข้อ 27 กระนั้นหรือ

              อีกทั้งการบุกยึดสนามบินของคุณกษิตและพรรคพวกแสดงว่าเป็นการเคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของผู้อื่นกระนั้นหรือ ถ้าใช่ ต่อไปหากใครคิดจะประท้วงเรื่องใดก็ให้ไปยึดสนามบินเพราะไม่ผิดทั้งกฎหมาย และจริยธรรม

              นอกจากนี้ การที่คุณกษิตออกมาด่านายกฯฮุน เซน ว่าเป็นกุ๊ย ก็ไม่ถือว่าเป็นการแสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพตามประมวลจริยธรรมข้อ 11 กระนั้นหรือ

            2. กรณีรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ปล่อยให้มีการฆ่าหมู่ประชาชนกลางเมืองหลวง กลางวันแสกๆ โดยยังไม่สามารถหาตัวผู้สั่งการและตัวผู้ลงมือสังหารหมู่ประชาชน โดยคุณอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบอะไรให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

                อย่างนี้แสดงว่าคุณอภิสิทธิ์สูงส่งไปด้วยคุณธรรม จริยธรรมใช่ไหม เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นองค์กรใดออกมาร้องหาจริยธรรมจากคุณอภิสิทธิ์

                เช่นเดียวกัน ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ไม่เห็นทำอะไรเลย ซึ่งผิดกับกรณีนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่ผู้ตรวจการดูจะกุลีกุจอเรื่องนี้เป็นพิเศษ รีบพิจารณาและเสนอให้นายกฯรับไปพิจารณาตรวจสอบพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีใหม่ และให้แจ้งกลับมายังผู้ตรวจการแผ่นดินภายใน 30 วัน
                     จริงๆ แล้วคนที่จะมาทำหน้าที่ตรวจสอบจริยธรรมผู้อื่นควรจะต้องเป็นผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยจริยธรรม ปราศจากซึ่งอคติ และมีมาตรฐานเดียวในการพิจารณาไม่ใช่หรือ

                 แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินชุดที่มีคุณผาณิตเป็นประธานไม่แน่ว่าจะมีคุณสมบัติดังกล่าวครบถ้วนหรือไม่ ทั้งนี้ อาจดูได้จากการแต่งตั้งที่ปรึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 ท่าน ที่ล้วนแต่ประกอบด้วยบุคคลที่มีส่วนในการร่วมร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นผลผลิตของเผด็จการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

               หรือไม่ก็เป็นกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลประโยชน์จากการรัฐประหารในครั้งนี้เกือบทั้งสิ้น นอกจากนี้ที่ปรึกษาดังกล่าวยังประกอบไปด้วยกลุ่มบุคคลที่เกลียดทักษิณเป็นชีวิตจิตใจอีกจำนวนหนึ่ง แล้วอย่างนี้ยังจะพูดได้เต็มปากอีกหรือไม่ว่าผู้ตรวจการแผ่นดินชุดนี้ปราศจากซึ่งอคติ และเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม

              ดังนั้น จึงอยากจะขอฝากเตือนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินว่าอย่าบ้าจี้ไปตามแรงกดดันของกลุ่มผู้มากบารมีเลย ไม่เช่นนั้นการแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้ นอกจากจะต้องยุบเลิกองค์กรศาลบางประเภท เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และองค์กรอิสระที่ไม่อิสระสมชื่อ เช่น กกต. และ ป.ป.ช.แล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินก็อาจเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่สมควรต้องถูกยกเลิกเช่นกัน

             ตอนนี้จึงอยากจะเรียกหาจริยธรรมของผู้ตรวจการแผ่นดินก่อนที่ท่านจะทำหน้าที่ตรวจสอบจริยธรรมของผู้อื่น
 

http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น