วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ผลสอบคดีหนีทหาร กลาโหมสรุป – พิรุธ “สด.9″ มัดมาร์ค



ผลสอบคดีหนีทหาร กลาโหมสรุป – พิรุธ “สด.9″ มัดมาร์ค


กห.แจงใบสมัครทหารของมาร์ค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้มีหนังสือที่ 0201/1099 กระทรวงกลาโหม ลงวันที่ 10 ก.ค. 2555 ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ผผ 11/459 ลงวันที่ 11 มิ.ย. 2555 สอบถามกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกร้องใช้เอกสารหลักฐานปลอม เพื่อเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

โดยระบุว่า กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ.2521 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติตามที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ.2529 กำหนด ในกรณีที่ผู้สมัครเข้ารับราชการเป็นชาย ระเบียบกระทรวงกลาโหมกำหนดให้ต้องมีใบสำคัญทางทหารด้วย เช่น ทะเบียนกองประจำการ (สด.3) ใบสำคัญ (แบบ สด.9) หนังสือสำคัญ (แบบ สด.8) ใบรับรองผล การตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ พ.ศ. ….(แบบ สด.43) หรือใบสำคัญ/หนังสือสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วแต่กรณี ซึ่งส่วนราชการต้นสังกัดที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องขั้นต้น และเห็นว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 แล้ว รมว.กลาโหมผู้มีอำนาจในการบรรจุย่อมสามารถออกคำสั่งให้บรรจุบุคคลเข้ารับราชการได้ตามที่ส่วนราชการต้นสังกัดรายงานขอบรรจุ

เผยปี”42ตรวจพบว่าผิด-ปีนี้ก็พบซ้ำ

ในกรณีของนายอภิสิทธิ์ซึ่งในขณะนั้น (วันที่ 7 ส.ค. 2530) กระทรวงกลาโหมเชื่อว่า การขอบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร นั้นส่วนราชการที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงกลาโหมแล้ว รมว.กลาโหมจึงได้ออกคำสั่งบรรจุและแต่งตั้ง ปรากฏว่าภายหลังมีผู้ร้องเรียนการบรจุไม่ถูกต้อง เนื่องจากใช้หลักฐานเอกสารที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ กองทัพบกโดยเจ้ากรมจเรทหารบกได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงตามอนุมัติผบ.ทบ. ท้ายหนังสือกรมการกำลังสำรองทหารบก ลับที่ กห 0426/654 ลงวันที่ 8 มี.ค. 2542 ซึ่งได้รายงานผลการสอบสวนถึง ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2542 ตามหนังสือกรมจเรทหารบกที่ กห 0423/277 ลงวันที่ 19 พ.ค. 2542 โดยได้เสนอให้ลงทัณฑ์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดไปเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดตามสำเนาเอกสารของจเรทหารบก ซึ่งมีการรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว

ในครั้งนี้ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า 1.1 ขั้นตอนการบรรจุมีหลักฐานใบสำคัญทางทหาร คือ หนังสือรับรองการผ่อนผันไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ ตามหนังสือแผนกสัสดีกรุงเทพมหานคร ที่ กห 0481.62/5053 ลงวันที่ 31 ก.ค. 2530 ซึ่งเป็นหลักฐานที่ขัดต่อพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 เนื่องจากเป็นการรับรองว่า “นายอภิสิทธิ์ได้รับการผ่อนผัน ตามมาตรา 29(3) และเข้าบัญชีทหารกองเกินเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2525 ได้รับการผ่อนผันไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ” ซึ่งตามความจริง นายอภิสิทธิ์จะต้องไม่ได้รับการผ่อนผัน เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้กำลังศึกษาหรือมีสิทธิขอผ่อนผันตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 29(3) ทั้งยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน จึงไม่มีรายชื่ออยู่ในระบบบุคคลในราชการทหาร ทำให้ไม่ต้องขอหรือไม่สามารถขอรับการผ่อนผันในการเข้ารับราชการทหารได้ หรือหากได้ขอรับการผ่อนผันกรณียังศึกษาอยู่ต่างประเทศโดยมีหนังสือรับรองจากสถานศึกษาต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต จะต้องได้รับการผ่อนผันตามมาตรา 27(2) เป็นแบบ สด.41

แฉ”สด.9″สองใบข้อมูลไม่ตรงกัน

อีกทั้งยังมีหลักฐานต้นขั้วแบบ สด.9 และเอกสารแบบ สด.1 ฉบับจริง ยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 แต่ใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 ยังกำหนดข้อความผิดจากการเข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 เป็นเข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2531 ซึ่งเป็นการขัดแย้งกับข้อมูลฉบับเดิมที่ตรวจสอบพบเพิ่มเติม ดังนั้น ใบสำคัญ(แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายลงวันที่ 8 เมษายน 2531 ยังไม่อาจใช้เป็นหลักฐานใบสำคัญทางหทารที่ถูกต้องได้

                 1.2 ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ เพื่อให้ได้มาซึ่งทะเบียนกองประจำการ (สด.3) หลังจากนายอภิสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้งยศแล้ว เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2531 ได้นำใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 ไปขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ หากนำใบสำคัญ (แบบ สด.9) ฉบับลงวันที่ 4 ก.ค. 2529 เป็นหลักฐานในการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการจะสามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นบุคคลที่ไม่เข้ารับการตรวจเลือก (ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร) ในวันที่ 7 เม.ย. 2530 จึงทำให้การขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ (สด.3) โดยใช้เอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายไม่ถูกต้องไปด้วย

ชี้จุดเอกสารผิดข้อเท็จจริง

           2.รมว.กลาโหมได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้วตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 281/55 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 295/55 ลงวันที่ 2 ก.ค. 2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง (เพิ่มเติม) โดยกรมเสมียนตราได้มีหนังสือสอบถามโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าขอให้ตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนผันหรือได้รับการยกเว้นการเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์ มีอยู่จริงหรือถูกต้องประการใด

               โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าได้ส่งเอกสารสำคัญพร้อมกับรับรองสำเนาถูกต้อง คือ ใบสมัคร สัญญาค้ำประกัน สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร และบิดามารดา สำเนาแสดงผลการเรียน พร้อมคำแปล และผลการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคล(รปภ.1) แต่ไม่พบเอกสารหลักฐานใบสำคัญทางทหารฉบับจริง ซึ่งคณะกรรมการได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบข้อสังเกตเพิ่มเติมจากที่ตรวจพบก่อนหน้าโดยจเรทหารบก

              สำหรับการตรวจสอบเอกสารที่ถูกต้องสำหรับการผ่อนผัน หรือได้รับการยกเว้นการเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์คงมีรายละเอียดเช่นเดียวกับข้อ 1.1 และ 1.2 ซึ่งพบว่าเอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 หนังสือแผนกสัสดีกรุงเทพ มหานคร ที่ กห 0481.62/5053 ลงวันที่ 31 ก.ค. 2530 และทะเบียนกองประจำการ(สด.3) มีสาระสำคัญไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง และไม่อาจใช้เป็นหลักฐานเอกสารการรับราชการทหารได้และยังปรากฏหลักฐานแบบ สด.16 ปี พ.ศ.2536 ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่เข้ารับการตรวจเลือก” และหลักฐานแบบ สด.27 ปี พ.ศ.2530 ระบุว่า นายอภิสิทธิ์เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 ซึ่งเป็นเอกสารยืนยันความไม่ถูกต้องของเอกสารตามข้อ 1.1 และ 1.2 ดังกล่าวข้างต้นด้วย

พร้อมส่งจนท.ชี้แจงผู้ตรวจการฯ

           3.หากกระบวนการบรรจุคำสั่งบรรจุ หรือคำสั่งแต่งตั้ง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมที่เกี่ยวข้อง กระทรวงกลาโหมสามารถดำเนินการยกเลิก เพิกถอนคำสั่งบรรจุหรือคำสั่งแต่งตั้งได้โดยอำนาจของรมว.กลาโหม โดยจะต้องพิจารณามูลเหตุ และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อดำเนินการตามกระบวนการตามระเบียบของทางราชการต่อไป สำหรับการเรียกเงินเดือนและสิทธิประโยชน์อื่นๆ คืน ถ้าจำเป็นหรือมีเหตุอันควรจะพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ

          สำหรับการดำเนินการตามข้อ 1 และข้อ 2 กระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้กรมพระธรรมนูญรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นการแสดงข้อมูลเท็จในการบรรจุเข้ารับราชการของนายอภิสิทธิ์จะดำเนินการต่อไปอย่างไร หากจะต้องเพิกถอนคำสั่งจะกระทำได้หรือไม่ และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับไประหว่างรับราชการจะสามารถเรียกคืนได้หรือไม่ประการใด รวมทั้งพิจารณาดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปลอมเอกสารและนำเอกสารไปใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าว

หากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือมีข้อสงสัยประการใดกระทรวงกลาโหมยินดีให้การสนับสนุนข้อมูลรวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป

ผู้ตรวจฯลั่นเร่งสอบอยู่

นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงคำร้องของนายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากรมว.กลาโหม เพิกเฉยไม่ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทุจริตใช้เอกสารหลักฐานปลอม เพื่อเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในร.ร.จปร. แต่ยังมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ทางทหารว่า หลังจากสำนักงานผู้ตรวจการฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ทั้งหมด แต่ต้องใช้เวลามาก เพราะเรื่องเกิดมานานแล้ว เอกสารบางอย่างต้องใช้เวลาตรวจสอบนาน

นายรักษเกชากล่าวอีกว่า จากนั้นสำนักงานส่งหนังสือสอบถามพล.อ.อ.สุกำพลไปแล้ว และได้หนังสือตอบกลับมาเมื่อไม่นานมานี้ ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังตรวจสอบว่าข้อมูลที่ตอบกลับมานั้นครบถ้วนเพียงพอหรือไม่ หากยังไม่เพียงพอจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการจะนำเข้าสู่ที่ประชุมของผู้ตรวจการฯ ต่อไป แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้เราเร่งดำเนินการ เพราะอยู่ในความสนใจของสังคม

บิ๊กโอ๋ระบุเอกสารไม่ตรงสด.9

พล.อ.อ.สุกำพลให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการรับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ ว่า กระทรวงกลาโหมทำหนังสือชี้แจงต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยสรุปว่าเอกสารที่ใช้สมัครเข้าเป็นอาจารย์ในเอกสาร ใบสด.9 ซึ่งเป็นเอกสารทางราชการไม่ตรงกัน

“กระทรวงจะให้นายทหารพระธรรมนูญของเราดูว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อได้บ้าง เรื่องมันนานมาแล้วคงไม่มีความผิดอะไรกันแล้ว เขาถามมาเราก็ต้องตอบไป” พล.อ.อ. สุกำพลกล่าว

ที่มา : ข่าวหน้า 1 นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 19 ก.ค. 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น