เหตุไม่อาจชี้ชัดได้ว่ามีเจตนาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์
อัยการพิเศษฝ่าย คดีอาญากรุงเทพฯ ใต้ 4 มีหนังสือแจ้งไปยังสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยคำวินิจฉัยของอัยการระบุว่า พิจารณาแล้วเห็นว่า
การที่ผู้ต้องหาไม่ลุกขึ้นเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี และมีการพูดว่า “ทำไมต้องยืนด้วยไม่มีกฎหมายบังคับ” นั้น เห็นว่าการกระทำดังกล่าวมิได้แสดงออกซึ่งวาจาหรือกิริยาอันจะเข้าลักษณะเป็น การดูถูก เหยียดหยาม ทำให้อับอาย เสียหาย สบประมาท ด่าว่า
และการกล่าวหรือโต้เถียงเกิดขึ้นหลังจากเพลงจบแล้ว แม้จะเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะสมและไม่อยู่ในบรรทัดฐานที่ประชาชนทั่วไปต้องปฏิบัติก็ตาม แต่การกระทำของผู้ต้องหาทั้งยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่ามีเจตนาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ อีกทั้งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดมา พยานหลักฐานจึงไม่พอฟ้อง
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 50 นายนวมินทร์ วิทยกุล ได้ขว้างปาข้าวโพดคั่วและกระดาษใส่นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง และเพื่อน เนื่องจากทั้งสองไม่ยืนขึ้นเมื่อมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรง ภาพยนตร์แห่งหนึ่ง นายโชติศักดิ์และเพื่อน
จึงฟ้องนายนวมินทร์ วิทยกุล ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิต ใจ, ทำร้ายร่างกายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หมิ่นประมาทและดูหมิ่นซึ่งหน้า, ทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดฯ, และทะเลาะกันอื้ออึงในที่สาธารณสถานฯ
จากนั้นนายนวมินทร์ได้ฟ้อง นายโชติศักดิ์ และเพื่อนกลับด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 (“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”)
ต่อมาวันที่ 19 ก.ย.51 พนักงานอัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้องนายนวมินทร์ ในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายฯ และวันที่ 20 ต.ค.51 ตำรวจได้ส่งสำนวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา กรุงเทพใต้
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก ประชาไท
เรียบเรียงโดย http://news.mthai.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น