|
หมายเหตุ : พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้แจงผลสอบการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สมัครเข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมาย
เป็นบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ของกองทัพบกโดยไม่ผ่านการตรวจเลือก และไม่มีหลักฐานทางทหาร
กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร เป็นการปฏิบัติตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ.2521 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
ซึ่งผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติตามที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ.2529 กำหนด
ในกรณีที่ผู้สมัครเข้ารับราชการเป็นชาย ระเบียบกระทรวงกลาโหมกำหนดให้ต้องมีใบสำคัญทางทหารด้วย เช่น ทะเบียนกองประจำการ (สด.3), ใบสำคัญ (แบบ สด.9) หนังสือสำคัญ (แบบ สด.8) ใบรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ พ.ศ. ....(แบบ สด.43) หรือใบสำคัญ/หนังสือสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วแต่กรณี
ซึ่งส่วนราชการต้นสังกัดที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องขั้นต้น และเห็นว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของพ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 แล้ว รมว.กลาโหมผู้มีอำนาจในการบรรจุย่อมสามารถออกคำสั่งให้บรรจุบุคคลเข้ารับราชการได้ตามที่ส่วนราชการต้นสังกัดรายงานขอบรรจุ
กรณีของนายอภิสิทธิ์ซึ่งขณะนั้น (7 ส.ค.2530) กระทรวงกลาโหมเชื่อว่าการขอบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารนั้น ส่วนราชการที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงกลาโหมแล้ว รมว.กลาโหมจึงออกคำสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
แต่ปรากฏว่าภายหลังมีผู้ร้องเรียนการบรรจุไม่ถูกต้อง เนื่องจากใช้หลักฐานเอกสารที่ไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ กองทัพบกโดยเจ้ากรมจเรทหารบกได้สอบสวนข้อเท็จจริงตามอนุมัติ ผบ.ทบ. ท้ายหนังสือกรมการกำลังสำรองทหารบก ลับที่ กห 0426/654 ลงวันที่ 8 มี.ค.2542 รายงานผลการสอบสวนถึง ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2542 ตามหนังสือกรมจเรทหารบกที่ กห 0423/277 ลงวันที่ 19 พ.ค.2542
โดยเสนอให้ลงทัณฑ์ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ.2476 ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดไปเรียบร้อยแล้ว
ในครั้งนี้ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า
1.1 ขั้นตอนการบรรจุมีหลักฐานใบสำคัญทางทหาร คือ หนังสือรับรองการผ่อนผันไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ ตามหนังสือแผนกสัสดีกรุงเทพมหานคร ที่ กห 0481.62/5053 ลงวันที่ 31 ก.ค.2530
ซึ่งเป็นหลักฐานที่ขัดต่อพ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 เนื่องจากเป็นการรับรองว่า นายอภิสิทธิ์ได้รับการผ่อนผันตามมาตรา 29(3) และเข้าบัญชีทหารกองเกินเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2525 ได้รับการผ่อนผันไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติŽ
ซึ่งตามความจริง นายอภิสิทธิ์จะต้องไม่ได้รับการผ่อนผัน เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้กำลังศึกษาหรือมีสิทธิขอผ่อนผันตามพ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 29(3)
ทั้งยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน จึงไม่มีรายชื่ออยู่ในระบบบุคคลในราชการทหาร ทำให้ไม่ต้องขอหรือไม่สามารถขอรับการผ่อนผันในการเข้ารับราชการทหารได้
หรือหากได้ขอรับการผ่อนผันกรณียังศึกษาอยู่ต่างประเทศโดยมีหนังสือรับรองจากสถานศึกษาต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต จะต้องได้รับการผ่อนผันตามมาตรา 27(2) เป็นแบบ สด.41
อีกทั้งยังมีหลักฐานต้นขั้วแบบ สด.9 และเอกสารแบบ สด.1 ฉบับจริง ยืนยันว่านายอภิสิทธิ์เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2529
แต่ใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย.2531 ยังกำหนดข้อความผิดจากการเข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2529
เป็นเข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2531 ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลฉบับเดิมที่ตรวจสอบพบเพิ่มเติม
ดังนั้น ใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายลงวันที่ 8 เม.ย.2531 จึงไม่อาจใช้เป็นหลักฐานใบสำคัญทางทหารที่ถูกต้องได้
1.2 ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ เพื่อให้ได้มาซึ่งทะเบียนกองประจำการ (สด.3) หลังจากนายอภิสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้งยศแล้ว เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2531 ได้นำใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายลงวันที่ 8 เม.ย.2531 ไปขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ
หากนำใบสำคัญ (แบบ สด.9) ฉบับลงวันที่ 4 ก.ค.2529 เป็นหลักฐานในการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการจะสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นบุคคลที่ไม่เข้ารับการตรวจเลือก (ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร) ในวันที่ 7 เม.ย.2530
จึงทำให้การขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ (สด.3) โดยใช้เอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายไม่ถูกต้องไปด้วย
2.รมว.กลาโหมได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้วตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 281/55 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
และคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 295/55 ลงวันที่ 2 ก.ค.2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง (เพิ่มเติม)
โดยกรมเสมียนตรามีหนังสือสอบถามโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ขอให้ตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนผันหรือได้รับการยกเว้นการเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์มีอยู่จริงหรือถูกต้องประการใด
ซึ่งโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าส่งเอกสารสำคัญพร้อมกับรับรองสำเนาถูกต้อง คือ ใบสมัคร สัญญาค้ำประกัน สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัครและบิดามารดา สำเนาแสดงผลการเรียน พร้อมคำแปล และผลการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคล (รปภ.1) แต่ไม่พบเอกสารหลักฐานใบสำคัญทางทหารฉบับจริง
ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว ไม่พบข้อสังเกตเพิ่มเติมจากที่ตรวจพบก่อนหน้าโดยจเรทหารบก
ในการปฏิบัติเมื่อส่วนราชการต้นสังกัดที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องชั้นต้น และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของพ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 รมว.กลาโหมผู้มีอำนาจในการบรรจุย่อมสามารถออกคำสั่งให้บรรจุบุคคลเข้ารับราชการได้ตามที่ส่วนราชการต้นสังกัดรายงานขอบรรจุ
สำหรับการตรวจสอบเอกสารที่ถูกต้องสำหรับการผ่อนผัน หรือได้รับการยกเว้นการเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์ คงมีรายละเอียดเช่นเดียวกับข้อ 1.1 และ 1.2
ซึ่งพบว่าเอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย.2531 หนังสือแผนกสัสดีกรุงเทพมหานคร ที่ กห 0481.62/5053 ลงวันที่ 31 ก.ค.2530 และทะเบียนกองประจำการ (สด.3)
มีสาระสำคัญไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง และไม่อาจใช้เป็นหลักฐานเอกสารการรับราชการทหารได้ และยังปรากฏหลักฐานแบบ สด.16 ปี 2536 ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ไม่เข้ารับการตรวจเลือกŽ
และหลักฐานแบบ สด.27 ปี 2530 ระบุว่า นายอภิสิทธิ์เข้าบัญชีทหารกองเกินเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2529Ž ซึ่งเป็นเอกสารยืนยันความไม่ถูกต้องของเอกสารตามข้อ 1.1 และ 1.2 ดังกล่าวข้างต้นด้วย
3.หากกระบวนการบรรจุคำสั่งบรรจุ หรือคำสั่งแต่งตั้ง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมที่เกี่ยวข้อง กระทรวงกลาโหมสามารถยกเลิก เพิกถอนคำสั่งบรรจุหรือคำสั่งแต่งตั้งได้โดยอำนาจของรมว.กลาโหม
โดยกระทรวงกลาโหมจะต้องพิจารณามูลเหตุ และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อดำเนินการตามกระบวนการตามระเบียบของทางราชการต่อไป
สำหรับการเรียกเงินเดือนและสิทธิประโยชน์อื่นๆ คืน ถ้าจำเป็นหรือมีเหตุอันควรจะพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ
สำหรับการดำเนินการตามข้อ 1 และข้อ 2 กระทรวงกลาโหมสั่งการให้กรมพระธรรมนูญรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นการแสดงข้อมูลเท็จในการบรรจุเข้ารับราชการของนายอภิสิทธิ์จะดำเนินการต่อไปอย่างไร
หากจะต้องเพิกถอนคำสั่งจะกระทำได้หรือไม่ และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับไประหว่างรับราชการจะสามารถเรียกคืนได้หรือไม่ประการใด
รวมทั้งพิจารณาดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปลอมเอกสารและนำเอกสารไปใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าว
------------
ลำดับเหตุการณ์การบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการโรงเรียน จปร.
* 4 ก.ค.29 ร.อ.รณรงค์ ศรีพลกรัง สัสดีเขตลาดกระบัง รักษาราชการแทนสัสดีเขตพระโขนง ขึ้นบัญชีทหารกองเกินนายอภิสิทธิ์ตามแบบ สด.1 มีข้อมูลสอดคล้องกับต้นขั้วใบสำคัญ (แบบ สด.9) ที่ 5352 ลง 4 ก.ค.29 (ต้นขั้ว สด.9)
* 19 มี.ค.30 โรงเรียน จปร. มีหนังสือที่ กห 0461/762 ลง 19 มี.ค.30 เรียน ผบ.ทบ. ขออนุมัติบรรจุนายอภิสิทธิ์ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เข้ารับราชการในตำแหน่ง รรก.อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร. (อัตรา พ.ต.)
* 31 มี.ค.30 สบ.ทบ.มีหนังสือถึง โรงเรียน จปร. ขอหลักฐานการบรรจุและส่งเอกสารหลักฐานทางทหารเพิ่มเติม
* 7 เม.ย.30 มีการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการในพื้นที่เขตพระโขนง แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เข้ารับการตรวจเลือก (สด.16 และสด.43 เป็นบุคคลขาดการตรวจเลือก)
* 9 เม.ย.30 นายอภิสิทธิ์เขียนใบสมัครที่โรงเรียน จปร. ในใบสมัครระบุว่าเกิดเมื่อ 3 ส.ค.07 อายุ 23 ปี
* 31 ก.ค.30 มีสำเนาหนังสือรับรอง ที่ กห 0481.62/5053 ลง 31 ก.ค.30 ออกโดย พ.ต.ไพโรจน์ แก้ววงศ์ ผช.สด.กรุงเทพมหานคร ว่า นายอภิสิทธิ์เข้าบัญชีทหารกองเกินเมื่อ 1 ม.ค.25 ได้รับการผ่อนผัน ไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ ตามมาตรา 29(3) แห่งพ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497Ž ซึ่งผิดจากความเป็นจริง ข้อกฎหมาย และขั้นตอนการได้มาของ สด.41 (ผู้ผ่อนผันเข้ารับการคัดเลือกเป็นทหารที่ศึกษา ณ ต่างประเทศ) โดยเริ่มจาก
1.ผู้ขอรับการผ่อนผันลงทะเบียนทหารกองเกินได้รับแบบ สด.9 และหมายเรียกแบบ สด.35
2.ร้องขอผ่อนผันผ่านสถานทูต ณ สถานศึกษา แนบเอกสารรับรองการศึกษาจากสถานศึกษาพร้อมคำแปล จากนั้นสถานทูตจะมีหนังสือถึงที่ว่าการอำเภอภูมิลำเนาทหาร
3.ผู้ขอผ่อนผันเขียนคำร้อง ณ ที่ว่าการอำเภอภูมิลำเนาทหาร ขอผ่อนผันเพื่อไปศึกษา ณ ต่างประเทศ นายอำเภอจะสอบปากคำและบันทึกความเห็นตามแบบ ปค.14 แล้วรายงานขอผ่อนผันเพื่อไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูมิลำเนาทหาร
4.สด.จังหวัดภูมิลำเนาทหารนำเรียนผู้ว่าฯ อนุมัติและลงชื่อในหนังสือผ่อนผันการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารที่ศึกษา ณ ต่างประเทศ ตามแบบ สด.41 (ผ่อนผันตามมาตรา 27(2) แต่สำหรับผู้ขอผ่อนผันเข้ารับราชการทหารที่ศึกษาในประเทศจะใช้มาตรา 29(3) สถานศึกษาจะแจ้งรายชื่อผู้ขอผ่อนผันและผู้อนุมัติผ่อนผันจะแจ้งเป็นหนังสือให้หัวหน้าสถานศึกษาได้รับทราบเท่านั้น)
* 4 ส.ค.30 บก.ทท.เสนอตามรายงานของ ทบ. ขออนุมัติบรรจุนายอภิสิทธิ์ อายุ 23 ปี คุณวุฒิ Bacherlor of Arts (Philosophy, Politics, and Economics) แห่ง University of Oxford ประเทศอังกฤษ
* 7 ส.ค.30 กห.มีคำสั่ง กห ที่ 720/30 ลง 7 ส.ค.30 เรื่องบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ โดยบรรจุนายอภิสิทธิ์เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตรในตำแหน่ง รรก.อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร. (อัตรา พ.ต.) ใบสำคัญทางทหารใช้หนังสือรับรองผ่อนผันไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติตามมาตรา 29(3) ที่ออกให้โดยไม่ถูกต้องตามแบบ สด.41 (หนังสือรับรองที่ กห 0481.62/5053 ลง 31 ก.ค.30)
* 8 เม.ย.31 สด.เขตพระโขนงออกใบสำคัญ (แบบสด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายที่ 1178 ลง 8 เม.ย.31 มีข้อสังเกตในใบแทนตามต้นขั้ว จะต้องลงบันทึกตามต้นขั้วแบบ สด.9 ฉบับเดิม แต่กรณีนี้ลงวันที่การเข้าบัญชีทหารกองเกินเมื่อ 8 เม.ย.31 (เป็นวันเดียวกันกับวันออกใบแทนฯ) และไม่มีการออกเอกสาร แบบ สด.1 หรือลงบันทึกในแบบ สด.27 แต่สำหรับบุคคลอื่นในหลักฐานเล่มเดียวกันจะบันทึกวันเข้าบัญชีทหารกองเกินเป็นวันเดียวกับต้นขั้วเดิมของแต่ละบุคคล ซึ่งจะตรงกับแบบ สด.1 และแบบ สด.27 ของบุคคลนั้นๆ
* 26 เม.ย.31 กห.มีคำสั่ง กห ที่ 339/31 ลง 26 เม.ย.31 เรื่องแต่งตั้งข้าราชการกลาโหมพลเรือนเป็นนายทหารสัญญาบัตร โดยแต่งตั้งนายอภิสิทธิ์เป็นว่าที่ร้อยตรี ตั้งแต่ 26 เม.ย.31 หลังจากฝึกหลักสูตรอบรมนายทหารสัญญาบัตร สำเร็จเมื่อ 25 เม.ย.31
* 2 มิ.ย.31 โรงเรียน จปร. นำตัวนายอภิสิทธิ์ไปขึ้นทะเบียนกองประจำการที่สัสดีจังหวัดนครนายก ใช้ใบสำคัญแบบ สด.9 แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย โดยระบุว่าเข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อ 8 เม.ย.31 ซึ่งผิดจากข้อเท็จจริงที่ลงทะเบียนทหารกองเกินเมื่อ 4 ก.ค.29 (ตามแบบ สด.9, แบบ สด.1 และแบบ สด.27 ฉบับจริง ซึ่งยังคงเก็บรักษาไว้ ณ ส่วนราชการที่รับผิดชอบ)
* 12 เม.ย.32 กห.มีคำสั่ง กห ที่ 270/32 ลง 12 เม.ย.32 เรื่อง ให้นายทหารออกจากประจำการ โดยให้ ร.ต.อภิสิทธิ์ออกจากประจำการตามที่ขอลา เป็นนายทหารกองหนุนมีเบี้ยหวัด สังกัด บก.จทบ.ก.ท. ตั้งแต่ 2 เม.ย.32 |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น