วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เปิดโฉมหัวหน้ากบฏแช่แข็งคนที่2!

          แล้วพลันที่ม็อบ เสธ.อ้ายสลายตัวลงไป น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กลายเป็นผู้ที่แสดงตัวชัดแจ้งกว่าใครอื่นว่าจะเป็นแม่ทัพนำม็อบต่อไปในการ โค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีศาจคาบไปป์เจ้าของฉายาหน้าแหลมฟันดำให้เหตุผลว่า ในการต่อสู้กับนักการเมืองชั่วเราจะไปยอมแพ้และถอยไม่ได้เด็ดขาด จะต้องต่อสู้ตลอดไป

         นี่เป็นการส่งสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าในม็อบที่จะเกิดขึ้นหลังปี ใหม่ 2556 ท่าทางจะต้องมี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นแกนนำหลักอย่างแน่นอน ซึ่งเท่าที่ผ่านมาถือว่าเขาเป็นคนที่มีบทบาทในการโค่นล้มรัฐบาลอยู่หลาย รัฐบาล ตั้งแต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นมา

         นี่ยังเป็นข้อสรุปที่บอกได้ว่า ถึงแม้จะไม่มี เสธ.อ้ายอีกต่อไป แต่กลุ่มความคิดสุดโต่งยังคงมี เสธ. อื่นๆอีกตั้งหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของฉายา CIA เมืองไทย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ! รายนี้ถือว่ามีความเก๋าเกมในการวางแผนโค่นล้มรัฐบาลเป็นประสบการณ์ทุนเดิม มากมาย





         เมื่อมองไปอย่างนี้แล้วจะเห็นได้ว่าพลังของม็อบโค่นล้มรัฐบาลในครั้งต่อ ไปคงจะไม่มีเพียงลำพังกำลังขององค์การพิทักษ์สยามเท่านั้น แต่ว่าจะมีเครือข่ายหลักๆอย่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้ามา เป็นแกนกลางด้วย และอาจจะยังมีอีกหลายภาคี ทั้งกลุ่มสันติอโศกที่นำทัพโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กลุ่มเสื้อหลากสีของ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ รวมทั้งกลุ่มกรีนที่เป็นคู่แฝดแยกออกได้ยากกับกลุ่มเสื้อเหลือง เพียงยังไม่ถึงสิ้นปีเราก็พอมองเห็นโฉมหน้าของกลุ่มกบฏแช่แข็งในโฉมใหม่กัน แล้ว เพียงแต่มีข้อสงสัยว่ายุทธการของกลุ่มที่จะแช่แข็งประเทศไทยกลุ่มใหม่นี้จะ เริ่มต้นกันตรงไหนและแปรขบวนไปอย่างไร?

        ในด้านยุทธศาสตร์และยุทธวิธี ข่าวคราวนี้สอดคล้องกันในหลายๆข่าว รวมทั้งข่าวกรองของสภาความมั่นคงแห่งชาติที่วิเคราะห์ว่าการเคลื่อนไหวของ ม็อบนั้นคงจะต้องเป็นหลังปีใหม่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมอาจจะเป็นการพักยกไประยะหนึ่งเท่านั้นเอง เครือข่ายของกลุ่มพันธมิตรฯเสื้อเหลืองก็วิเคราะห์ว่า ภายหลังปีใหม่ไปแล้วสถานการณ์น่าจะอยู่ในขั้นสุกงอมที่จะสามารถขับไล่รัฐบาล ได้

นี่เป็นการวิเคราะห์ที่แตกต่างจากการวิเคราะห์กลุ่มของ เสธ.อ้ายที่ผ่านมา!

การวิเคราะห์นี้อาจจะสอดคล้องกับกรณีคดี 98 ศพที่มีความคืบหน้าไปอย่างมากมายหลายคดี ตั้งแต่คดีของนายพัน คำกอง คดีของนายชาญณรงค์ พลศรีลา หรือคดีของนายชาติชาย ซาเหลา เป็นที่คาดหมายได้ว่าคดีที่สืบเนื่องมาจากการสลายการชุมนุมนี่เองจะเป็น ปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเร้าที่จะให้ม็อบโค่นล้มรัฐบาลนั้นเตรียมแปรขบวน ขึ้นมาสู่การปฏิบัติการ

          นอกจากจะเกี่ยวกับคดีสลายการชุมนุมแล้วอาจจะวิเคราะห์สืบเนื่องมาจากคดี ที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร รวมทั้งม็อบของ เสธ.อ้ายที่ล้มเหลวนอกระบบ เหตุของความล้มเหลวทั้งหมดนั้นคงจะทำให้อำนาจแฝงเบื้องหลังต้องออกมาแสดงเอง อีกครั้ง โดยอาศัย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นแม่ทัพหลัก แต่การจัดทัพเที่ยวหน้านี้คงน่าจะจัดอยู่หลายกระบวนทัพทีเดียว ซึ่งไม่รู้ว่าจะหนาแน่นเหมือนกับสงครามเก้าทัพหรือไม่? แต่ที่พอจะเข้าใจกันได้นั้นคงจะมีความพยายามปั่นกระแสชาตินิยมหรือความคลั่ง ชาติให้สูงมากกว่าปัจจุบัน เป็นไปได้ที่อาจจะมีการดึงเอาปัญหาความขัดแย้งทางกัมพูชามาเป็นชนวนเหตุที่ จะผลักดันสถานการณ์ให้เป็นไปตามกลุ่มเป้าหมายของการโค่นล้มรัฐบาล

           กระแสตรงนี้จึงเป็นเรื่องที่จะต้องจับตามองอยู่บ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะในเดือนเมษายน 2556 จะเป็นช่วงที่ศาลโลกอาจจะต้องตีความคำพิพากษาเขาพระวิหารตามการร้องขอของ ฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์ในช่วงดังกล่าวนั้นเป็นช่วงที่น่าจะโฟกัสเป็นอย่างยิ่งและไม่ควร กะพริบตาเด็ดขาด อีกทั้งสามารถคาดหมายได้ว่าการขับเคลื่อนโค่นล้มรัฐบาลในปีหน้านั้น สถานการณ์มีโอกาสจะกลายเป็นสงครามครั้งสุดท้ายได้ไม่ยาก มองในแง่โหราศาสตร์ก็มีความเป็นไปได้เช่นนั้น

          หรือในด้านการเมือง สนามเลือกตั้ง กทม. ที่เป็นสนามสำคัญก็จะมีการขับเคลื่อนในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย แน่นอนที่ฝ่ายประชาธิปัตย์คงไม่อยากที่จะพลาดหวังในสนาม กทม. เด็ดขาด เมื่อประเมินสถานการณ์โดยภาพรวมแล้ว ช่วงจังหวะของการประจันหน้าสัปยุทธ์ทางการเมืองครั้งใหญ่คงจะอยู่ในช่วง เดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนแน่นอน น.ต.ประสงค์นั้นเป็นแม่ทัพที่รบนอกแบบ แต่ไม่รู้ว่าทัพของพรรคประชาธิปัตย์นั้นจะรบอย่างไร? จะเล่นบทแนวร่วมแขนงไผ่กับ น.ต.ประสงค์สักแค่ไหนในการโค่นล้มรัฐบาล แต่ยี่ห้อประชาธิปัตย์ก็คงจะไม่อยู่เฉย

         เพียงแต่ว่าจะหลบฉากอยู่ตรงส่วนไหนของขบวนการเท่านั้น และทัพนี้ก็ถือเป็นอีกทัพที่สำคัญเช่นเดียวกัน ทัพของแมลงสาบนั้นยั่งยืนมาโดยตลอด เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่สูญพันธุ์มาจนถึงทุกวันนี้ และยังคงไม่สูญพันธุ์ได้ง่ายๆ ขอให้จับตาดูให้ดี!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น