วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

จดหมายศาลอาญาระหว่างประเทศมาแล้ว! ขอให้ไทยประกาศรับรองเขตอำนาจศาลทันที

จดหมายศาลอาญาระหว่างประเทศมาแล้ว! ขอให้ไทยประกาศรับรองเขตอำนาจศาลทันที

          4 พฤศจิกายน 2555 go6TV - จากกรณีที่คนเสื้อแดง ได้ขอให้ศาลอาญาระหว่างประเทศดำเนินคดีแก่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และผู้เกี่ยวข้องจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตร่วมร้อย บาดเจ็บอีกสองพันคนนั้น

          ความคืบหน้าล่าสุด อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ได้ส่งหนังสือตอบกลับ มาถึงนายแพทย์ เหวง โตจิราการ เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้คดีดังกล่าว ทางคณะอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศรับทราบแล้ว แต่เนื่องจากประเทศไทยยังไม่ได้เป็นสมาชิกภาคีและยังไม่ได้ลงสัตตยาบรรณให้ การรองเขตอำนาจศาล ซึ่งทำให้ศาลไม่สามารถดำเนินการเข้ามาสอบสวนหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้ จึงได้ทำหนังสือมายังนายแพทย์เหวง เพื่อให้ให้รัฐบาลไทย ได้ประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เป็นเบื้องต้น เพื่อเป็นการเปิดประตูการทำคดีนี้ต่อไป ดังมีรายละเอียดในจดหมายดังต่อไปนี้



(คำแปล)

อ้างถึง OTP/THA/011112/PM-er
วันที่ 1 พฤษจิกายน 2555

เรียน ดร.เหวง โตจิราการ

จดหมายฉบับนี้เขียนมาเพื่อตอบการซักถามข้อมูลที่ส่งถึง ท่านอัยการ เบนสุดา เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2555 เกี่ยวกับขั้นตอนการรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ (“ICC” หรือ ศาล”) โดยประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสนธิสัญญากรุงโรม
ตามที่ท่านได้ทราบแล้วว่า ศาลไม่สามารถใช้เขตอำนาจเหนือดินแดนหรือประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสนธิสัญญากรุงโรมได้ นอกจากจะได้รับมอบหมายจาก คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติตามมาตรา 13 (b) ของสนธิสัญญากรุงโรม หรือ ประเทศนั้นๆจะรับเขตอำนาจของศาล โดยการประกาศ และบันทึกที่สำนักทะเบียน ตามมาตรา 12 (3) ของสนธิสัญญากรุงโรม

การประกาศดังกล่าวนั้นอาจจะเป็นรูปแบบของจดหมายจากรัฐบาลที่เกี่ยวข้องจ่าหน้าถึงนายทะเบียนของ ICC สำเนาถึงประธานของ ICC และอัยการ จดหมายนั้นควรระบุสถานการณ์ที่รัฐบาลจะรับเขตอำนาจศาลของ ICC ซึ่งควรเขียนให้เป็นรูปธรรมให้มากที่สุด แน่นอนศาลมีกฎว่า การกำหนดขอบเขตนั้นไม่สามารถ ชี้ถึงฐานความผิดในสถานการณ์ได้ เพราะต้องมีการสอบสวนครอบคลุมในทุกประเภทของอาชญากรรมที่อาจเกี่ยวข้อง

ตามที่กำหนดไว้ในกฎข้อ 44 ผลของการประกาศคือการยอมรับเขตอำนาจศาลในคดีอาชญากรรมตามมาตรา 5 ของสนธิสัญญา (ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ และอาชญากรรมสงคราม ซึ่ง เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ นอกจากนี้ประเทศผู้ประกาศยังต้องให้ความร่วมมือกับศาลตามส่วนที่ 9 ของสนธิสัญญากรุงโรมว่าด้วยเรื่องการร่วมมือระหว่างประเทศและการช่วย เหลือกระบวนการศาล ซึ่งบังคับใช้โดยอนุโลม เป็นความรับผิดชอบของประเทศที่เกี่ยวข้องที่จะต้องทำให้มีกฎหมายภายในประเทศ ที่กำหนดถึงความร่วมมือทุกประเภทซึ่งกำหนดไว้ในส่วนที่ 9 ของสนธิสัญญา ตามมาตรา 88 อย่างไรก็ดีเนื่องจากส่วนที่ 9 เกี่ยวข้องกับความร่วมมือภายใต้การสอบสวนและดำเนินคดี ไม่ใช่การตรวจสำนวนเบื้องต้น การกำหนดกระบวนการระดับประเทศหรือการออกกฎหมายจึงไม่จำเป็นในการยื่นหนังสือ ประกาศรับเขตอำนาจต่อศาล

ประเทศผู้ประกาศอาจประสงค์ที่จะเลือกที่จะส่งข้อมูลเอกสารสนับสนุนข้อกล่าวหาอาชญากรรมภายใต้ขอบเขตอำนาจศาล ข้อมูลเหล่านั้นที่ได้รับจะถูกส่งไปที่แผนกวิเคราะห์ของอัยการว่า มีข้อมูลมากเพียงพอหรือไม่ภายใต้มาตรา 15 ของสนธิสัญญา

โปรดเข้าใจว่า มาตรา 12 (3) เป็นการดำเนินการเพื่อให้ศาลมีขอบเขตอำนาจ ไม่ใช่เป็นกลไกเริ่มต้นทันที ดังนั้น หากจะมีการเปิดการสอบสวนขึ้น จะต้องมีการดำเนินการด้านอื่น เช่น อัยการต้องใช้ดุลพินิจเองตามมาตรา 15

หลังจากที่ได้รับหนังสือประกาศ สำนักงานอัยการจะเริ่มการตรวจสำนวนเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการณ์ เพื่อพิจารณาว่า ข้อมูลที่มีจะมีเหตุผลเพียงพอที่จะดำเนินการสอบสวน ในกรณีนี้สำนักงานจะพิจารณา โดยอาศัยกฎเกณฑ์ในมาตรา 53 (1) (a)-(c) เพื่อดูว่า

(ก) ข้อมูลที่มีเพียงพอให้เชื่อว่ามีการก่ออาชญากรรมภายใต้ขอบเขตอำนาจศาลขึ้นแล้วจริง หรือ กำลังเกิดขึ้นอยู่
(ข) คดีจะสามารถยื่นต่อศาลได้ภายใต้มาตรา 17 และ
(ค) การสอบสวนจะไม่มีประโยชน์ต่อความยุติธรรม

หากท่านมีคำถามเกี่ยวกับกรณีนี้เพิ่มเติม กรุณาอย่ารีรอที่จะติดต่อ คุณ เอเมอริค โรเจียร์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ ขอบเขตอำนาจ และความร่วมมือ ซึ่งติดต่อได้ที่ emeric.rogier@icc-cpi.int โทรศัพท์ +31 070 515 9080 (สำนักงาน) หรือ +316 46 44 87 91 (มือถือ)

ขอถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณในความสนใจของท่าน ในฐานะที่เป็นประเทศไม่เป็นภาคีสนธิสัญญา เกี่ยวกับกิจกรรมของศาลและสำนักงานอัยการ ขอได้โปรดรับการคารวะอย่างสูง

ด้วยความเคารพ
Phakiso Mochochoko
Director
Jurisdiction, Complementarity and Coopperation Division

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น