วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ศาลชี้ ‘ถวิล คำมูล’ถูกยิงตาย19 พ.ค.53 วิถีกระสุนจากด้านจนท.ทหาร


ศาลชี้ ‘ถวิล คำมูล’ถูกยิงตาย 19 พ.ค.53 วิถีกระสุนจากด้านจนท.ทหาร
คำสั่งศาลกรณีไต่สวนการตาย ‘ถวิล คำมูล’ ศพแรก 19 พ.ค.53 ถูกยิงตายใกล้กับแยกศาลาแดง ด้วยกระสุนปืนลูกโดดความเร็วสูงที่ศีรษะ วิถีกระสุนมาจากด้านเจ้าหน้าที่ทหาร แต่ยังไม่ทราบว่าใครลงมือ
27 ธ.ค.2556 ที่ศาลอาญารัชดา ห้อง 909 ศาลมีนัดฟังคำสั่งไต่สวนการตายหมายเลขคดีดำที่ อช. 3/2556 ของนายถวิล คำมูล ซึ่งถูกยิงที่ศีรษะจนเสียชีวิตที่บริเวณจุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ บนถนนราชดำริ ข้างสวนลุมพินีใกล้กับแยกศาลาแดง เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53  โดยศาลมีคำสั่งว่านายถวิลเสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกโดดความเร็วสูงที่ศีรษะทะลุเข้ากะโหลกทำให้เนื้อสมองฉีกขาดมากโดยมีวิถีกระสุนปืนยิงมาจากด้านเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังเคลื่อนกำลังพลเข้ามาควบคุมพื้นที่จากแยกศาลาแดงมุ่งหน้าไปแยกราชดำริ โดยยังไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้ลงมือกระทำอันเป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่
ศาลได้อ่านรายละเอียดในคำสั่งศาลว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค. – 19 พ.ค. 53 ได้มีการชุมนุมทางการเมืองโดย กลุ่ม นปช. เพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ยุบสภาผู้แทนราษฎรและให้จัดการเลือกตั้งใหม่ แต่นายกรัฐมนตรีปฏิเสธคำเรียกร้องและมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร และออกคำสั่งนายกรัฐมนตรีพิเศษที่ 1/2553 เพื่อจัดตั้ง ศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือศอฉ.และออกคำสั่งนายกรัฐมนตรีพิเศษที่ 2/2553 แต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ ศอฉ. และแต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเป็นรองผู้อำนวยการ และให้ทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือนเป็นผู้ปฏิบัติงานในเขตท้องที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทีมีความร้ายแรง ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ต่อมาวันที่ 19 พ.ค. 53 ศอฉ. ได้มีคำสั่งให้ทหารเข้าปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ผู้ชุมนุมที่อยู่แยกราชประสงค์  โดยให้กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจในบริเวณสวนลุมพินี ในเวลา 5.45 น. เจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าปฏิบัติภารกิจสวมผ้าพันคอสีฟ้า สติกเกอร์สีชมพูติดอยู่ด้านหลังมีอาวุธประจำกายเป็นอาวุธปืนเอ็ม 16 และอาวุธปืนลูกซองกระสุนยาง  โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้รับคำสั่งให้ใช้กระสุนปืนจริงและกระสุนซ้อมรบกับอาวุธปืนลูกซองเมื่อมีเหตุจำเป็น
เมื่อกำลังพลเคลื่อนที่จากแยกศาลาแดงมุ่งหน้าสู่แยกราชดำริ นายถวิล คำมูล ผู้ตายซึ่งอยู่ในลักษณะนั่งยองกับพื้นบริเวณจุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะตรงข้ามกับอาคาร สก. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  ถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกโดดจำนวน 2 นัด ที่ศีรษะบริเวณหน้าข้างซ้ายและหัวเข่าขวาด้านหน้า กระสุนปืนดังกล่าวมีทิศทางการยิงมาจากแยกศาลาแดงและมีคนนำตัวผู้ตายนำส่งโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ได้รับการยืนยันว่าผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว  พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ แพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพว่าสาเหตุการตายเกิดจากบาดแผลกระสุนปืนลูกโดดความเร็วสูงที่ศีรษะทะลุกะโหลกทำให้เนื้อสมองฉีกขาดมาก
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าเหตุและพฤติการณ์การของนายถวิล เป็นอย่างไร ผู้ร้องมีนายดนัยฉัตร แซ่ตั้งเป็นพยานเบิกความว่าในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ  6.00 น. พยานได้เห็นรถหุ้มเกราะของเจ้าหน้าที่ทหารอยู่บนสะพานข้ามแยก พยานวิ่งไปหลบอยู่ที่ด้านหลังบังเกอร์ที่ กลุ่ม นปช. ได้จัดทำขึ้นบริเวณหน้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จากนั้นได้มีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง 1 ชุด พยานจึงถอยไปยังอาคารจอดรถด้านหลัง พยานได้เห็นชายใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์สีฟ้า คือนายถวิล คำมูล ผู้ตาย อยู่ในลักษณะนั่งยองกับพื้น บริเวณจุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ ตรงข้ามอาคาร สก. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หันหน้าไปทางแยกศาลาแดง จากนั้นมีพระภิกษุเดินผ่านหน้าพยาน เมื่อเดินพ้นหน้าพยานไปเห็นนายถวิลล้มลงเนื่องจากถูกยิง จากนั้นก็มีชายวัยรุ่นประมาร 4-5 คน พยายามจะนำถาดไม้เพื่อนำร่างผู้ตายออกมา แต่ก็ถูกยิงจนวิ่งกระจายกันออกไป
นายชัชชัย บริบูรณ์เบิกความว่าในช่วงเช้าวันที่ 19 พ.ค. 53 ได้ยินเสียงปืนจำนวนหลายนัดดังต่อเนื่องเป็นระยะๆ มาจากแยกศาลาแดงและสวนลุมพินีซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารประจำการอยู่โดยผู้ตายนอนอยู่บริเวณป้ายจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ พยานกับพวกพยายามจะเข้าไปนำศพผู้ตายออกมาจึงถูกยิงที่ต้นแขนขวา ข้อพับแขนขวาและชายโครงด้านขวา
นายวัฒนชัย เอี่ยมนาคเบิกความว่าพยายามเข้าไปนำตัวผู้ตายออกมา มีเสียงปืนดังขึ้นตลอดเวลามาจากแยกศาลาแดง ในสวนลุมพินี และบนตึก สก.  ซึ่งเป็นที่ตั้งประจำการของเจ้าหน้าที่ทหาร  และพยานถูกยิงที่ปีกแขนด้านขวา
นอกจากนี้ยังได้ความจากคำเบิกความของน.ส.กฤษณา แสนปลื้ม และนายกำชัย ศรีทำ ผู้ตรวจสถานที่เกิดเหตุว่า บริเวณจุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะซึ่งเป็นจุดที่ผู้ตายถูกยิงพบรอยกระสุนปืนที่เสาโลหะป้ายจอดรถซึ่งมีลักษณะกลวงด้านในพบเศษชิ้นส่วนโลหะตกอยู่ ส่งไปตรวจพิสูจน์ที่กลุ่มงานตรวจอาวุธปืนและร่องรอยกระสุนปืน ผลการตรวจพิสูจน์พบว่าเศษโลหะดังกล่าวเป็นเครื่องกระสุนปืนแต่เศษเปลือกกระสุนปืนและเศษตะกั่วลูกกระสุนปืนไม่สามารถยืนยันชนิดและขนาดได้ และนอกจากนี้ยังพบรอยกระสุนปืนบริเวณด้านข้างของเสาที่คอรบด้วยวัตถุคล้ายโลหะของป้ายรถโดยสารประจำทางซึ่งมีป้ายรถแท็กซี่อัจฉริยะรวมอยู่ด้วย เมื่อจำลองวิถีกระสุนปืนโดยการถ่ายภาพย้อนจากแนวร่องรอยกระสุนแล้วพบว่ามีทิศทางการยิงมาจากบริเวณถนนพระราม 4 แยกศาลาแดง มุ่งหน้าสู่แยกราชดำริ
พ.ต.ต. นพ. วิชาญ เปี้ยวนิ่ม แพทย์ผู้ตรวจชันสูตรผู้ตาย ที่ศพพบบาดแผลทางเข้าของกระสุนปืนลูกโดดบริเวณศีรษะส่วนหน้าทางซ้าย ทิศทางจากหน้าไปหลัง ส่วนบนลงล่างของศีรษะ เฉียงจากขวาไปซ้าย ทะลุผ่านกะโหลกศีรษะและเนื้อสมองด้านซ้าย ส่วนอีกจุดหนึ่งเป็นบาดแผลกระสุนลูกโดด ทางเข้าบริเวณเข่าขวาด้านหน้า ทิศทางจากหน้าไปหลัง ส่วนบนลงส่วนล่างซ้ายพบบาดแผลทางออกใต้ข้อพับเข่าขวา ลงความเห็นว่าสาเหตุการตายเกิดจากกระสุนปืนลูกโดดที่ศีรษะทะลุกะโหลดศีรษะทำให้เนื้อสมองฉีกขาดมาก สันนิษฐานว่าเกิดจากกระสุนปืนความเร็วสูง กระสุนปืนดังกล่าวใช้กับอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงครามและจากบาดแผลดังกล่าวทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในทันที
ศาลเห็นว่าผู้ร้องมีพยานปากนายตนัยฉัตร แซ่ตั้งเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่าเห็นผู้ตายนั่งยองกับพื้นหันหน้าไปทางแยกศาลาแดง อยู่บริเวณจุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะตรงข้ามอาคาร สก. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ถูกยิงล้มลงซึ่งสอดคล้องกับเหตุการณ์ตามภาพถ่าย และคำเบิกความของนายวัฒนชัย เอี่ยมนาคซึ่งเป็นผู้ที่พยายามนำร่างของผู้ตายออกมาจากจุดที่ถูกยิง และคำเบิกความของนายชัชชัย บริบูรณ์ เบิกความว่าเห็นศพผู้ตายนอนอยู่ในที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 6.00 น.
เมื่อรับฟังประกอบความเห็นของน.ส.กฤษณา แสนปลื้ม และนายกำชัย ศรีทำ ผู้ตรวจสถานที่เกิดเหตุที่ว่าจากการจำลองแนววิถีกระสุนพบว่ายิงมาจากบริเวณถนนพระราม 4 แยกศาลาแดงมุ่งหน้าไปแยกราชดำริและได้ความจากพ.ต.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่มว่าผู้ตายตายจากการถูกกระสุนปืนลูกโดดที่ศีรษะส่วนหน้าที่มีทิศทางจากหน้าไปหลัง
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากท่านั่งของผู้ตายตามภาพถ่าย ที่หันไปทางแยกศาลาแดงจะพบว่าบาดแผลทางเข้าของกระสุนที่ศีรษะส่วนหน้า และเข่าขวาด้านหน้าจากแนววิถีกระสุนปืนมีทิศทางมาจากแยกศาลาแดงมีความสอดคล้องต้องกันทั้งจากบาดแผลก็เกิดจากกระสุนปืนความเร็วสูงซึ่งใช้กับอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงคราม เช่น เอชเค 33 เอ็ม 16 ซึ่งมีขนาด .223 หรือ 5.56 มม. ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ ทั้งกระสุนปืนที่เจ้าหน้าที่ทหารใช้ยิงบางส่วนก็เป็นกระสุนจริง พฤติการณ์จึงเชื่อได้ว่ากระสุนปืนที่ยิงผู้ตายถูกยิงมาจากด้านเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังเคลื่อนกำลังพลเข้ามาควบคุมพื้นที่จากแยกศาลาแดงไปแยกราชดำริโดยไม่ทราบแน่ชัดว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำอันเป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่อยู่นั้น
ศาลจึงมีคำสั่งว่าผู้ตายนายถวิล คำมูล ถึงแก่ความตายที่จุดจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะตรงข้ามอาคาร สก. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 เวลาประมาณ 6.00 น. เหตุและพฤติการณ์แห่งการตายคือถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกโดดความเร็วสูงที่ศีรษะทะลุเข้ากะโหลกศีรษะทำให้เนื้อสมองฉีกขาดมากโดยมีวิถีกระสุนปืนยิงมาจากด้านเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังเคลื่อนกำลังพลเข้ามาควบคุมพื้นที่จากแยกศาลาแดงมุ่งหน้าไปแยกราชดำริ โดยยังไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้ลงมือกระทำอันเป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่
              ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับถวิล และชายไม่ทราบชื่อซึ่งเสียชีวิตบริเวณเดียวกับถวิลนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี(ในขณะนั้น) ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อกับการเข้าสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ทหารเนื่องจากเลือดได้แห้งหมดแล้ว ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 18 มี.ค.54 โดยนายสุเทพ ได้ชี้แจงต่อรัฐสภากรณีการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในวันที่ 19 พ.ค.53 ว่า
".. มีคนเสียชีวิตจริงๆ 6 คน นับรวมคนที่เสียชีวิตมาก่อนตอนที่เราเข้าไปถึงตอน 7-8 โมงเช้า เห็นนอนอยู่แล้ว ที่ข้องเต้นที่สวนลุมพินีเลือดแห้งหมดแล้ว 2 คนด้วย.."
(ดูได้จาก VDO Clip นี้ในนาทีที่ 1.25.12 ประกอบ http://www.youtube.com/watch?v=gjrw_GkzewY )
ถวิล คำมูลก่อนและหลังถูกยิง ภาพโดย หงส์ศาลาแดง 
วิดีโอคลิปขณะผู้ชุมนุมเข้าช่วยเหลือนายถวิล แต่กลับถูกยิงซ้ำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น