|
(ข่าวสดออนไลน์)หมายเหตุ : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์รายการ ออน เดอะ มูฟ ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก โดยมีพิธีกรสาว ฮัสลินดา อามิน เป็นผู้ดำเนินรายการ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2557
บลูมเบิร์ก : น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกขับพ้นจากตำแหน่งพร้อมกับรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งแล้ว ถือว่าพอแล้วหรือยังที่พรรคประชาธิปัตย์จะลงเลือกตั้งครั้งหน้า และคุณจะลงเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วยหรือไม่
อภิสิทธิ์ : ขอผมชี้แจงให้กระจ่างก่อนว่าปัญหาที่เรากำลังประสบวิกฤตในประเทศไทยตอนนี้ เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับผู้ประท้วง กปปส. ผมเองเสนอทางออกให้แก่ทุกฝ่ายไปแล้ว แต่โชคร้ายที่ไม่มีใครตอบสนองข้อเสนอของผม และผมก็เตือนไว้แล้วว่า หากเรามัวแต่รอให้ถึงคำตัดสินของศาลจะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งในประเทศมากเข้าไปอีก เพราะเห็นได้ชัดว่าผู้สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลจะระดมพลออกมา ส่วนผู้ประท้วง กปปส.จะยิ่งรู้สึกฮึกเหิมจากคำตัดสินของศาลด้วย นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุรุนแรง สำหรับเรา (พรรคประชาธิปัตย์) แล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือทุกฝ่ายต้องตกลงโรดแม็ปร่วมกัน เพื่อที่เราจะสามารถกลับไปมีการเลือกตั้งที่มีระเบียบเรียบร้อย ด้วยความมุ่งมั่นต่อการปฏิรูปที่ยั่งยืน
บลูมเบิร์ก : โรดแม็ปที่คุณเสนอดูเหมือนเป็นข้อเสนอที่เอื้อแต่ฝ่ายเดียว สะท้อนเฉพาะข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง และไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลร้องขอเลย แล้วเช่นนี้จุดร่วมจะอยู่ตรงไหน
อภิสิทธิ์: (ข้อเสนอของผม)ไม่ได้เอื้อแต่ฝ่ายเดียว ตามจริงแล้วสิ่งที่รัฐบาลต้องการคือ การที่พวกตนจะได้ลงเลือกตั้งครั้งต่อไปที่จะจัดขึ้นภายใต้บรรยากาศที่สงบสันติ และพวกเขาต้องการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด แต่ความเป็นจริงคือ ขณะนี้รัฐบาลกำลังผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งโดยที่ไม่มีข้อการันตีเลยว่า การเลือกตั้งนั้นจะโปร่งใสเป็นธรรมและให้ความปลอดภัยแก่ทุกฝ่ายได้ ซึ่งการผลักดันเช่นนี้จะไม่มีวันได้ผล ข้อเสนอโรดแม็ปของผมนั้น จะมีเลือกตั้งได้ภายใน 5-6 เดือน หลังจากที่เรามีประชามติในประเด็นการปฏิรูปแล้ว ดังนั้นแผนเช่นนี้น่าจะเป็นหนทางกลับไปสู่การเลือกตั้ง กลับไปสู่วิถีทางประชาธิปไตยที่ง่ายและราบรื่นกว่า
บลูมเบิร์ก: รัฐบาลจะทำอะไรในช่วงก่อนเดือนก.ค. ที่จะทำให้มีการเลือกตั้งและทำให้คุณลงเลือกตั้งได้บ้าง
อภิสิทธิ์: คือว่า เราจะลงเลือกตั้งอย่างแน่นอน หากเราเห็นว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ในเวลานี้เราหาเสียงไม่ได้ในบางพื้นที่ เพราะยังมีการคุกคามผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีผู้ประท้วงหลายคนที่จะไม่ยอมรับการเลือกตั้งตราบใดที่รัฐบาลยังไม่ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าพร้อมที่จะทำการปฏิรูป นี่คือปัญหาที่ต้องแก้ไข คือเหตุผลที่เราพยายามจัดการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ แต่น่าเสียดายที่ข้อเสนอของเราถูกปฏิเสธ
บลูมเบิร์ก: พูดอย่างเป็นธรรม รัฐบาลเองก็พยายามแล้วเหมือนกัน คุณพูดว่าต้องการการปฏิรูป แต่รัฐบาลก็ได้ถอยในทุกวิถีทางแล้ว เช่น ยุบสภา รัฐบาลได้ทำทุกอย่างแล้ว ยกเว้นลาออก
อภิสิทธิ์: ไม่จริงเลย พวกเขาไม่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับการปฏิรูปเลย การปฏิรูปไปไม่ถึงไหนก็เพราะรัฐบาลไม่ยอมรับข้อเสนออะไรเลย แม้แต่ข้อเสนอจากภาคเอกชนและเอ็นจีโอ
บลูมเบิร์ก: ถ้ามีการปฏิรูป(ตามที่นายอภิสิทธิ์เสนอ)จริง พรรคที่สนับสนุนคนเสื้อแดงจะไปลงเลือกตั้งในระบบการเมืองหลังการปฏิรูปเพื่ออะไร ในเมื่อระบบการเมืองนั้นเป็นระบบที่ลดคุณค่าพลังในการเลือกตั้งของประชาชนที่เลือกพรรคเหล่านี้ และพรรคประชาธิปัตย์เองก็ปฏิเสธที่จะลงเลือกตั้งครั้งที่แล้วด้วย
อภิสิทธิ์: ฟังนะ ถ้าคุณศึกษาประเทศทั่วโลกที่กำลังต่อสู้ในการพัฒนาประชาธิปไตยจะทราบว่า ประชาธิปไตยไม่ได้มีแต่เรื่องของการเมืองเลือกตั้ง แต่ยังเป็นเรื่องของความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจด้วย เป็นเรื่องของรัฐบาลที่มีอำนาจจำกัด คุณเองก็ทราบดีว่าในสหรัฐ ต้องมีรัฐบาลที่ถูกจำกัดอำนาจเพื่อไม่ให้ใช้อำนาจในทางที่ผิด รัฐบาลยิ่งลักษณ์เองมีโอกาสทองที่จะเปลี่ยนผ่านจากปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน ไปสู่เส้นทางประชาธิปไตยที่ราบรื่น แต่น่าเสียดายที่พวกเขากลับเอาผลประโยชน์ของตัวเองอยู่เหนือประเทศ ด้วยการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งที่ทุกคนเตือนแล้วว่าจะทำให้เกิดการต่อต้านครั้งใหญ่ นั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ประชาชนเห็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดของรัฐบาล คณะกรรมการปรองดองฯ เคยบอกแล้วว่า การที่การเลือกตั้งจะเป็นกลไกที่สำคัญของประชาธิปไตยนั้น คุณต้องมีเงื่อนไขอื่นๆ ด้วย ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้กำลังถูกละเมิดอยู่ พวกเราต้องจัดการกับปัญหาเช่นนี้ เพื่อให้ประชาธิปไตยเติบโตขึ้นอย่างแท้จริง
บลูมเบิร์ก: คุณพูดถึงเรื่องประชาธิปไตย แต่ทำไมไม่ยอมให้ประชาชนตัดสินและจัดตั้งรัฐบาลเอง
อภิสิทธิ์: ประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาล ควรมีช่องทางเข้าถึงสื่อกระแสหลัก ไม่ใช่ถูกกีดกัน ประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลควรมีช่องทางที่หาเงินสนับสนุนได้อย่างโปร่งใส แต่รัฐบาลกลับข่มขู่ผู้บริจาคเหล่านี้ นอกจากนี้ ทุกพรรคการเมืองต้องสามารถหาเสียงได้ในทุกพื้นที่ นี่คือเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการเลือกตั้งที่เป็นธรรม แต่เงื่อนไขนี้ยังไม่เกิดขึ้น รัฐบาลต้องทำให้เป็นจริงก่อนแล้วเราจะลงเลือกตั้ง
บลูมเบิร์ก: สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ คุณคิดว่าผู้ประท้วงควรถอยบ้างไหม คุณช่วยทำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยุติการชุมนุมเพื่อให้พรรคการเมืองใหญ่ๆ พูดคุยเรื่องการปฏิรูปและจัดการเลือกตั้งได้ไหม
อภิสิทธิ์: นั่นคือสิ่งที่ผมเสนอเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ความเป็นจริงคือทั้งสองฝ่ายไม่มีทางได้ชัยชนะเบ็ดเสร็จได้หรอก นี่เป็นเวลาที่เราต้องหาจุดร่วม คือการปฏิรูปและการเลือกตั้ง ผมเองเสนอโรดแม็ปให้มีการเลือกตั้งและการปฏิรูปไปแล้ว แต่ปัญหาคือรัฐบาลต้องลาออกทั้งคณะ เพื่อที่เราจะได้มีความไว้วางใจ และจะได้ช่วยให้การเลือกตั้งเป็นธรรมขึ้น แต่รัฐบาลกลับไม่ยอมทำตามข้อเสนอนี้
บลูมเบิร์ก: คุณพร้อมจะถอยเรื่องใดได้บ้าง
อภิสิทธิ์: ในแผนของผมนั้น พร้อมจะลาออกจากการเมืองด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องของเรา (พรรคประชาธิปัตย์) แต่เป็นเรื่องของผมคนเดียว เราจะเสียเปรียบก็จริงแต่ต้องการให้ทุกอย่างกลับไปราบรื่นเหมือนเดิม ทุกฝ่ายต้องยอมเสียสละ เราให้ข้อเสนอไปแล้ว แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธที่จะเสียสละ
บลูมเบิร์ก: แต่พรรคของคุณไม่ชนะเลือกตั้งในเวลา 20 กว่าปีมานี้เลย
อภิสิทธิ์: แต่พรรคของผมก็ไม่เคยโกงเลือกตั้ง ไม่เคยถูกศาลตัดสินว่ากระทำผิดเลย และผมเฉยๆ กับการที่พรรคการเมืองจะแพ้หรือชนะเลือกตั้ง เพราะเป็นเรื่องปกติตามระบอบประชาธิปไตย สิ่งที่เราพูดอยู่คือ ผู้ชนะจะต้องไม่เอาการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการลุแก่อำนาจ ข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม โกงกิน หรือกระทำสิ่งใดที่ขัดต่อกฎหมาย เราขอเพียงแค่นี้ จะเห็นได้ว่าหลังจากผลเลือกตั้งครั้งก่อนออกมาแล้ว เรายอมรับและปล่อยให้รัฐบาลปกครอง แม้จะมีปัญหาการจัดการน้ำท่วมหรือโครงการจำนำข้าวที่ย่ำแย่ พวกเราขอแค่อย่างเดียวคือ พวกเขาจะต้องไม่พยายามผ่านพ.ร.บ.นิรโทษฯ
บลูมเบิร์ก: คำถามสุดท้าย ตามกฎหมายไทยคุณไม่ได้ไปเลือกตั้งครั้งที่แล้ว แปลว่าคุณรับตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้อยู่ดี แปลว่าแม้ฝ่ายคุณตั้งรัฐบาลได้แต่คุณจะไม่ได้เป็นนายกฯ ใช่หรือไม่
อภิสิทธิ์: ไม่จริงเลย ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติ มีบางกรณีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลก็จริง แต่ ณ ตอนนี้ ผมสามารถลงเลือกตั้งและรับตำแหน่งทางการเมืองได้ทั้งสิ้น |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น