ผลการคะแนนเลือกประธานวุฒิสภา ปรากฎว่านายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ได้ 96 คะแนน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ได้ 51 คะแนน งดออกเสียง 1 คะแนน
9 พ.ค. 2557 ในการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา พิจารณาญัตติเรื่องขอเสนอญัตติให้ที่ประชุมวุฒิสภาดำเนินการเลือกประธานวุฒิสภา เลือกรองประธานวุฒิสภาคนที่สองและตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อสรรหาสมาชิกวุฒิสภาให้ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา
ทั้งนี้ในการเลือกประธานวุฒิสภา นายมณเฑียร สรงประภา ส.ว.ชัยนาท ได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหาเป็นประธานวุฒิสภา ขณะที่ นางเพ็ญพักตร์ ศรีทอง ส.ว.สรรหา เสนอชื่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นประธานวุฒิสภา จากนั้น นายสุรชัย ได้มอบหมายให้ ร.ศ.หม่อมราชวงศ์วุฒิเลิศ เทวกุล ส.ว.สรรหา ผู้ที่อาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ในช่วงเลือกตั้งประธานวุฒิสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผลการนับคะแนนปรากฎว่านายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ได้ 96 คะแนน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ได้ 51 คะแนน งดออกเสียง 1 คะแนน
พักประชุมก่อนลงคะแนนเลือกประธานวุฒิ
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลาเวลา 17.00 น. การประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ฐานะปฏิบัติหน้าที่ประธานวุฒิสภา ได้เข้าสู่วาระพิจารณาการเลือกประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง และตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อสรรหา ส.ว.ให้ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา โดยนายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ กล่าวว่า การเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ไม่สามารถทำได้ในสมัยประชุมวิสามัญ ตามพ.ร.ฎ.เรียกประชุมวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2557 ที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 (2) ว่าด้วยการให้วุฒิสภาพิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เพราะเกินกว่าเรื่องที่ได้กำหนดไว้ใน พ.ร.ฎ.เรียกประชุม อย่างไรก็ตามตนมองว่าสิ่งที่จะทำให้การเลือกประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาจะทำได้ก็ต่อเมื่อนายสุรชัย ลาออกจากตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ตั้งแต่วันแรกของการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เมื่อวันที่ 2 พ.ค. เพื่อให้มีเหตุจำเป็นที่จะเลือกประธานวุฒิสภาได้ในสมัยประชุมวิสามัญ
ขณะที่นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา อภิปรายสนับสนุนให้มีการเลือกประธานวุฒิสภาในการประชุมวิสามัญ แต่ได้ท้วงติงว่าอาจจะประเด็นพิจารณาทางกฎหมายที่สำคัญคือการมีผลประโยชน์ทับซ้อนของนายสุรชัยที่ต้องการให้มีการเลือกประธานวุฒิสภา เพราะจากการประชุมที่ผ่านมาเห็นชัดว่านายสุรชัยมีคำพูดที่ต้องการให้มีการเสนอญัตติเพื่อเลือกประธานวุฒิสภา ทั้งที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ส.ว.ได้อภิปรายแสดงความเห็น โดยผู้อภิปรายส่วนใหญ่ที่อยู่ในกลุ่ม 40 ส.ว. อาทิ นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา, นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา สนับสนุนให้วุฒิสภาดำเนินการเลือกประธานวุฒิสภา ส่วน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา อภิปรายสนับสนุนว่าการออก พ.ร.ฎ.เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา ถือว่าออกโดยฉ่อฉล และไม่ทำตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 132 (2) อย่างควรจะเป็น อย่างไรก็ตามตนมองว่าสิ่งที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 132(2) ได้ออกแบบในกรณีที่บ้านเมืองไม่ปกติ และผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญคาดไม่ถึงว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ไม่มีประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภา ดังนั้นหากไม่มีการออกแบบไว้ในรัฐธรรมนูญ และสิ่งที่วุฒิสภาเตรียมดำเนินการถือเป็นกิจการภายในโดยยึดหลักความต่อเนื่อง ตนจึงเชื่อว่าการเลือกประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาทำได้โดยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ต่อมาเวลา 18.00 น. นายสุรชัยได้ขอพักการประชุมเพื่อรับประทานอาหารเย็นและหลังจากพักประชุมไปเกือบ 40 นาที ที่ประชุมได้กลับมาพิจารณาอีกครั้งและให้สิทธิ์ ส.ว.อภิปรายจนครบถึงเวลา 19.30 น. นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหา เสนอให้ที่ประชุมใช้การลงคะแนนลับ โดยที่ประชุมเห็นชอบและใช้การลงมติแบบลับ ผลปรากฏว่า เสียงข้างมาก 96 เสียง ต่อ 19 เสียง งดออกเสียง 19 เสียง ให้เดินหน้าเลือกประธานวุฒิสภา, รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 และตั้งกรรมาธิการสรรหา ส.ว.เข้าไปเป็นกรรมาธิการสามัญวุฒิสภา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น