Sun, 2014-08-10 14:46
มติชนออนไลน์รายงานว่าเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผู้อำนวยการกฎหมาย กอ.รมน. ร่วมแถลงกรณีศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย
- นายสมศักดิ์ หรือน้อง พูลสวัสดิ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/16 หมู่ 3 ต.สามพี่น้อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี
- น.ส.กริชสุดา หรือเปิ้ล คุณะแสน อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/74 ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี และ
- นางชนัญชยา หรือเมย์ เกตุแก้ว อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/74 ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สืบเนื่องจากจับกุมนายพีรพงษ์ หรือธานินทร์ สินธุสนธิชาติ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงคราม ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตใช้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งจากการสอบสวนนายพีรพงษ์ให้การซัดทอดว่าอาวุธสงครามที่แจกจ่ายให้บุคคลต่างๆ ไปก่อเหตุช่วงการชุมนุมทางการเมืองนั้น เป็นอาวุธที่รับมาจาก น.ส.กริชสุดา และนายกมล ดวงผาสุข หรือไม้หนึ่ง ก.กุนที จึงรวบรวมหลักฐานเพื่อขอศาลอาญาออกหมายจับดังกล่าว ทั้งนี้การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 3 มีลักษณะเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายโดยแบ่งหน้าที่กันทำ
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ที่ น.ส.กริชสุดาระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายนั้นเป็นการโกหกแต่งเรื่องเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง ซึ่งขณะนี้ น.ส.กริชสุดาและนางชนัญชยายังคงหลบหนีอยู่ ส่วนนายสมศักดิ์นั้นถูกจับกุมได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะสรุปสำนวนคดีสั่งให้อัยการ ซึ่งหากอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องคดีก็จะส่งสำนวนไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
ด้านนายพีรพงษ์ให้การเพิ่มเติมว่า เคยไปรับอาวุธปืนเอ็ม 79 มาจากนายไม้หนึ่ง โดยได้นำไปให้ผู้ร่วมขบวนการเพื่อนำไปก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ และเคยไปรับอาวุธปืนเอ็ม 16 จาก น.ส.กริชสุดา แต่ยังไม่ได้นำไปก่อเหตุ เนื่องจากเมื่อนำปืนไปทดลองยิงแล้วปืนเกิดระเบิดขึ้น ซึ่งที่ตนรับสารภาพนั้นเพราะด้วยความสมัครใจ ไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการตั้งคณะทำงานชี้แจงด้านสิทธิมนุษยชนกับต่างชาติ หลังจากสหประชาชาติ เรียกร้องให้ไทยสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี น.ส.กริชสุดา คุณะเสน ว่า คณะทำงานนี้ประกอบด้วยหลายหน่วยงาน คงต้องทำงานให้เข้มข้นขึ้น ในการทำความเข้าใจกับต่างชาติ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องไปเปลี่ยนความคิดของต่างชาติ แต่จะเน้นให้ข้อเท็จจริงมากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น