พ่อมึงดีอยู่คนเดียว....พ่อคนอื่นเลวหมด
จั่วหัวเรื่องไว้เช่นนั้น....
- เพราะอยากทำและคิดว่าทำถูก
- เพราะคิดว่าเรื่องมันยาวและเชื่อว่ามันยาวจริง
- เพราะคิดว่าไม่ได้ก้าวล่วงผู้ใดและไม่เคยคิดก้าวล่วง
- เพราะเชื่อว่ามันคือเสรีภาพของการพูดและการเขียนที่ชาวโลกเค้ายอมรับกัน
เรียนท่านผู้อ่านทุกท่านกรุณาอ่านให้จบแม้ข้อเขียนจะยาว แล้วท่านจะทราบว่าการสร้างเครือข่ายของอำมาตย์และเผด็จการ มิได้มีเพียงในประเทศไทยเท่านั้น แต่ในต่างประเทศก็ไม่เว้น ข้อเขียนนี้กล่าวถึงสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลกซึ่งเป็นเป้าหมาย ที่อำมาตย์และบริวารเอาเงินบริจาคนำทางสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนในสายตาชาวโลก
ก่อนลงลึกไปสู่บทความตามท้องเรื่อง ขอแนะนำตัวละครหลักของเรื่องอื้อฉาวที่ดังกระฉ่อนไปทั้งโลกอยู่ในขณะนี้ จากเรื่องที่ลงในเวป Harvard Crimson ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรัฐ Massachusetts http://www.thecrimson.com/article/2014/8/18/harvard-thai-troubles/
ในหัวเรื่อง Troubles with Thai Studies ที่เขียนโดยอิเลีย การ์เกอร์ (ILYA GARGER) แต่ตัวละครหลักที่จะแนะนำในข้อเขียนนี้มีด้วยกัน 4 ท่านได้แก่
1. ธรรมศาสตราภิชาน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย Harvard อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน ซึ่งมีวาระ 5 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 สิ้นสุดวาระเมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2556 โดยนั่งทำงานที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
2. ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย Harvard อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคไทยรักไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา อดีตที่ปรึกษานายกชาติชาย ชุณหะวัณ เคยถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ในนามของ 10 ประเทศอาเซียนโดยการสนับสนุนของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
3. พีร์ เหมะรัชตะ แพทย์บัณฑิตดีเด่นแห่งชาติปี 2549 นักเรียนทุนใน มูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศ อดุลยเดชวิกรม พระบรมชนก ปัจจุบันเป็นนักวิจัยจุลินทรีย์ชีวภาพ ควบคู่กับการศึกษาในระดับปริญญาเอก ที่ UCLA มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของโลก ตั้งอยู่ที่แอลเอ สหรัฐอเมริกา
พีร์ เหมะรัชตะจบบัณฑิตแพทย์จากวิทยาลัยเบเลอร์เมื่อปี 2548 ได้รับการบรรจุเข้าเป็นอาจารย์ ประจำหน่วยแบคทีเรีย ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีเดียวกันด้วยวัยเพียง 24 ปี ได้รับคัดเลือกเป็น "แพทย์ดีเด่นแห่งชาติ" เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2549 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบธ อดุลยเดชวิกรม "บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน"
4. Ilya Garger (อิเลีย การ์เกอร์) The founder of Capital Profile, a Hong Kong-based business research service. He is a former reporter for Time magazine, and a member of the Harvard Club of Thailand’s executive committee.
เรื่องอื้อฉาวกระฉ่อนโลก เริ่มต้นจาก 2 ศิษย์เก่าคนดังของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สุรินทร์ พิศสุวรรณ และ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ร่วมกันรณรงค์หาทุนจำนวน 6 ล้านดอลล่าร์บริจาคให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อให้สถาบันการศึกษาแห่งนี้ สนับสนุนให้ "Thai Studies" เป็นหลักสูตรการศึกษาถาวรในมหาวิทยาลัย Harvard เพื่อเป็นการเทอดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทย
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เคยเออออไปกลับการอวยสถาบันกษัตริย์ไทยมาตั้งแต่ปี 2012 แต่ไม่ใช่ปีนี้ ไม่ใช่หลังจากการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เนื่องจากทั้งสถาบันกษัตริย์และศิษย์เก่าคนดังทั้งสองไม่เคยอีนังขังขอบกับการทำรัฐประหาร ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับประชาชนที่ถูกย่ำยี่ ไม่แยแสกับการไล่ล่า จับกุมคุมขังและละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน นักการเมืองและนักวิชาการโดยคณะรัฐประหารและเผด็จการเบ็ดเสร็จ
ทั้งสุรินทร์ พิศสุวรรณและสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ต่างให้ความร่วมมือกับ กปปส. ที่ป่วนเมืองนานกว่า 6 เดือน เปิดทางสร้างความชอบธรรมให้กับการทำรัฐประหาร และยังสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับประยุทธิ์ จันทร์โอชาและคณะรัฐประหารตลอดมาอย่างต่อเนื่อง
Professor Michael Herzfeld หนึ่งในบรรดาคณาจารย์ที่ประสาทวิชา ณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ออกหน้า ตั้งข้อสังเกตุและชี้ประเด็นที่ให้มหาวิทยาลัยคง "Thai Studies" เป็นหลักสูตรถาวรว่า หลักสูตรการเรียนการสอนของฮาร์วาดไม่ควรผูกพันกับผลประโยชน์ทางการเมืองของผู้บริจาค
Thai Studies คือหลักสูตรการเรียนการสอนที่สถาบันกษัตริย์ไทยและบรรดาอำมาตย์ไทย โดยเฉพาะศิษย์เก่าของสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับต้น ๆ ของสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง ต้องการให้สถาบันการศึกษาเหล่านั้นบรรจุ "Thai Studies" เป็นหลักสูตรหนึงของมหาวิทยาลัย โดยให้มีการสอนภาษาไทย วัฒนธรรมไทย ประวัติศาสตร์ไทยและการอวยเจ้าแบบไทยๆ เป็นต้น
ศาสตราจารย์ผู้ประสาทวิชาท่านนี้ได้อีเมล์รายละเอียดจุดยืนของตน ให้กับ Ilya Garger ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของชมรมศิษย์เก่าฮาร์วาร์ดในประเทศไทย จึงเป็นที่มาของบทความ Troubles with Thai Studies ที่ อิเลีย การ์เกอร์เขียนในขณะที่ยังอยู่ในประเทศไทย และนำออกเผยแพร่ผ่านเวป Harvard Crimson ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
Troubles with Thai Studies เป็นบทความค่อยข้างยาว เข้าถึงผู้อ่านจำนวนมากและได้รับการตอบสนองอย่างกว้างขวางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเวปนี้มาก่อน สาระของบทความ Troubles with Thai studies ที่ Harvard University ซึ่งเผยแพร่ผ่านเวป Harvard Crimson มิอาจนำมาแจกแจงเป็นตัวอักขระได้ ณ ที่นี้ นอกจากผู้อ่านต้องเปิดลิ้งค์หาอ่านกันเองเท่านั้น (ลิ้งค์ของบทความได้วางไว้แล้วในข้อเขียนนี้ และอย่าลืมอ่าน comments ด้วย บอกได้คำเดียวว่ามันมาก)
อนิจจา....สาระของบทความนี้พวกคลั่งเจ้ารับไม่ได้ "พีร์ เหมะรัชตะ" บัณฑิตดีเด่นแห่งชาติของไทยได้ประกาศผ่านเฟสบุ๊ค "ขู่ฆ่า" ผู้เขียนด้วยอารมณ์และคำหยาบว่า “I swear that if I saw this MF on the street I’d elbow his middle meningeal artery and leave him dead from epidural hematoma,” บทความ Troubles with Thai Studies จึงถูกถอดออกจากเวป Harvard Crimson ในทันที หลังคำ "ขู่ฆ่า" ของนักเรียนทุนในมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศอดุลยเดชวิกรม พระบรมชนกผู้นี้
ความหมายจากคำขู่ฆ่า
MF เป็นคำย่อภาษาอังกฤษ เป็นคำสบถมีความหมายทางลามกไม่สุภาพ คำขู่ฆ่าของ "พีร์ เหมะรัชตะ" นักเรียนทุนใน "พระบรมชนก" จึง มีความหมายคร่าวๆว่า "กูขอสาบาน ถ้ากูเจอไอ้ MF นี่บนถนน กูจะเอาศอกสับแม่งกลางกระบาล ให้แม่งมันตายข้างถนนจากเลือดออกในสมอง"
เนื่องจากผู้ "ขู่ฆ่า" เป็นแพทย์จึงใช้ภาษาแพทย์ในการขู่ฆ่า Meningeal Artery แปลว่า "หลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงเยื่อหุ้มสมอง" Epidural Hematoma แปลว่า "เลือดคลั่งในสมอง อาการเลือดออกของเนื้อเยื่อในสมอง"
จากการเปิดเผยของ อิเลีย การ์เกอร์ การถอดบทความออกจากเวปมิได้ถูกกดดันจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่เป็นเพราะตนยังอยู่ในประเทศไทยเกรงว่านอกจากจะมีอันตรายถึงชีวิตจากพวกคลั่งเจ้าแล้ว ยังอาจเสี่ยงต่อการถูกข้อหา "หมิ่นเจ้า" จึงจำเป็นต้องถอดบทความออกจากเวปชั่วคราว หลังจากเดินทางออกจากประเทศไทยไปอยู่ฮ่องกงอย่างปลอดภัยแล้ว จึงอัพโหลดบทความขึ้นเวปอีกครั้ง
แม้บทความจะถูกถอดออกจากเวป Harvard Crimson แต่ก็ยังมีไอ้เสือปืนไวอย่าง Andrew MacGregor Marshall อดีตนักข่าว นักสู้จากสำนักข่าว Reuters ได้นำเอาบทความนี้ไปขยายต่อ ในหนังพิมพ์ LA Weekly ทำให้บทความ Troubles with Thai Studies ฉาวกระฉ่อนโลกกว้างขวางขึ้นไปอีก
LA Weekly เป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ขนาด tabloid เป็นหนังสือพิมพ์แจกฟรีรูปเล่มหนาเตอะเนื่องจากมีโฆษณาเกือบจะหน้าเว้นหน้า มีผู้อ่านเป็นแสน เพราะได้รับแรงดึงดูดจากบทความดีๆ ที่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้นำเสนอ โฆษณาจึงตามมา http://www.laweekly.com/informer/20...son-pulls-story-after-threat-from-ucla-fellow
จาก LA Weekly ที่มีผู้อ่านนับแสน เรื่องอื้อฉาว Troubles with Thai Studies ได้ยกระดับสู่สื่อทีวี สำนักข่าว CBS รับไม้ต่อ เอาเรื่อง Troubles with Thai Studies ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เผยแพร่ทั้งเรื่องและภาพออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 2 และช่อง 9 สู่ผู้ชมนับล้านคน ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2014 ที่ผ่านมา http://losangeles.cbslocal.com/2014...d-of-making-bizarre-death-threat-on-facebook/ ผู้ประกาศข่าวของ CBS บอกผู้ชมรายการว่าติดต่อขอความเห็นจาก "พีร์ เหมะรัชตะ" ไม่ได้ เนื่องจากบุคคลผู้นี้ได้ตัดขาดการสื่อสารทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊คหรือการติดต่อสื่อสารอย่างอื่น
พีร์ เหมะรัชตะ หลังจากจิตใต้สำนึก "ฆาตรกร" ปรากฎ จะอยู่ในสังคมอารยะเฉกเช่นสังคมของผู้รู้ในสถาบันการศึกษาได้อย่างไร UCLA ซึ่งมีประชากรใน campus หลายหมื่นคนคงไม่ต้องการมี "พีร์ เหมะรัชตะ" อยู่ร่วมสถาบันเป็นแน่
สื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีเสรีภาพอย่างสูงในการรายงานข่าวคงจิกไม่ปล่อยเพื่อตีแผ่เรื่องราวสู่การรับรู้ของสังคมต่อไป และจะมีใครเชื่อบ้างไหมว่าสหรัฐอเมริกา ประเทศประชาธิปไตยชั้นนำของโลกจะปล่อยให้ "พีร์ เหมะรัชตะ" ผู้ขู่ฆ่าคนอเมริกัน ประชาชนของตนเองถึงถิ่นให้ลอยนวลโดยไม่ทำอะไรเลย
เสียงวิหกน้อยในราวป่า กระพึอปีกโผขึ้นสู่เวหา เป็นสัญญาณเตือนให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ต้องตื่นตัวระวังภัย "คำขู่ฆ่าของพีร์ เหมะรัชตะ" จึงเป็นสัญญาณเตือนประชาคมโลก ให้ต้องหันมาระวังภัยจากอำมาตย์และเผด็จการไทยเฉกเช่นเดียวกัน นั่นคือเรื่องเลวๆหลายๆ เรื่องของอำมาตย์และเผด็จการไทย ที่นานาประเทศแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นในอดีตจะถูกนำกลับมาสู่ความสนใจของประชาคมโลกอีกครั้งเช่น
เนื่องจากผู้ "ขู่ฆ่า" เป็นแพทย์จึงใช้ภาษาแพทย์ในการขู่ฆ่า Meningeal Artery แปลว่า "หลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงเยื่อหุ้มสมอง" Epidural Hematoma แปลว่า "เลือดคลั่งในสมอง อาการเลือดออกของเนื้อเยื่อในสมอง"
จากการเปิดเผยของ อิเลีย การ์เกอร์ การถอดบทความออกจากเวปมิได้ถูกกดดันจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่เป็นเพราะตนยังอยู่ในประเทศไทยเกรงว่านอกจากจะมีอันตรายถึงชีวิตจากพวกคลั่งเจ้าแล้ว ยังอาจเสี่ยงต่อการถูกข้อหา "หมิ่นเจ้า" จึงจำเป็นต้องถอดบทความออกจากเวปชั่วคราว หลังจากเดินทางออกจากประเทศไทยไปอยู่ฮ่องกงอย่างปลอดภัยแล้ว จึงอัพโหลดบทความขึ้นเวปอีกครั้ง
แม้บทความจะถูกถอดออกจากเวป Harvard Crimson แต่ก็ยังมีไอ้เสือปืนไวอย่าง Andrew MacGregor Marshall อดีตนักข่าว นักสู้จากสำนักข่าว Reuters ได้นำเอาบทความนี้ไปขยายต่อ ในหนังพิมพ์ LA Weekly ทำให้บทความ Troubles with Thai Studies ฉาวกระฉ่อนโลกกว้างขวางขึ้นไปอีก
LA Weekly เป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ขนาด tabloid เป็นหนังสือพิมพ์แจกฟรีรูปเล่มหนาเตอะเนื่องจากมีโฆษณาเกือบจะหน้าเว้นหน้า มีผู้อ่านเป็นแสน เพราะได้รับแรงดึงดูดจากบทความดีๆ ที่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้นำเสนอ โฆษณาจึงตามมา http://www.laweekly.com/informer/20...son-pulls-story-after-threat-from-ucla-fellow
จาก LA Weekly ที่มีผู้อ่านนับแสน เรื่องอื้อฉาว Troubles with Thai Studies ได้ยกระดับสู่สื่อทีวี สำนักข่าว CBS รับไม้ต่อ เอาเรื่อง Troubles with Thai Studies ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เผยแพร่ทั้งเรื่องและภาพออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 2 และช่อง 9 สู่ผู้ชมนับล้านคน ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2014 ที่ผ่านมา http://losangeles.cbslocal.com/2014...d-of-making-bizarre-death-threat-on-facebook/ ผู้ประกาศข่าวของ CBS บอกผู้ชมรายการว่าติดต่อขอความเห็นจาก "พีร์ เหมะรัชตะ" ไม่ได้ เนื่องจากบุคคลผู้นี้ได้ตัดขาดการสื่อสารทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊คหรือการติดต่อสื่อสารอย่างอื่น
พีร์ เหมะรัชตะ หลังจากจิตใต้สำนึก "ฆาตรกร" ปรากฎ จะอยู่ในสังคมอารยะเฉกเช่นสังคมของผู้รู้ในสถาบันการศึกษาได้อย่างไร UCLA ซึ่งมีประชากรใน campus หลายหมื่นคนคงไม่ต้องการมี "พีร์ เหมะรัชตะ" อยู่ร่วมสถาบันเป็นแน่
สื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีเสรีภาพอย่างสูงในการรายงานข่าวคงจิกไม่ปล่อยเพื่อตีแผ่เรื่องราวสู่การรับรู้ของสังคมต่อไป และจะมีใครเชื่อบ้างไหมว่าสหรัฐอเมริกา ประเทศประชาธิปไตยชั้นนำของโลกจะปล่อยให้ "พีร์ เหมะรัชตะ" ผู้ขู่ฆ่าคนอเมริกัน ประชาชนของตนเองถึงถิ่นให้ลอยนวลโดยไม่ทำอะไรเลย
เสียงวิหกน้อยในราวป่า กระพึอปีกโผขึ้นสู่เวหา เป็นสัญญาณเตือนให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ต้องตื่นตัวระวังภัย "คำขู่ฆ่าของพีร์ เหมะรัชตะ" จึงเป็นสัญญาณเตือนประชาคมโลก ให้ต้องหันมาระวังภัยจากอำมาตย์และเผด็จการไทยเฉกเช่นเดียวกัน นั่นคือเรื่องเลวๆหลายๆ เรื่องของอำมาตย์และเผด็จการไทย ที่นานาประเทศแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นในอดีตจะถูกนำกลับมาสู่ความสนใจของประชาคมโลกอีกครั้งเช่น
- 1. เรื่องการค้ายาเสพติดที่เป็นข่าวอื้อฉาวตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน จาก Seattle ในเที่ยวบินสุดท้ายกฐินวัดไทย ถึงสะใภ้เจ้าที่ London และจากสะใภ้อวบที่ Paris ถึงข้าทาสบริวารที่ Taiwan ทั้งนี้ยังไม่นับเหตุการณ์อัปยศ ที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจะต้องลุกจากที่ประชุม ครม. กลางคันเพื่อแก้ปัญหาให้ผู้ส่งเสียงมาตามสายปลายทางครั้งแล้วครั้งเล่า
- 2. เรื่องปริศนา Blue Diamond สู่การลดระดับความสัมพันธ์ทางการฑูตของซาอุดิอารเบีย ที่ปัจจุบันลดลงอยู่ในระดับเลขาธิการฑูตเท่านั้น
- 3. เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษชนและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทั้งนี้อาจให้ความสนใจในเรื่องของศพเด็กอีกนับพันศพที่วัดไผ่เงินด้วย
- 4. เรื่องการปล้นอำนาจอธิปไตยของประชาชนไทยและการตั้ง ครม.แบบคลุมถุงชนของประยุทธ์ จันทร์โอชา
- 5. นานาประเทศคงไม่หลับตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับแผนการของคณะ คสช.ที่จะส่งรายชื่อคนไทยในต่างแดนให้กับ สถานกงสุล สถานฑูต และสถานเอกอัครราชฑูตไทยทั่วโลกให้จับตาดูความเคลื่อนไหวของคนไทยที่มีรายชื่อเหล่านั้น
ข้อเขียนนี้อยากสื่อมายัง "พีร์" และตระกูล "เหมะรัชตะ" ทั้งตระกูลรวมทั้งเขยและสะไภ้ว่า อาการ "คลั่งเจ้า" ของ "พีร์ เหมะรัชตะ" ครั้งนี้ อาจไม่มีผู้ใดใส่ใจว่าเป็นการแสดง "ความจงรักภักดี" แต่จะถูกมองว่าเป็น "การบ่อนทำลายเจ้า" แทน
พีร์ เหมะรัชตะ โปรดได้รับรู้ว่าการแสดง "ความจงรักภักดี" ของท่านครั้งนี้มีโทษถึงตาย เนื่องจากท่านทำให้แผนการใหญ่ของทหารและอำมาตย์ต้องสะดุดหรืออาจถึงขั้นล้มเหลวต้องยกเลิกไป นั่นคือแผนการโน้มน้าวนโยบายต่างประเทศของ หรัฐอเมริกาโดยทีมงานของ คสช.ที่ประกอบด้วย ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศระดับเอกอัครราชฑูตที่เกษียรอายุกับนักวิชาการที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี การทำงานของคณะทำงานชุดนี้กำลังรุกหน้า ผลงานเริ่มปรากฎ พวกเขากำลังปลาบปลื้มดีใจ ว่าการโน้มน้าวนโยบา่ยต่างประเทศของสหรัฐอเมริกากำลังเดินหน้าสู่ความสำเร็จ ที่พวกเขาสามารถสามารถทำให้สหรัฐอเมริกามีท่าทีอ่อนลงได้ แต่การแสดงความจงรักภักดีด้วยคำขู่ฆ่าชาวอเมริกัน ผู้เขียนบทความ Troubles with Thai Studies ที่กำลังฉาวโฉ่ไปทั้งโลก
ชั่งมาผิดที่ผิดเวลาจริงๆ
คำขู่ฆ่าที่ดังก้อง สถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกจากMassachusetts ถึง California และจากสื่อสิ่งพิมพ์ถึงเครือข่ายของสื่อทีวีและสื่อออนไลน์ว่า "กูขอสาบาน ถ้ากูเจอไอ้ MF นี่บนถนน กูจะตีศอกแม่งกลางกระโหลก ให้แม่งมันตายข้างถนนจากเลือดออกในสมอง" ส่งผลให้ประชาคมโลกต้องหันมามองอย่างจริงจัง สหรัฐอเมริกาคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ และก็คงไม่ปล่อยให้ คสช.มาข่มขู่คนไทยถึงถิ่น ทั้งคนไทยที่ยังเป็นโรบินฮู้ด ทั้งผู้ที่ถือใบเขียวและทั้งผู้ที่เปลี่ยนโอนสัญชาติเป็นอเมริกันแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องของสิทธิมนุษนล้วนๆ ที่สหรัฐอเมริกาประกาศเป็นนโบายหลักมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ขอปิดท้ายข้อเขียนด้วยคำเตือนที่ไม่ใช้คำขู่ว่า "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" เกิดขึ้นในประเทศไทยมาทุกยุคทุกสมัย "พีร์"และตระกูล "เหมะรัชตะ" จงเตรียมตัว แม้ท่านมิใช่โคถึก แม้พวกท่านมิใช่ขุนพลแต่ท่านอาจถูกฆ่าได้
"พีร์ เหมะรัชตะ" คงคิดออกว่าว่าอะไรจะเกิดขึ้น ท่านเป็นคนฉลาดเรียนเก่ง ได้ที่ 1 ที่ 2 มาตลอดน่าจะรู้ดีว่าถ้าท่านทำให้อำมาตย์เสียเกียรติทำให้ทหารเสียศักดิ์ศรี และยิ่งต้องเสียผลประโยชน์รวมเข้าไปด้วย การเอาชีวิตของท่านมาสังเวย คงไม่สามารถทำให้อำมาตย์และเผด็จการทหารหายแค้นได้
RED USA
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น