Wed, 2014-11-26 15:34
26 พ.ย. 2557 มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ออกแถลงการณ์เรื่อง ร่วมกันหยุดยั้งการคุกคามเสรีภาพประชาชน ระบุขอเรียกร้องต่อสังคม ให้ทุกกลุ่มทุกองค์กรในภาคสังคมร่วมกันแสดงความคิดเห็นและร่วมกันกดดันเพื่อให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกและคำสั่งของ คสช. ที่ปิดกั้นและคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน และขอยืนยันว่าการร่วมกันปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะมีความเห็นตรงกันหรือแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม จะเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งสำหรับการนำสังคมไทยให้เดินไปสู่เส้นทางประชาธิปไตยที่เอื้ออำนวยให้รัฐและสังคมไทยสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้อย่างสันติและเป็นธรรม
รายละเอียดมีดังนี้
แถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
เรื่อง ร่วมกันหยุดยั้งการคุกคามเสรีภาพประชาชน
เนื่องด้วยในห้วงเวลาปัจจุบันได้มีการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกและคำสั่งของคณะ คสช. รวมทั้งอำนาจของกลไกรัฐในการคุกคามประชาชนที่แสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ โดยมีการคุกคามอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาการผลักดันผู้คนออกจากพื้นที่ป่า การรณรงค์ให้มีการออกกฎหมายที่ดิน การแสดงความคิดเห็นในเชิงสัญลักษณ์เพื่อคัดค้านการรัฐประหาร การจัดรายการทางโทรทัศน์เพื่อแสดงความเห็นต่อนโยบายของรัฐบาล การประชุมทางวิชาการเพื่อถกเถียงเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมและการปฏิรูปประเทศ ฯลฯ
การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและด้วยเจตนาดีต่อประเทศชาติและสังคมไทยดังกล่าวข้างต้นนี้ต้องเผชิญกับมาตรการต่างๆ นับตั้งแต่การขอความร่วมมือ การควบคุมตัว การเรียกตัวไปเพื่อปรับทัศนคติ และการดำเนินการด้วยกฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการใช้วาทกรรมใดก็ตามล้วนแต่คุกคามและบ่อนทำลายสิทธิและเสรีภาพของบุคคลในสังคมอย่างรุนแรงทั้งสิ้น
ในสถานการณ์ปัจจุบัน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนมีความสำคัญมากเป็นพิเศษ เพราะภารกิจด้านต่างๆ ขององค์กรของรัฐที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินนโยบายของรัฐบาล การเสนอและพิจารณาร่างกฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตลอดจนการพิจารณาแนวทางในการปฏิรูปประเทศของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้คนอย่างกว้างขวาง ทั้งผลในด้านลบและด้านบวกต่อประชาชนในหลากหลายมิติ และยังมีผลผูกพันต่อไปในอนาคตอีกด้วย
ดังนั้น จึงเป็นความชอบธรรมของประชาชนแต่ละกลุ่มในการแสดงความคิดเห็น เพื่อสะท้อนให้ผู้กุมอำนาจรัฐในองค์กรต่างๆ ตระหนักถึงความต้องการและผลกระทบที่ประชาชนแต่ละกลุ่มจะได้รับ รวมทั้งผลกระทบต่อสังคมไทยโดยรวมและต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การแสดงความเห็นหรือการเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้านหรือผลักดันให้กฎหมายหรือนโยบายหรือโครงการต่างๆ ดำเนินไปในทิศทางที่ตนเองปรารถนาจึงนับเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน อันจะนำไปสู่การถกเถียงแลกเปลี่ยนทั้งข้อมูลและความคิดเห็นที่จะช่วยให้การตัดสินใจของคณะบุคคลในองค์กรต่างๆ ของรัฐทุกองค์กรเป็นไปอย่างรอบคอบ เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
ความพยายามในการคุกคามเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ด้วยการอ้างเหตุผลว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือการขอให้ทุกฝ่ายรอคอยให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติเสียก่อนนั้น นอกจากจะไม่เอื้อให้เกิดความเข้าใจที่รอบด้านและการตัดสินใจที่รอบคอบต่อประเด็นต่างๆ แล้ว ยังอาจกลายเป็นชนวนแห่งความขัดแย้งในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคณะรัฐประหารและองค์กรที่คณะรัฐประหารจัดตั้งขึ้นได้พ้นจากอำนาจไปแล้ว เพราะการจับกุมหรือควบคุมตัวเป็นการยุติการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่เห็นต่างได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น และจะไม่สามารถสร้างความเห็นพ้องต่อการดำเนินการใดๆ ให้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
ในสถานการณ์ปัจจุบัน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนมีความสำคัญมากเป็นพิเศษ เพราะภารกิจด้านต่างๆ ขององค์กรของรัฐที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินนโยบายของรัฐบาล การเสนอและพิจารณาร่างกฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตลอดจนการพิจารณาแนวทางในการปฏิรูปประเทศของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้คนอย่างกว้างขวาง ทั้งผลในด้านลบและด้านบวกต่อประชาชนในหลากหลายมิติ และยังมีผลผูกพันต่อไปในอนาคตอีกด้วย
ดังนั้น จึงเป็นความชอบธรรมของประชาชนแต่ละกลุ่มในการแสดงความคิดเห็น เพื่อสะท้อนให้ผู้กุมอำนาจรัฐในองค์กรต่างๆ ตระหนักถึงความต้องการและผลกระทบที่ประชาชนแต่ละกลุ่มจะได้รับ รวมทั้งผลกระทบต่อสังคมไทยโดยรวมและต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การแสดงความเห็นหรือการเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้านหรือผลักดันให้กฎหมายหรือนโยบายหรือโครงการต่างๆ ดำเนินไปในทิศทางที่ตนเองปรารถนาจึงนับเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน อันจะนำไปสู่การถกเถียงแลกเปลี่ยนทั้งข้อมูลและความคิดเห็นที่จะช่วยให้การตัดสินใจของคณะบุคคลในองค์กรต่างๆ ของรัฐทุกองค์กรเป็นไปอย่างรอบคอบ เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
ความพยายามในการคุกคามเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ด้วยการอ้างเหตุผลว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือการขอให้ทุกฝ่ายรอคอยให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติเสียก่อนนั้น นอกจากจะไม่เอื้อให้เกิดความเข้าใจที่รอบด้านและการตัดสินใจที่รอบคอบต่อประเด็นต่างๆ แล้ว ยังอาจกลายเป็นชนวนแห่งความขัดแย้งในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคณะรัฐประหารและองค์กรที่คณะรัฐประหารจัดตั้งขึ้นได้พ้นจากอำนาจไปแล้ว เพราะการจับกุมหรือควบคุมตัวเป็นการยุติการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่เห็นต่างได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น และจะไม่สามารถสร้างความเห็นพ้องต่อการดำเนินการใดๆ ให้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น การเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นและถกเถียงกันด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริง ย่อมจะบังเกิดผลดีทั้งในปัจจุบันและในระยะยาว ต่างจากการปิดกั้นเสรีภาพด้วยกฎอัยการศึกและคำสั่งของ คสช. ที่เป็นการกดทับความเห็นต่างเอาไว้ และจะสร้างแรงกดดันจนกลายเป็นระเบิดเวลาที่นำไปสู่ความขัดแย้งหรือความเสียหายร้ายแรงในอนาคต
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงขอเรียกร้องต่อสังคม ให้ทุกกลุ่มทุกองค์กรในภาคสังคมร่วมกันแสดงความคิดเห็นและร่วมกันกดดันเพื่อให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกและคำสั่งของ คสช. ที่ปิดกั้นและคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน และขอยืนยันว่าการร่วมกันปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะมีความเห็นตรงกันหรือแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม จะเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งสำหรับการนำสังคมไทยให้เดินไปสู่เส้นทางประชาธิปไตยที่เอื้ออำนวยให้รัฐและสังคมไทยสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้อย่างสันติและเป็นธรรม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
24 พฤศจิกายน 2557
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงขอเรียกร้องต่อสังคม ให้ทุกกลุ่มทุกองค์กรในภาคสังคมร่วมกันแสดงความคิดเห็นและร่วมกันกดดันเพื่อให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกและคำสั่งของ คสช. ที่ปิดกั้นและคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน และขอยืนยันว่าการร่วมกันปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะมีความเห็นตรงกันหรือแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม จะเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งสำหรับการนำสังคมไทยให้เดินไปสู่เส้นทางประชาธิปไตยที่เอื้ออำนวยให้รัฐและสังคมไทยสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้อย่างสันติและเป็นธรรม
มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
24 พฤศจิกายน 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น