วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ทหารแฉนักศึกษา ‘ชู 3 นิ้ว’ หน้า ‘ประยุทธ์’ ถูกจ้างมา 5 หมื่น เพื่อชิงพื้นที่สื่อ


‘พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์’ ผบ.กกล.รส. เผยจากการหาข่าวพบว่ากลุ่มนักศึกษา ‘ชู 3 นิ้ว’ ที่ขอนแก่น หน้า ‘ประยุทธ์’ ถูกว่าจ้างมา 50,000 บาท เพื่อชิงพื้นที่สื่อ จากนักการเมืองในพื้นที่ เร่งทำความเข้าใจว่า รัฐบาลและคสช.ไม่ได้ดำเนินการแบบเผด็จการ
หลังจากที่วานนี้ (30 พ.ย.57) นิสิตกลุ่มประชาคมจุฬาฯเพื่อประชาชน หรือ Chulalongkorn Community for the People (CCP) ออกแถลงการณ์ เนื่องในโอกาสครบ 6 เดือนการรัฐประหาร โดยเรียกร้องให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) ยุติการใช้กฎอัยการศึก หยุดคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน คืนอำนาจอธิปไตยสู่ประชาชน วอนสโมสรและองค์การนิสิตนักศึกษา ทั่วประเทศปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของนิสิตนักศึกษา ไม่ยอมรับและไม่สนับสนุนอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตย
'วินธัย' วอน นศ.ออกแถลงขอยุติอัยการศึกอย่าใช้ความรู้สึกตามกระแส
ล่าสุดวันนี้(1 ธ.ค.57) ไทยรัฐออนไลน์ รายงานบทสัมภาษณ์ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และทีมโฆษก คสช. ถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า จะต้องมีการทำความเข้าใจแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและกันให้มากขึ้น ในแต่ละประเด็นอาจมีมุมมองที่ไม่ตรงกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาพิเศษแบบนี้ ตนมั่นใจในมุมการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะต่อเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนั้นส่งผลบวกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น เรื่องอาชญากรรมต่างๆ ที่ลดลงไปมาก เมื่อมีเจ้าหน้าที่มาดูแลความเรียบร้อยมากขึ้น
ทั้งนี้ การแสดงออกใดๆ ของคนในสังคมพยายามประคับประคองให้ออกมาในแนวเชิงสร้างสรรค์ สามารถจัดระเบียบและเกิดความเรียบร้อยสังคมได้ดีขึ้น การดำเนินชีวิตประจำวันปกติของคนในสังคมส่วนใหญ่ ที่สัมผัสได้จริงๆ ไม่ว่าจะวัยเรียน วัยศึกษา หรือวัยทำงาน ก็ยังไม่พบว่า ได้รับผลกระทบใดๆ แต่ คสช.ก็จะพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมให้มากขึ้น
“เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ใช้กฎหมายบ้านเมืองปกติก่อนเป็นลำดับแรกเสมอ ไม่ใช่จะอ้างอิงใช้กฎอัยการศึกเสมออย่างที่บางคนเข้าใจ ยืนยันว่า ใช้เพียงบางส่วนตามความจำเป็นเท่านั้น ไม่อยากให้ไม่เห็นด้วยในเชิงความรู้สึก หรือในเชิงกระแสตามกัน อยากให้มองโดยใช้หลักเหตุผลปัจจัยองค์ประกอบในทุกๆ มิติด้วย” พ.อ.วินธัย กล่าว
แม่ทัพภาคที่ 1 อัดนักศึกษา ‘ชู 3 นิ้ว’ หน้า ‘ประยุทธ์’ ถูกจ้างมา 5 หมื่น  เพื่อชิงพื้นที่สื่อ
วันเดียวกัน เดลินิวส์ เว็บ รายงานบทสัมภาษณ์ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) ถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า กลุ่มดังกล่าวนั้นเป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งทางคสช.ได้มีการพูดคุยกับอธิการบดีและคณบดีของมหาวิทยาลัยดังกล่าวแล้ว เพื่อทำความเข้าใจกับนิสิตกลุ่มดังกล่าวว่า รัฐบาลและคสช.ไม่ได้ดำเนินการแบบเผด็จการ แต่ขณะนี้บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ ปัจจุบันเราต้องพูดคุยกับผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่าง แต่ก็มองในแง่บวกว่าทุกคนมีความหวังดีต่อประเทศทั้งนี้ในเวลานี้ต้องยังไม่มีเรื่องการเมือง ต้องมีแต่เรื่องของความถูกต้องเป็นหลักมากกว่าความถูกใจ เพราะบ้านเมืองจะได้ไม่บิดเบี้ยวตอนนี้อยู่ที่คนไทยว่าจะเอาอย่างไร
พล.ท.กัมปนาท กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกลุ่มนักศึกษา ม.ขอนแก่น 5 คนที่ออกมาชูนิ้วแสดงสัญลักษณ์ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ลงพื้นที่จ.ขอนแก่น ในช่วงที่ผ่านมาว่า ที่ผ่านมาคสช.ได้มีการพูดคุยกับอธิการบดี และคณบดีของมหาวิทยาลัยดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนักศึกษาบางกลุ่มมีกลุ่มการเมืองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เราต้องช่วยกัน เช่น กรณีนักศึกษาที่จ.ขอนแก่น จากการที่ตนได้ดำเนินการหาข่าวพบว่ากลุ่มนักศึกษาดังกล่าวถูกว่าจ้างมา เพื่อต้องการแย่งชิงพื้นที่สื่อของนายกรัฐมนตรี โดยได้รับการว่าจ้างมาจำนวน 50,000 บาท จากนักการเมืองในพื้นที่ แต่ตนติดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
“การที่หลายฝ่ายพยายามเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ยืนยันว่ากฎอัยการศึกมีความจำเป็นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหาร แต่จะใช้กฎหมายปกติเป็นหลักโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ทำงานหลัก ส่วนงานเร่งด่วนจะให้เจ้าหน้าที่ทหารดำเนินการเท่านั้นอีกทั้งกฎอัยการศึกไม่ได้เป็นอันตรายต่อคนดี เราต้องการดำเนินการด้วยความถูกต้อง” แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
สำหรับแถลงการณ์ของกลุ่มประชาคมจุฬาฯ เพื่อประชาชนเนื่องในโอกาสครบ 6 เดือนการรัฐประหาร นั้น มีเนื้อหาดังนี้


             ตลอดระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมาหลังกลุ่มบุคคลที่เรียกตัวเองว่า "คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)" เข้ายึดอำนาจการปกครองจากประชาชน ปรากฏชัดว่ามีการใช้อำนาจกฎอัยการศึกละเมิดสิทธิประชาชนอย่างป่าเถื่อนแบบ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบหลายสิบปี การละเมิดสิทธินั้นเริ่มตั้งแต่ด้านพื้นฐานที่สุดอย่างการแสดงความคิดเห็น มีการประกาศเรียกประชาชนที่คิดต่างจากตนมากกว่า 500 คน และมีผู้ถูกจับกุมเกิน 200 คน ขณะนี้ยังคงมีการไล่ล่าผู้เห็นต่างที่ยังไม่ยอมสยบยอมต่ออำนาจคสช. อย่างต่อเนื่องและยังคงมีการใช้อำนาจอย่างป่าเถื่อนเช่น การบีบบังคับองค์กรที่มีอำนาจเหนือกว่าให้ลงโทษผู้คิดต่าง การเข้าไปข่มขู่ครอบครัวและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่ประกาศตนต่อต้าน คสช. เป็นต้น



          การแสดงความคิดเห็นที่ถูกปิดกั้นอย่างเข้มงวดนี้เองทำให้คำโฆษณาของ คสช.ที่กล่าวว่าตนจะ"คืนความสุข"โดยการตรวจสอบและลงโทษการทุจริตอย่างเข้มข้นเป็นไปอย่างน่าเคลือบแคลงใจยิ่ง ประชาชนไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการอนุมัติงบประมาณ การจัดตั้งองค์กรที่อ้างว่าเป็นคนกลางเข้ามาปฏิรูปประเทศให้พ้นจากวิกฤติการเมือง หรือการบริหารงานซึ่งปรากฏชัดว่าล้วนแต่เป็นการเติมเชื้อเพลิงความขัดแย้งเพราะผู้ได้รับประโยชน์ล้วนแต่เป็นคู่ขัดแย้งของรัฐบาลที่ถูกโค่นล้มด้วยการรัฐประหารครั้งล่าสุดนี้ทั้งสิ้น

          สำหรับเวทีปฏิรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงานหรือกรณีเขื่อนแม่วงก์ก็เป็นที่แน่ชัดว่าไม่มีทางดำเนินการไปได้อย่างเสรี ดังปรากฏเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจเข้าควบคุมพื้นที่บันทึกข้อมูลและวิดีโอตลอดกิจกรรมต่างๆ ของประชาชน ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องเวทีการเมืองระดับชาติอย่างสภาปฏิรูปที่แต่งตั้งขึ้นมาใหม่ก็ไม่มีอำนาจยึดโยงกับประชาชนแต่อย่างใด หากแต่ยังรับเงินจากภาษีประชาชนโดยที่สมาชิกสภาไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินเพื่อการตรวจสอบอีกด้วย

         รัฐบาลคสช. ไม่ให้ความสำคัญและเพิกเฉยต่อหลักเสรีภาพของประชาชน เห็นได้จากการปิดกั้นการทำงานของสื่อมวลชนไปจนถึงการออกคำสั่งห้ามกิจกรรมสาธารณะที่ถือว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานเพียงเพราะการกระทำเหล่านั้นถูกหยิบมาใช้เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านอำนาจรัฐประหาร เช่น การรับประทานแซนด์วิชก็กลับกลายเป็น “ภัยต่อความมั่นคง” การรับประทานอาหารเป็นกลุ่ม การอ่านวรรณกรรมอย่างหนังสือเรื่อง 1984 ของจอร์จ ออเวลล์ และการแสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วจากภาพยนตร์ในที่สาธารณะ

         นอกจากนี้ ประเด็นที่เกี่ยวพันกับนักศึกษาโดยตรงอย่างเรื่องเสรีภาพทางวิชาการนั้น ก็ถูกปิดกั้นด้วยการสั่งยกเลิกงานเสวนาวิชาการจำนวนมาก ออกคำสั่งให้ส่งเอกสารขออนุญาตก่อนจัดการเสวนาที่ คสช. มองว่าเกี่ยวข้องกับความไม่สงบเรียบร้อย นักวิชาการไม่สามารถแสดงความคิดเห็นแม้ในวงเสวนาวิชาการ รวมถึงการให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปสอดแนมการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาและงานเสวนาวิชาการต่างๆทั่วประเทศ ทั้งนี้ยังไม่นับเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของนักศึกษาที่ถูกคุกคามอย่างหนัก ดังเช่นกรณีการควบคุมตัวนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นกลุ่มดาวดินเพียงเพราะพวกเขา “ชูสามนิ้ว”มีการตามข่มขู่ย้อนหลัง หรือกรณีการปรับค่าเสียหายนิสิตกลุ่มประชาคมจุฬาฯเพื่อประชาชนซึ่งทำการแขวนป้ายรำลึก 8 ปีรัฐประหาร 19 กันยา โดยอ้างถึงพรบ. ความสะอาด

         กลุ่มประชาคมจุฬาฯ เพื่อประชาชน (CCP) ในฐานะกลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่รักประชาธิปไตย จึงประกาศแสดงจุดยืนไม่ยอมรับการรัฐประหาร และมีข้อเรียกร้องดังนี้

  • 1. ขอให้คณะคสช. ยุติการใช้กฎอัยการศึก หยุดการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนซึ่งเป็นหลักประกันขั้นพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการในสถานศึกษา ที่ซึ่งควรจะเป็นสถานที่ที่นำปัญญามาสู่สังคม
  • 2. ขอให้สโมสรและองค์การนิสิตนักศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทำหน้าที่ปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของนิสิตนักศึกษา ในฐานะที่พื้นฐานขององค์กรนั้นมาจากการเลือกตั้งและหน้าที่หลักคือปกป้องสิทธิประโยชน์ของนิสิตนักศึกษาผู้เลือกตัวแทนเข้าไป
  • 3. ขอให้สโมสรและองค์การนิสิตนักศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ ร่วมกันแสดงออกว่าไม่ยอมรับและไม่สนับสนุนอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยทั้งในมหาวิทยาลัยและในสังคม รวมถึงร่วมกันประณามคณะคสช. ซึ่งยึดอำนาจด้วยวิธีการอันมิชอบ เพราะว่าเหนือสิ่งอื่นใด องค์การนักศึกษาทั้งหลายที่ขึ้นสู่อำนาจโดยการเลือกตั้ง ควรจะเคารพหลักการอันเป็นที่มาของอำนาจของตน อย่างน้อยที่สุด องค์การนักศึกษาทั้งหลายต้องไม่เข้าไปมีส่วนร่วมใด ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมกับคณะคสช.
  • 4. ขอให้คณะคสช. คืนอำนาจอธิปไตยสู่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง เพื่อให้ได้รัฐบาลของประชาชนเข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศอย่างถูกต้องตามหลักการสากล เพื่อป้องกันการถูกคว่ำบาตรจากต่างประเทศทั่วโลกที่มีกระแสหลักยอมรับการปกครองแบบประชาธิปไตย และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อความเท่าเทียมกันของคนทุกเสียง อันเป็นหัวใจในการบริหารประเทศแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น