วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

ศาลสั่งปรับชาวนาราชบุรีคนละ 5 พัน ข้อหาปิดถนนเรียกร้องเงินจำนำข้าว

           3 ชาวนาราชบุรี โดนสั่งปรับคนละ 1 หมืน แต่ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พร้อมขอบคุณที่ศาลเมตตาเพราะชาวนาไม่รู้กฏหมาย
 มติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค. เวลา 09.00 น.  ที่ห้องพิจารณาที่ 4 ศาลจังหวัดราชบุรี ได้มีการพิจารณาตัดสินในคดีที่ชาวนาราชบุรีในหลายอำเภอรวมตัวกันปิดถนนสายพระราม 2 ที่บริเวณหน้าตู้ยามตำรวจทางหลวงวังมะนาว ตำบลวังมะนาว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี เพื่อประท้วงเรียนร้องเงินโครงการจ่ายเงินจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ยอมจ่ายจำนำข้าวให้แก่ชาวนาทั่วประเทศส่งผลให้มีการประท้วงปิดถนนระหว่างวันที่ 1-7 ก.พ.  2557
โดยระหว่างประท้วงนั้น ได้มีการใช้รถยนต์บรรทุก และเต๊นท์มาวางปิดกันถนนจนรถไม่สามารถสัญจรผ่านไม่มาได้  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินคดีกับผู้ที่นำรถและเต๊นท์มาขวางถนนจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย ประยงค์ คล้ายศิริ อายุ 48 ปี, โชคชัย เกตุแก้ว อายุ 44 ปี และละเอียด โตกลึง อายุ 47 ปี ชาวนาในอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ในการเรียกร้องเงินจำนำข้าวในครั้งนั้น และคดีเข้าสู่ชั้นศาลพิจารณา ข้อหาร่วมกันกระทำความผิดปิดกั้นทางหลวงทางสาธารณะโดยการวางวัตถุ หรือนำสิ่งใดมาขวางทางบนทางหลวง
ความคืบหน้าล่าสุด สุรพันธ์ ไลยภาค ทนายความอาสาจากสภาทนายความจังหวัดราชบุรีเปิดเผยว่าเหตุการณ์ตอนชุมนุมยังไม่มีอะไร แต่การชุมนุมได้นำรถยนต์ไปขวางปิดถนนมีการนำเต๊นท์ไปกางขวาง ตรงนี้จึงกลายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเกี่ยวกับกรมทางหลวง เป็นการกระทำความผิดทางอาญา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการเรื่องสอบสวนส่งอัยการฟ้องศาล เพราะว่าความผิดทางอาญาจะมีอายุความ จึงเรียกตัวไปแจ้งข้อกล่าวหา ทางชาวนาได้ขอทนายจากสภาทนายความจังหวัดราชบุรี จึงเข้ามาดูรายละเอียด พร้อมรับทำเรื่องในนามสภาทนายความจังหวัดราชบุรีให้ จนถึงวันนี้เป็นวันตัดสินของศาลแล้ว
จากการพิจารณาของศาล ได้ตัดสินปรับคนละ 10,000 บาท แต่ยอมรับสารภาพลดให้กึ่งหนึ่ง จึงเหลือคนละ 5,000 บาท ไม่มีการรอลงอาญา ลงโทษปรับอย่างเดียว ถือว่าเป็นความปรานีของศาลชั้นต้นมาก
สุรพันธ์ ทนายความอาสา กล่าวอีกว่า การอุทธรณ์อยู่ที่อัยการที่จะอุทธรณ์หรือไม่ภายใน 30 วัน แต่หากเลยกำหนดมีเหตุอันควรก็อาจจะเลื่อนไปอีก คดีนี้ผมคิดว่าทางอัยการน่าจะเห็นใจ ชาวนาที่โดนคดีทั้ง 3 คน ที่นำรถไปขัดขวาง ซึ่งเป็นการกระทำลักษณะมองแล้วไม่ได้มีเจตนา เพียงแต่ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงเป็นเรื่องขึ้นมา ซึ่งหลังจากเสียค่าปรับเป็นเงินคนละ 5,000 บาทแล้ว ศาลได้ปล่อยตัวออกมา
โดยทั้งสามคนที่ถูกดําเนินคดีนั้น กล่าวว่า ขอขอบคุณศาลที่ปราณี ขอบคุณสภาทนายความ ที่ส่งทนายความมาช่วยดูแล ที่นึกถึงชาวนาที่ว่า ทำความผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่เป็นแบบนี้เพราะเกิดความเดือดร้อน ขอบคุณศาลที่เมตตาเพราะชาวนาไม่รู้เรื่องอะไร เราเป็นชาวนาเรายอมรับผิดทุกอย่าง ผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่ทั้งนี้เราไปเรียกร้องสิทธิ์กับรัฐบาลครั้งที่แล้ว เรารับผิดแล้วเราทำตามกฏหมายหมายทุกอย่าง แล้วทางรัฐบาลนั้นจะให้อะไรกับชาวนาบ้าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น