ทหารกดดันชาวบ้านโคกหนองสิม อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด 42 ครอบครัวออกจากพื้นที่สถานเดียว หากไม่ปฎิบัติตามจะเข้ามาทำการอพยพออกเอง ชาวบ้านระบุจับพระไปหนึ่งรูป ยังไม่รู้ชะตากรรม
เมื่อวานนี้ (12 ก.พ. 2558) เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนายอำเภอ นายกฯ อบต.และเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพย์ฯ สนธิกำลังเข้ามาในพื้นที่สาธารณประโยชน์โคกหนองสิม อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด ขีดเส้นให้ชาวบ้านไปลงชื่อที่ อบต.โพนทอง เพื่อยืนยันถึงการยอมออกจากพื้นที่ภายในวันศุกร์ที่ 13 ก.พ.นี้หากไม่ปฎิบัติตาม จะเข้ามาทำการอพยพออกเอง ทั้งได้จับพระไป 1 รูป พร้อมข่มขู่ หากพบว่าได้หลบเข้ามาที่วัดนี้อีก จะจับสึกโดยทันที
ชาวบ้านในพื้นที่ แจ้งว่า กองกำลังเจ้าหน้าที่ประกอบด้วยจังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด กองทัพภาคที่สอง นายอำเภอโพนทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนสูงเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดร้อยเอ็ด กว่า 60 นาย เข้ามาลงตรวจสอบพื้นที่สาธารณะโคกหนองสิมช่วงประมาณ 12.00 น. จากนั้นได้กลับเข้ามาในหมู่บ้าน พร้อมกับจัดเวทีรับฟังข้อมูล โดยชาวบ้านเข้ามาร่วมเวที และได้พยายามชี้แจงความเป็นมานับแต่ช่วงปี 2519 เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ดสาขาเกษตรวิสัยร่วมกับสภาตำบลโพนสูง ได้เข้ามาสำรวจและรังวัดปักแนวเขตที่สาธารณประโยชน์ “โคกหนองสิม” โดยการดำเนินงานดังกล่าวปรากฏว่าได้ปักแนวเขตที่สาธารณประโยชน์ไปซ้อนทับที่ดินของราษฎร และชาวบ้านได้ต่อสู้เรียกร้องในเรื่องที่ดินทำกินเรื่อยมานับแต่นั้น กระทั่งปัจจุบันปัจจุบันอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา ตามที่จังหวัดร้อยเอ็ดมีหนังสือที่ รอ 0019/10569 และหนังสือ ที่ รอ 0019/10570 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2550 เรื่องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับที่ดินสาธารณประโยชน์ “โคกหนองสิม” โดยให้ชะลอการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในส่วนที่มีการคัดค้านไว้ก่อน
ชาวบ้านแจ้งต่อว่า ได้ร่วมกันยื่นหนังสือแสดงเอกสารประกอบว่า ในพื้นที่ได้มีกระบวนการแก้ไขปัญหาอยู่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับฟังในกระบวนการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาแต่อย่างใด นอกจากยืนยันให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่สถานเดียว โดยขีดเส้นให้ชาวบ้านทั้ง 42 ครอบครัว ไปลงชื่อแจ้งความประสงค์ที่จะอพยพออกจากพื้นที่ต่อหน่วยงานที่องค์การบริหารส่วนตำบลโพนสูง ภายในวันศุกร์นี้ หากไม่ปฎิบัติตาม จะเข้ามาทำการอพยพออกเอง พร้อมทั้งจะจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ชาวบ้านยังระบุว่าทหารได้จับพระ ที่วัดโคกหนองสิมไป 1 รูป พร้อมทั้งขู่บังคับว่าห้ามกลับเข้ามาหากพบว่าได้หลบเข้ามาที่วัดนี้อีก จะจับสึกโดยทันที ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านกำลังตามสืบอยู่ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่จับพระไปไว้ที่ไหนแต่เดิมนั้นในพื้นที่เป็นหมู่บ้านเก่าชื่อหมู่บ้านว่าโคกเพ๊กและชาวบ้านได้สร้างวัดขึ้น 1 แห่ง เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นศูนย์รวมจิตใจและได้ก่อสร้างสิม(โบสถ์) ตั้งอยู่ในหนองน้ำ จึงได้เรียกว่าหนองสิมในเวลาต่อมาถึงปัจจุบันได้มีพระจำพรรษาสืบต่อกันมาอยู่ที่วัดตอนนี้ 1 รูป กระทั่งเมื่อวานนี้ถูกเจ้าหน้าที่จับไปดังที่ได้กล่าวมา
ล่าสุด วันนี้ (13 ก.พ.58) เวลาประมาณ 10.00 น. ชาวบ้านในพื้นที่รายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ยืนยันจะขอต่อสู้ในเรื่องที่ดินทำกินที่ได้รับการสืบทอดมาแต่บรรพบุรุษ โดยไม่ไปร่วมลงชื่อเพื่อแสดงความประสงค์ออกจากพื้นที่ตามที่เจ้าหน้าที่กำชับ ทั้งนี้จะเตรียมหนังสือ เอกสาร หลักฐาน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในพื้นที่และในกระบวนการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา ไปยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นการต่อไป
ชาวบ้านในพื้นที่ แจ้งว่า กองกำลังเจ้าหน้าที่ประกอบด้วยจังหวัดทหารบกร้อยเอ็ด กองทัพภาคที่สอง นายอำเภอโพนทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนสูงเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดร้อยเอ็ด กว่า 60 นาย เข้ามาลงตรวจสอบพื้นที่สาธารณะโคกหนองสิมช่วงประมาณ 12.00 น. จากนั้นได้กลับเข้ามาในหมู่บ้าน พร้อมกับจัดเวทีรับฟังข้อมูล โดยชาวบ้านเข้ามาร่วมเวที และได้พยายามชี้แจงความเป็นมานับแต่ช่วงปี 2519 เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดร้อยเอ็ดสาขาเกษตรวิสัยร่วมกับสภาตำบลโพนสูง ได้เข้ามาสำรวจและรังวัดปักแนวเขตที่สาธารณประโยชน์ “โคกหนองสิม” โดยการดำเนินงานดังกล่าวปรากฏว่าได้ปักแนวเขตที่สาธารณประโยชน์ไปซ้อนทับที่ดินของราษฎร และชาวบ้านได้ต่อสู้เรียกร้องในเรื่องที่ดินทำกินเรื่อยมานับแต่นั้น กระทั่งปัจจุบันปัจจุบันอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา ตามที่จังหวัดร้อยเอ็ดมีหนังสือที่ รอ 0019/10569 และหนังสือ ที่ รอ 0019/10570 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2550 เรื่องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับที่ดินสาธารณประโยชน์ “โคกหนองสิม” โดยให้ชะลอการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในส่วนที่มีการคัดค้านไว้ก่อน
ชาวบ้านแจ้งต่อว่า ได้ร่วมกันยื่นหนังสือแสดงเอกสารประกอบว่า ในพื้นที่ได้มีกระบวนการแก้ไขปัญหาอยู่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับฟังในกระบวนการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาแต่อย่างใด นอกจากยืนยันให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่สถานเดียว โดยขีดเส้นให้ชาวบ้านทั้ง 42 ครอบครัว ไปลงชื่อแจ้งความประสงค์ที่จะอพยพออกจากพื้นที่ต่อหน่วยงานที่องค์การบริหารส่วนตำบลโพนสูง ภายในวันศุกร์นี้ หากไม่ปฎิบัติตาม จะเข้ามาทำการอพยพออกเอง พร้อมทั้งจะจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ชาวบ้านยังระบุว่าทหารได้จับพระ ที่วัดโคกหนองสิมไป 1 รูป พร้อมทั้งขู่บังคับว่าห้ามกลับเข้ามาหากพบว่าได้หลบเข้ามาที่วัดนี้อีก จะจับสึกโดยทันที ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านกำลังตามสืบอยู่ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่จับพระไปไว้ที่ไหนแต่เดิมนั้นในพื้นที่เป็นหมู่บ้านเก่าชื่อหมู่บ้านว่าโคกเพ๊กและชาวบ้านได้สร้างวัดขึ้น 1 แห่ง เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นศูนย์รวมจิตใจและได้ก่อสร้างสิม(โบสถ์) ตั้งอยู่ในหนองน้ำ จึงได้เรียกว่าหนองสิมในเวลาต่อมาถึงปัจจุบันได้มีพระจำพรรษาสืบต่อกันมาอยู่ที่วัดตอนนี้ 1 รูป กระทั่งเมื่อวานนี้ถูกเจ้าหน้าที่จับไปดังที่ได้กล่าวมา
ล่าสุด วันนี้ (13 ก.พ.58) เวลาประมาณ 10.00 น. ชาวบ้านในพื้นที่รายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ยืนยันจะขอต่อสู้ในเรื่องที่ดินทำกินที่ได้รับการสืบทอดมาแต่บรรพบุรุษ โดยไม่ไปร่วมลงชื่อเพื่อแสดงความประสงค์ออกจากพื้นที่ตามที่เจ้าหน้าที่กำชับ ทั้งนี้จะเตรียมหนังสือ เอกสาร หลักฐาน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในพื้นที่และในกระบวนการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา ไปยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นการต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น