วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เปิดข้อความที่ทำให้ กสท.สั่งปิด ‘PEACE TV’ อ้างยั่วยุปลุกปั่นฯ 'จตุพร' เผยปรับเป็นสื่อ Social Network


"อย่ามองคนมีความเห็นต่างเป็นศตรู บรรยากาศบ้านเมืองจะมีความน่ารักมากกว่านี้ ไม่ใช่พอพูดแบบนี้จะหาเรื่องปิดโทรทัศน์กันอีก" คือ 1 ใน 2 ข้อความที่ กสท.ยกเป็นตัวอย่างในการสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ‘PEACE TV’ ระบุเป็นการยั่วยุปลุกปั่นฯ
1 พ.ค.2558 หลังจากเมือวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการฯมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด (ช่อง Peace TV) เนื่องจากการกระทำที่เป็นความผิดซ้ำซากมีเนื้อหาละเมิดต่อข้อตกลงฯ ในลักษณะเช่นเดิมที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่น ให้เกิดความขัดแย้ง และสร้างให้เกิดความแตกแยก (อ่านรายละเอียด)
วานนี้(30 เม.ย.) เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘PEACE TV’ ได้เผยแพร่หนังสือด่วนที่สุด ซึ่งลงชื่อโดย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เรื่องการพิจารณาลงโทษทางการปกครอง ถึง กรรมการผู้จัดการบริษัท พีช เทเลวิชั่น จำกัด โดย สำนักงาน กสทช. อ้างถึงเนื้อหารายการมองไกล ที่ออกอาการเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 9.00 น. ว่าขัดกับบันทึกข้อตกลง โดยในหนังสือดังกล่าวยกมา 2 ตัวอย่าง คือ
ในนาทีที่ 15 ข้อความว่า "อย่ามองคนมีความเห็นต่างเป็นศตรู บรรยากาศบ้านเมืองจะมีความน่ารักมากกว่านี้ ไม่ใช่พอพูดแบบนี้จะหาเรื่องปิดโทรทัศน์กันอีก" และนาทีที่ 20 ระบุว่า ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวในรายการเกี่ยวกับเหตุการณ์วางระเบิดที่เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี และเหตุการเพลิงไหม้ ที่ จ.สุราษฏร์ธานี ในลักษณะที่ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายบ้านเมืองและนักการท้องถิ่นเพื่อใส่ร้ายกลุ่มคนเสื้อแดง 
โดยรายละเอียดของหนังสือฉบับดังกล่าวมีดังนี้ 
ล่าสุดวันนี้(1 พ.ค.58) เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘PEACE TV’ ได้เผยแพร่ คำแถลงของ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.และผู้บริหารสถานี Peace TV ถึงการปิดสถานีฯ โดยตั้งคำถามถึงเลขาธิการ กสทช. ว่าข้อความดังกล่าวเป็นอันตรายต่อความมั่นคงได้อย่างไร พร้อมฝากถึง พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร ผบ.ทบ. ว่า อะไรที่เป็นภัยต่อความมั่นคง ถ้าจะปิดช่องโทรทัศน์ บอกกันดีๆ ก็ได้ ถ้าไม่ชอบรายการของตนเองก็บอก ไม่ใช่มาปิดทั้งสถานี
รวมทั้งระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวทำลายชีวิตคนนับร้อย พนักงานในช่อง Peace TV และประชาชนผู้รับชม และเปิดเผยด้วยว่าสถานีนี้จะเป็นสถานีสื่อสารทาง Social Network ต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น