ศาลฏีกาฯ ชี้ พยานหลักฐานฟังไม่ขึ้น จำเลยไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และไม่มีเจตนาทำให้เกิดการทุจริต ยกฟ้อง ด้วยมติ 6:3 นพดล ปัทมะ ไม่มีความผิดตามมาตรา 157
4 ก.ย. 2558 มติชนออนไลน์ รายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาในคดี ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมัยรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
ในกรณีที่ นพดล ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย - กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน ปี 2551 สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไทย
ทั้งนี้ นพดลได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความมั่นใจแค่ไหน นพดลได้หันมามองและพยักหน้าด้วยสีหน้าปกติ อมยิ้มเล็กน้อยและได้เดินเข้าไปยังศาล อย่างไรก็ตาม จาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมส.ส. พื้นที่กรุงเทพฯเดินทางมาร่วมรับฟังและให้กำลังใจ
ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษา ศาลมีมติ 6:3 ยกฟ้อง นพดล ปัทมะ ไม่มีความผิด ตามมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง โดยระบุว่า พยานหลักฐานฟังไม่ขึ้น จำเลยไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และไม่มีเจตนาทำให้เกิดการทุจริต กรมสนธิสัญญา กรมแผนที่ทหารได้เป็นที่ปรึกษา การลงนามแถลงการณ์ร่วมไม่ได้มีผลต่อสิทธิเขตแดน การทวงคืนเขาพระวิหารในอนาคต ศาลจึงให้คืนหลักประกันจำเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น