วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ชาวสวนยาง 16 จังหวัดใต้ ร้องประยุทธ์ชดเชยส่วนต่างกก.60 บ. ตั้งกก.สอบผู้ทรงคุณวุฒิ


เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ. สมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ นำโดย สุนทร รักษ์รงค์ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอนุมัติเงินชดเชยส่วนต่างราคายางพาราที่กิโลกรัมละ 60 บาท และขอให้มีการอนุมัติกองทุนข้าวสารที่ได้มีการหารือในสมัยที่ อำนวย ปะติเส อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่มีแนวคิดนำยางพารามาแลกเป็นข้าวสารที่ค้างสต๊อกอยู่ โดยจะขอซื้อเพื่อขายต่อให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราในราคาถูก แต่ต้องไม่ใช่ข้าวเน่า และเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองระดับชาติ จังหวัด และระดับพื้นที่ในการดำเนินการตามนโยบายทวงคืนผืนป่า โดยให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
สุนทร กล่าวว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ ได้มีการประกาศเขตภัยพิบัติราคายางตกต่ำเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์และสะท้อนความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยางที่มีผลผลิตราคาตกต่ำมาเป็นเวลานานกว่า 2 ปี จนทำให้เกิดวิกฤตส่งผลกระทบต่อชาวสวนยาง จึงขอให้ผู้มีอำนาจดูแลความร้อนจากล่างขึ้นบน โดยเริ่มดูแลเกษตรกรชาวสวนยางก่อนดูแลบริษัทรับซื้อยางใหญ่ๆ ทั้งนี้ การติดป้ายประกาศ และจะมีการรวบรวมรายชื่อเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติเพื่อขอเข้าพบกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นช่องทางที่ทำให้เกษตรกรไม่อึดอัด เพราะขณะนี้มีทั้งพระราชบัญญัติการชุมนุมในที่สาธารณะ และคำสั่งตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญ 2557 ฉบับชั่วคราวเป็นข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว แต่หากนายกรัฐมนตรีเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องและความเดือดร้อนของเกษตรกรก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
นอกจากนี้ สุนทร ยังขอให้นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีการตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโดยมิชอบในสมัชชาสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เนื่องจากมีการแฝงการเลือกตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในการจัดเวทีสัมมนาการขับเคลื่อน พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย เพื่อให้เกษตรกรได้มีส่วนร่วมในการร่างกฎหมายลูก แต่ตามกฎหมายสมัชชาฯ ไม่สามารถคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้ เพราะยังไม่มีระเบียบการยางแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการจดทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง และสถาบันเกษตรกร ที่ขณะนี้ตนและสมาคมฯ ได้ออกจากสมัชชาสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทยแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น