วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ปมรายได้อาชีพในบัตรปชช. ใครทำสับสน? มท1.ชี้สื่อเพ้อเจ้อ ประยุทธ์รับพูดเร็วทำคนไม่เข้าใจ


มท1. ยันไม่โชว์อาชีพ-เงินเดือนในบัตรประชาชน ขอสื่ออย่าเพ้อเจ้อทำชาวบ้านสับสน ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ รับพูดเร็วทำคนไม่เข้าใจ 'ศิริโชค ปชป.' ชี้ต้นเหตุจากรัฐบาล ทำให้สังคมสับสน
จากกรณีเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวตอนหนึ่งในรายการคืนความสุข ว่า "ปี 2560 นี้ น่าจะทำให้สำเร็จ บัตรประชาชนที่มีระบุอาชีพ รายได้ ไม่ต้องอาย มีรายได้น้อยรายได้มากก็คนไทยทั้งสิ้น" ต่อมา 13 ธ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวคิดดังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เป็นการทำฐานข้อมูลที่มีการระบุรายได้และอาชีพแบบใหม่นี้จะเป็นการแสดงตัวช่วยให้นโยบายการลดภาระค่าครองชีพลงไปช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน (อ่านรายละเอียด) จนก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และล้อเลียนแนวคิดดังกล่าวจำนวนมาก
 
มท1. ยันไม่โชว์อาชีพ-เงินเดือนในบัตรประชาชน ขอสื่ออย่าเพ้อเจ้อทำชาวบ้านสับสน
 
ล่าสุดวานนี้(15 ธ.ค.58) MGR Online รายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงถึงแนวคิดรัฐบาลให้ระบุอาชีพและรายได้ไว้ในบัตรประชาชนดังกล่าว ว่า จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวกับบัตรประชาชนเลย และไม่เกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทย เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายคณะ ซึ่งในส่วนของตนมีหน้าที่ทำ 2 เรื่อง คือ หาข้อมูลประชาชนทั้งหมด ไม่ว่าอาชีพใดทั้งสิ้น เพื่อเป็นฐานข้อมูลเอาไว้ใช้ในการบริหารงานของรัฐบาล และดูการเชื่อมโยงข้อมูลประชาชนที่มี เพื่อให้บริการ อย่างอาชีพเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะรับไปดูแล จะมีอยู่อาชีพเดียวที่ไม่ได้อยู่ในสาระบบคือ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ รายได้ต่ำ ไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ นายกฯ ต้องการเน้นกลุ่มนี้เพื่อให้การช่วยเหลือ
 
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการเชื่อมโยงข้อมูล เช่น ยื่นขอหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ต้องเอาเอกสารอย่างอื่นไป มีแค่บัตรประชาชนใบเดียวพอเพราะจะมีฐานข้อมูลทั้งหมด เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสามารถออกได้เลย ถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน หรือต่อไปถ้ากระทรวงพาณิชย์จะมาลิงก์กับกระทรวงมหาดไทย หลักๆ ก็มีแค่นี้ สื่ออย่าเขียนข่าวให้ประชาชนสับสนหรือไขว้เขว อย่าไปลงอะไรเพ้อเจ้ออีก ซึ่งนายกฯ พูดเปิดปลายไว้ว่าจะทำอย่างไรก็ได้ ถ้ามันลำบากและผิดกฎหมายก็ทำใหม่ อย่างทำเป็นบัตรในการรับบริการจากรัฐ เป็นต้น
 
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ รับพูดเร็วทำคนไม่เข้าใจ
 
ขณะที่วันเดียวกัน(15 ธ.ค.58) โพสต์ทูเดย์ดอทคอม รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวด้วยเช่นกัน ว่า  "ไอ้เรื่องบัตรที่พูด ผมก็พูดเร็วไปด้วย บางทีก็ไม่เข้าใจ มันจะมีใครเอาข้อมูลไปลงบัตรได้เยอะแยะขนาดนั้น มีคนเขียนมาในโซเชียล ว่าในบัตรเขียนชื่อ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ทำนองนี้ อาชีพ นักฆ่ามหาประลัย รายได้ สามสิบหลัก ปัดโธ่ อะไรของมัน นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะเนี่ย มันกลายเป็นเรื่องตลกไปหมด แล้วก็หาว่าผมคิดโง่ๆ ก็รู้หรือไม่ว่าข้อมูลคนมีรายได้เป็นยังไง รายได้ไม่ได้เอามาโชว์ มันอยู่ในแถบแม่เหล็ก ในชิพ..
 
..ถ้าใส่ในบัตรประชาชนไม่ได้ ก็หาบัตรอื่นมาอีกใบ บางคนถือบัตรเครดิตหลายใบอยู่แล้ว ก็มีอีกซักใบ ขึ้นรถเมล์ก็เอาไปเสียบที่เครื่องอ่าน ถึงจะขึ้นได้ หรือจะไปรถไฟฟ้าวันหน้า คนจนจะขึ้นไหวหรือ รัฐบาลก็ต้องดูแล ไม่งั้นคนจนก็ไม่มีสิทธิขึ้น มันต้องคิดแบบนี้ ไม่ใช่เอามาตีแผ่ว่าคนนี้รายได้เท่าไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า  บางคนบอกว่า อย่างนี้ก็เปลี่ยนอาชีพไม่ได้ ทำไมคิดแบบนี้ ถ้าจะเปลี่ยนก็ไปแจ้งเปลี่ยนเหมือนทำบัตรประชาชนหาย ไปทำใหม่ ข้อมูลก็อยู่ในเครื่องเหมือนกับในอดีต เรื่องข้อมูลความจำเป็นพื้นฐานเดิมที่มีอยู่ แต่มันไม่สมบูรณ์ ไม่ชัดเจน ต้องให้เจ้าตัวมาแจ้งด้วยตัวเอง
 
'ศิริโชค' ชี้ต้นเหตุจากรัฐบาล ทำให้สังคมสับสน
 
ผู้จัดการรายวัน รายงานด้วยว่า ศิริโชค โสภา รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงประเด็นนนี้ว่า เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองได้นำเสนอ จนทำให้สื่อสารกับประชาชนไปแบบผิดๆ ตนเข้าใจว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามจะดำเนินการก็คือ การทำให้เกิดสมาร์ทกัฟเวอร์เมนท์ (Smart Government)ขึ้น ถ้าหากทำได้นั้น ก็จะเป็นการบูรณาการข้อมูลของประชาชนที่ถูกเก็บไว้ในหน่วยงานต่างๆ ทุกอย่างจะสามารถเข้าถึงและดำเนินการอัพเดทข้อมูลต่างๆได้โดยใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว
      
"ผมขอเรียกร้องให้ทางรัฐบาลหากต้องการจะสื่อสารกับสังคมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเทคโนโลยีและสารสนเทศนั้น รัฐบาลควรจะผลักดันให้มีความเป็นรูปธรรมโดยชัดเจนเสียก่อน แล้วค่อยมานำเสนอให้กับประชาชนได้รับทราบจะดีกว่ามานำเสนอแบบนี้ เพราะคราวก่อนรัฐบาลก็ได้นำเสนอเรื่องของ Single Gateway แบบที่ตัวรัฐบาลเองก็ยังไม่เข้าใจดี จนส่งผลทำให้สังคมเกิดความสับสนมาแล้วครั้งหนึ่ง" ศิริโชค กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น