วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

ย้อนรอยคำ 'ค่าหัวคิว' ปมราชภักดิ์ ที่ 'อุดมเดช' รังเกียจมาก ชี้ใช้ 'ค่าที่ปรึกษา' เหมาะสมแล้ว


24 มี.ค. 2559 ประเด็นร้อนเมื่อปลายปีที่แล้วคงหนีไม่พ้น โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกตั้งข้อสงสัยต่อการทุจริต จนกระทั่งมีการการตรวจสอบ และล่าสุดวานนี้ (23 มี.ค.59) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) พร้อมด้วย ประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการ ศอตช. พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และยงยุทธ์ มะลิทอง รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกันแถลงผลสอบโครงการดังกล่าว
โดย ประยงค์ กล่าวว่า ป.ป.ท. ได้ตรวจสอบประเด็นการหักหัวคิว โดยได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐานและสอบปากคำจากภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งจากการตรวจสอบพบมีการจ่ายเงินกันจริงระหว่างเอกชนกับเอกชน ซึ่งทั้งสองฝ่ายระบุว่า เป็นการให้ค่าตอบแทนทางธุรกิจ ค่าชักนำงานมาให้ เป็นวงเงินร้อยละ 6-7 ของค่าจ้าง ซึ่งถือเป็นราคาตามราคาท้องตลาด
มติชนออนไลน์ รายงานการแถลงดังกล่าว โดย ผู้ว่าฯ สตง. แถลงว่าการหักค่าหัวคิวทั้งจากหลักฐานทางการเงินและสอบปากคำของ 5 โรงหล่อ ที่มีค่าใช้จ่ายเป็นค่าที่ปรึกษา เพื่อให้ได้งานนั้น ซึ่งข้อเท็จจริงตรงกันว่า มีการจ่ายค่าจ้างให้กับเซียนอุ๊ 7 เปอร์เซ็นต์ ในฐานะที่ปรึกษา และจากการตรวจสอบประวัติของเซียนอุ๊ ทราบว่าเป็นคนมีฐานะทางสังคมและเป็นที่ปรึกษาทั้ง 5 โรงหล่อ รวมทั้งมีกิจการโรงหล่อของตัวเอง โดยผลงานที่ผ่านมา มีการสร้าง หลวงปู่ทวด ขนาดหน้าตักกว้าง 24 เมตร บนถนนสายเอเชีย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้เงินจากการเป็นที่ปรึกษาของ 5 โรงหล่อ เป็นเงิน 20 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเช็ค 5 ฉบับ ซึ่งมีตัวเลขลดหลั่นกันไป
'อุดมเดช' เผยรังเกียจมากกับคำว่า 'ค่าหัวคิว' ชี้ 'ค่าที่ปรึกษา' เหมาะสมแล้ว
ด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการแถลงดังกล่าว ซึ่ง สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.อ.อุดมเดช ว่า สิ่งที่ พล.อ.ไพบูลย์ พูดในเรื่องที่ว่าตนเคยยอมรับเกี่ยวกับประเด็นเรื่องค่าหัวคิว ตนอยากตอบว่า ตนไม่เคยยอมรับ ครั้งแรกที่ทำเนียบรัฐบาลสื่อมวลชนได้สอบถามก่อนที่ตนจะเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งถือว่ามีเวลาน้อยจึงได้ตอบเพียงสั้นๆ ว่าอาจจะมีความจริงบางส่วน คำนี้อาจจะพลาดไปหน่อย แต่ความจริงแล้วตนได้อธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องที่บริษัทเอกชนไปหาคนที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับโรงหล่อ หลังจากนั้นก็มีการจ่ายค่าปรึกษาหารือกัน ส่วนจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งทาง สตง. ได้เรียกว่า ค่าตอบแทนที่ปรึกษา ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะไม่ใช่เรื่องหักค่าหัวคิว
“ผมอยากถามพล.อ.ไพบูลย์ว่า ไปเอาเทปมาดูว่าผมยอมรับอะไร เพียงแต่พลาดไปนิดหนึ่ง ว่ามีความจริงบางส่วน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ผมยอมรับหรือ เพราะหลังจากนั้นผมก็ได้อธิบายไปชัดเจนแล้ว ผมรังเกียจกับคำว่าหักหัวคิว ซึ่งยังงมงายอยู่ในคำเดิม ไม่ยอมฟังอะไร แต่จะด้วยอะไรหรือไม่ผมไม่แน่ใจ ผมเห็นว่าสตง.เป็นองค์กรที่มีมาตรฐาน ในเมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบความผิด ยังจะเอาอะไรอีก แต่มาบอกว่าผมยอมรับว่ามีหักหัวคิว ซึ่งผมไม่เคยยอมรับ ผมรังเกียจมากกับคำนี้ และแปลกใจเหมือนกัน ว่าเมื่อแถลงแล้วทำไมยังไม่จบ หรือว่าไม่ตรงใจจึงไม่จบผมก็ไม่ทราบ ผมรักและเคารพทุกคน ไม่ได้มีปัญหากับใคร แต่ความจริงเป็นอย่างไร ขอให้ฟังบ้าง” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ขู่ฟ้องคนไม่หยุดปรักปรำราชภักดิ์
“เรื่องไม่เป็นเรื่องก็พยายามทำให้เป็นเรื่อง ผมพอใจกับสิ่งที่สตง.ตรวจสอบ แต่ถ้ายังปรักปรำกันอีกก็อาจจะฟ้องดำเนินคดีสำหรับคนที่กล่าวให้ร้าย เพราะเรื่องนี้เชื่อมั่นว่า ต้องถึงกระบวนการยุติธรรมโดยแท้จริง ไม่เกี่ยวกับการหักค่าหัวคิวแต่อย่างใด ยืนยันว่าไม่ใช่” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
ย้อนรอยคำว่า 'ค่าหัวคิว' ราชภักดิ์
สำหรับคำสัมภาษณ์ประเด็นที่มาของคำว่าค่าหัวคิวนั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 58 ซึ่งมติชนออนไลน์ ได้รายงานข่าวรวมทั้งมีวิดีโอคลิปบทสัมภาษณ์นั้นด้วย โดยมีรายละเอียดคำสัมภาษณ์ดังนี้
ผู้สื่อข่าว : เงินบริจาคหรือว่าตัว พ.อ.คชาชาต บุญดี ที่โดนพาดพิง?
พล.อ.อุดมเดช : อันนี้ผมขอไม่ลงรายละเอียดมากนักนะครับ แต่ผมเรียนว่า เรื่องของเงินบริจาคทั้งหมด เรามีเจ้าหน้าที่ ก็คือเจ้ากรมการเงินทหารบก เป็นหน่วยนะครับ และตัวเจ้ากรมเป็นผู้รับผิดชอบ ก็มีเจ้าหน้าที่ในการที่จะทำหลักฐานลายระเอียดต่างๆ ที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่าเงินเข้าออกจำนวนเท่าไหร่ อะไรต่างๆ เหล่านี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องของคณะกรรมการที่สามารถชี้แจงและตรวจสอบได้ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าว : เห็นว่าตอนนั้นทราบแล้วว่ามีเซียนพระคนหนึ่งไปเรียกหัวคิวจากโรงหล่อ ตอนนั้นได้มีการแก้ปัญหาในระดับหนึ่งด้วย? 
พล.อ.อุดมเดช : เรื่องนี้จริงๆ แล้ว มีส่วนความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง แต่มันไม่ทั้งหมดเพราะว่า ทุกวงการนะครับ ผมคิดว่ามีสิ่งเหล่านี้ พอเราทราบว่าน่าจะมีเราก็เข้าไปดำเนินการ แล้วโรงหล่อต่างๆ ก็มีความเข้าใจนะครับ คนที่สดแทรกมาก็เป็นการแอบอ้าง เพราะฉะนั้นทุกอย่างก็ได้ยุติลงไปด้วยดี แล้วสิ่งที่โรงหล่อต่างๆ นั้นอาจจะถูกหลอกอะไรต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่โรงหล่อนี่ สามารถจะไม่เอา ไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้ไปในทางที่เสียหาย เขาจะมีการเป็นเรื่องการบริจาคโดยสมัครใจส่วนหนึ่ง อีกบางส่วนก็อาจจะกลับไป โรงหล่อจะไปทำพระให้สมบูรณ์อะไรต่างๆ ทุกอย่างจบสิ้นด้วยความเรียบร้อยแล้วก็สะอาด บริสุทธิ์ทุกขั้นตอน
ผู้สื่อข่าว : ก็คือเงินที่โดนดึงหัวคิวไป ทางโรงหล่อได้กลับมาบริจาคให้?
พล.อ.อุดมเดช : ผมทราบว่าเช่นนั้นนะครับ แต่ว่าผมไม่ลงไปในจำนวนเพราะว่าผมไม่รู้ในรายละเอียดจริงจังนัก แต่ว่าชี้แจงได้หมดแน่นอน เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของคณะแต่ละคณะ ส่วนเรื่องเงินก็เป็นเรื่องของเหรัญญิก ซึ่งเจ้ากรมการเงินทหารบกจะเป็นผู้รับผิดชอบและสามารถชี้แจงได้ แล้วก็จะบริจาคเท่าไหร่ อย่างไร เจ้าหน้าที่สามารถชี้แจงได้ถ้ามีการตรวจสอบกันเป็นเรื่องเป็นราวนะครับ ขอให้มั่นใจว่า ผมมั่นใจนะครับว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งบริสุทธิ์ แล้วก็เป็นสมบัติของประชาชนด้วย แล้วก็ประชาชนยังมีโอกาสที่จะช่วยกันสร้างสรรค์ต่อไป ผมเรียนว่าคนที่ไม่เข้าใจก็ขอใช้คำว่าไม่เข้าใจนะครับ ก็จะได้เข้าใจ แล้วก็มีผู้ไม่ปราถนาดีด้วยสิ่งใดก็ตาม ก็ขอให้หยุดเถอะครับ เพราะว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องศรัทธาของคน ให้ประชาชนทุกคนยังมีศรัทธา เพราะว่าผมมั่นในในสิ่งที่บริสุทธิ์เหล่านี้นะครับ
พล.อ.ไพบูลย์ เคยลั่นบอกประชาชนได้เลยว่ามีทุจริต เพราะผู้ที่รับผิดชอบชี้แจงเองว่ามี
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธาน ศอตช. ได้เคยกล่าวถึงประเด็นนี้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 58 จนเป็นที่กล่าวถึงจำนวนมาก โดย พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ทุกคนรู้ว่ามันมีทุจริตแล้วจะบอกว่าไม่เจอทุจริตได้อย่างไร  ซึ่ง SpringNews ได้เผยแพร่วิดีโอคลิปไว้เช่นกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้ 
"ก็คนทุกคนรู้ว่ามันมีทุจริตแล้วจะบอกว่าไม่เจอทุจริตได้อย่างไรเล่า ก็เจอดิ แต่จะเจอที่ไหน ห่วงเวลาอะไร ใครเป็นผู้รับผิดชอบ เรากำลังหาอยู่ ท่านไม่้ต้องไปเบียงเบนหรอก ท่านไม่ต้องมาถามผมคำนี้ บอกพี่น้องประชาชนได้เลยว่าโครงการนี้มีทุจริต เพราะผู้ที่รับผิดชอบไปชี้แจงเองว่ามีทุจริต แล้วผมไปตรวจแล้วบอกไม่ทุจริตแล้วมันจะอยู่กันยังไงอะ มันต้องเจอดิ แต่จะเจอใคร ที่ไหน อย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่งก็ต้องคอยดู ให้เวลาเขาไปทำงาน เพราะเอกสารมันมีเยอะ..
..มันไม่มีทางไปปิดได้หรอกว่าเจตนาหยุดแค่นี้ไหม ถ้าเรื่อมันเดิน มันต้องเดิน ถ้าเรื่องมันยังผูกพันถึงบุคคลต่อไป มันก็ต้องเดิน มันไม่มีทางที่จะไปปิดคดีตรงนั้นได้หรอกครับ" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น วันที่ 15 ธ.ค.58 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานด้วยว่า พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึงกรณีหลังจากนั้น พล.อ.อุดมเดช ไม่พอใจการให้สัมภาษณ์ว่ามีการทุจริตการก่อสร้างโครงการราชภักดิ์ว่า ไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรเลย และตนจะไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้แล้ว เมื่อถามว่า แต่ถึงอย่างไรก็ต้องชี้แจง เพราะถึงมีบทสรุปออกมาถ้าไม่ชี้แจงก็คงไม่ชัดเจน รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า นั้นคือกรอบ มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นหมด
นอกจากนี้ มติชนออลไลน์ รายงานการแถลงผลสอบโครงการดังกล่าวของ พล.อ.ไพบูลย์ วานนี้ (23 มี.ค.59)  ตนเคยพูดเรื่องการหักค่าหัวคิวก่อนหน้านั้น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าการหักค่าหัวคิวเป็นอย่างไร และมีที่มาอย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น