วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

ศาลฎีกาฯ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งยึดบ้าน สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล Thu, 2016-09-29 23:47 29 ก.ย. 2559 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่ำรวยผิดปกติจากการสร้างบ้านมูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท โดยศาลได้ไต่สวนพยานกว่า 10 ปาก ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. – 14 ก.ย. 2559 โดย สมศักดิ์ ได้ต่อสู้คดีใน 3 ประเด็นใหญ่ คือ คำร้องคดีนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และการที่คดีมีอายุเกินกว่า 10 ปี ถือว่าขาดอายุความหรือไม่ รวมทั้งการชี้แจงที่มาของเงิน ซึ่ง สมศักดิ์ ไม่สามารถต่อสู้ได้ทั้ง 3 ประเด็น โดยเฉพาะไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินที่ใช้ในการก่อสร้างบ้าน เลขที่ 5/5 หมู่ 5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เนื้อที่ 3 ไร่ 24.1 ตารางวา ปลูกอยู่บนโฉนดเลขที่ 14360 ได้แม้จะอ้างว่าเป็นเงินที่เหลือจากการสนับสนุนการเลือกตั้งของพรรคชาติไทยและเงินกงสี รวมถึงกรณีการพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไปแล้ว แต่การมีสถานะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เมื่อผู้ถูกกล่าวหาได้บ้านดังกล่าวมาในระหว่างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและไม่อาจนำสืบไต่สวนให้เห็นได้ว่าได้บ้านดังกล่าวมาโดยไม่ได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ เป็นผลให้การได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยมิชอบและขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนอันเป็นผลต่อกฎหมายที่บัญญัติให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้มาตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 สมศักดิ์ ที่เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมกับครอบครัว ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษา ว่า พร้อมยอมรับคำวินิจฉัย ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ก็ต้องทำใจ แม้ว่าจะมีผลต่อเส้นทางทางการเมืองที่ต้องถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต ก็ไม่มีปัญหา


29 ก.ย. 2559 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่ำรวยผิดปกติจากการสร้างบ้านมูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท โดยศาลได้ไต่สวนพยานกว่า 10 ปาก ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. – 14 ก.ย. 2559 โดย สมศักดิ์ ได้ต่อสู้คดีใน 3 ประเด็นใหญ่ คือ คำร้องคดีนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และการที่คดีมีอายุเกินกว่า 10 ปี ถือว่าขาดอายุความหรือไม่ รวมทั้งการชี้แจงที่มาของเงิน ซึ่ง สมศักดิ์ ไม่สามารถต่อสู้ได้ทั้ง 3 ประเด็น โดยเฉพาะไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินที่ใช้ในการก่อสร้างบ้าน เลขที่ 5/5 หมู่ 5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เนื้อที่ 3 ไร่ 24.1 ตารางวา ปลูกอยู่บนโฉนดเลขที่ 14360 ได้แม้จะอ้างว่าเป็นเงินที่เหลือจากการสนับสนุนการเลือกตั้งของพรรคชาติไทยและเงินกงสี รวมถึงกรณีการพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไปแล้ว แต่การมีสถานะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เมื่อผู้ถูกกล่าวหาได้บ้านดังกล่าวมาในระหว่างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและไม่อาจนำสืบไต่สวนให้เห็นได้ว่าได้บ้านดังกล่าวมาโดยไม่ได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ เป็นผลให้การได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยมิชอบและขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนอันเป็นผลต่อกฎหมายที่บัญญัติให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้มาตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
สมศักดิ์ ที่เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมกับครอบครัว ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษา ว่า พร้อมยอมรับคำวินิจฉัย ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ก็ต้องทำใจ แม้ว่าจะมีผลต่อเส้นทางทางการเมืองที่ต้องถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต ก็ไม่มีปัญหา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น