วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ตั้​งไต่สวน 'เต่านา' ละเมิดอำนาจศาลคดีจำนำข้าว - 'พันศักดิ์' ชี้โครงการนี้มีเหตุผลกระตุ้นเศรษฐกิจ




ยิ่งลักษณ์ โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Yingluck Shinawatra' พร้อมข้อความว่า "เห็นแฟนคลับมารอให้กำลังใจที่หน้าศาลวันนี้ พร้อมของฝากทั้งกับข้าว และผลไม้อร่อยๆจากหลายจังหวัด ต้องขอขอบคุณและขอเก็บภาพบรรยากาศหน้าศาลฯมาฝากให้ติดตามด้วยนะคะ"

9 ธ.ค. 2559 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ ชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าว พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 7 คดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

โดย วอยซ์ ทีวี  รายงานด้วยว่า หัวหน้าองค์คณะแถลงตั้งองค์ผู้พิพากษา 3 รายเข้าพิจารณา และไต่สวน โดยแยกสำนวนต่างหากกับคดีรับจำนำข้าว หลังไม่สามารถส่งหมาย และหาตัวไม่พบ วอยซ์ ทีวี อ้างถึงแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเปิดเผยว่า ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือ หม่อมเต่านา ได้แสดงพฤติกรรม อาทิ จ้องตา เขม่น ต่อหน้าพนักงานอัยการ เป็นผลให้พวกเขาส่งคำร้องให้ศาลพิจารณา

วอยซ์ ทีวี รายงานด้วยว่า ม.ล.มิ่งมงคล มักร่วมเข้ารับฟังการไต่สวนพยานโจทก์ และจำเลยในคดีที่อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยฐานปล่อยปละละเลยทุจริต และสร้างความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวอยู่เสมอ และมักนั่งฟังร่วมกับแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ ม.ล.มิ่งมงคล เป็นบุตรคนโตของ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ม.ล.มิ่งมงคล ยังเป็นผู้กำกับภาพยนต์ เขียนบท และผู้อำนวยการสร้าง

ในกรณีนี้ มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความจำเลย เปิดเผยว่า วันนี้ศาลได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณา โดยมีคำสั่งในคำร้องที่พนักงานอัยการ โจทก์ยื่นคำร้องกรณีถูกคุกคาม โดยองค์คณะได้มีคำสั่งให้ตั้งสำนวนไต่สวนละเมิดอำนาจศาล ให้มีองค์คณะ 3 คนเป็นผู้ไต่สวน พร้อมทั้งออกหมายเรียก ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล และผู้ถูกกล่าวหาอีกหนึ่งราย ตนจำชื่อ-สกุลไม่ได้ เพื่อมาไต่สวนต่อไป

'พันศักดิ์' เบิกความ การใช้จ่ายของรบ.ในโครงการนี้มีเหตุผล ชี้เป็นภาระที่ควรจะมี
สำหรับการไต่สวนวันนี้ มติชนออนลน์ รายงานว่า ฝ่ายจำเลยเตรียมพยานขึ้นไต่สวน 2 ปาก มี พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อดีตประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านโยบายเศรษฐกิจ และ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย

โดย พันศักดิ์ เบิกความตอบคำถามอัยการสรุปว่า ไม่ทราบเรื่องการทุจริตโครงการจำนำข้าว และไม่ทราบถึงการซื้อขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เพราะไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง หลังจากนั้น พันศักดิ์ เบิกความตอบคำถามทนายจำเลยว่า การอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจจะส่งผลทำให้ระบบเศรษฐกิจเกิดความเคลื่อนไหว มีแรงกระเพื่อม ไม่ว่าเงินที่นำมาใช้นั้นจะเป็นในส่วนใด ผลก็คือก่อให้เกิดการอุปโภคบริโภค ส่งผลดีต่อโครงสร้างอุตสาหกรรม ทำให้รักษาระดับการจ้างงานคงอยู่ การดำเนินโครงการสาธารณะเปรียบเหมือนการนำเงินของประชาชนเอาไปให้ประชาชน โดยผลสุดท้ายเงินก็จะย้อนกลับสู่รัฐในรูปของภาษี

พันศักดิ์ เบิกความต่อว่า การใช้จ่ายของรัฐบาลในโครงการนี้มีเหตุผล จะคงไว้ซึ่งความสงบของบ้านเมืองและความน่าเชื่อถือ ดังนั้น จึงไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจะมีการระบุรายได้ย้อนกลับมาเท่าใด แต่ความมั่นคงทางบัญชีและความสงบของบ้านเมืองจะส่งผลกลับมาที่ไม่สามารถบอกเป็นตัวเลขได้ ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในบริบทโลกที่ผันผวนในขณะนั้น ประเทศไทยได้พึ่งพิงการส่งออกกว่าร้อยละ 70 สิ่งสำคัญคือต้องทำให้อัตราการเติบโตภายในประเทศที่เหลือมีความนิ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การอัดฉีดหรือกู้เงินเพื่อสร้างเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ โครงการจำนำข้าวเป็นการนำเงินเข้าสู่ในระบบและหิ้วระบบไว้ไม่ให้ล้ม

ส่วนที่ว่าโครงการจำนำข้าวจะเป็นภาระต่อประเทศหรือไม่นั้น พันศักดิ์ กล่าวว่า โครงการจำนำข้าวเป็นภาระที่ควรจะมี และรัฐบาลควรจะบริหารภาระเพื่อประชาชน
'เรืองไกร' ชี้การตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ต้องคำนึงถึงประเด็นความยุติธรรม
ต่อมาทนายจำเลยนำ เรืองไกร ขึ้นไต่สวนพยาน ทางพนักงานอัยการโจทก์ไม่ติดใจสอบถามพยานจำเลยปากนี้ เรืองไกรจึงได้เบิกความตอบทนายจำเลยถึงประเด็นการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 3/2558 ในวันที่ 18 พ.ค. 2558 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน มีการระบุถึง พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะประธาน นบข. สั่งการให้สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในความรับผิดทางละเมิดจากโครงการรับจำนำข้าวให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาส่งฟ้องในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 โดยไม่ต้องคำนึงถึงประเด็นความยุติธรรม

เรืองไกรเบิกความว่า ได้ข้อมูลมาจากการค้นหาผ่านเว็บไซต์กูเกิล มีรายละเอียดไม่ครบถ้วน จึงขออนุญาตอ่านเอกสารฉบับเต็มดังกล่าวเพื่อเบิกความในประเด็นได้อย่างถูกต้อง โดยองค์คณะพิจารณาแล้วอนุญาตให้นำเอกสารเกี่ยวกับการประชุม นบข.ดังกล่าวให้พยานจำเลยอ่าน และอนุญาตให้ทำคำเบิกความมายื่นในภายหลังได้ พร้อมกำชับให้ทนายจำเลยบริหารจัดการพยานเพื่อนำมาเบิกความต่อศาลได้ทันกำหนด วันที่ 21 ก.ค. 2560 ตามระบบราชการศาลไม่อาจเลื่อนการพิจารณาออกไปไกลกว่านี้ได้อีก

ภายหลังเบิกความเสร็จ ศาลนัดไต่สวนพยานจำเลยปากต่อไปอีกครั้งในวันที่ 14 ธ.ค. นี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น