วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

แกนนำนปช. ร้อง ผบ.ตร. ตั้งกก.วินิฉัย ตร.สภ.พัทยา ปมออกหมายจับชุมนุม ปี 52


แกนนำนปช. ร้อง ผบ.ตร. ตั้งกก.วินิฉัย ตร.สภ.พัทยา ปมออกหมายจับฐานชุมนุม พัทยา ปี 52 ยันหลังเกิดเหตุมีการตั้ง กก. จาก สตช. พิจารณาไปแล้วและไม่มีการแจ้งดำเนินคดี ด้านรองโฆษก สตช.เผยเตรียมส่งรับเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณา ขณะที่ ณัฐวุฒิ แฉ ถูกขวางจัดระดมทุนการศึกษาเด็ก เหน็บย้อนมอง 'สุเทพ' ปิดเกาะจัดงานระดมทุนได้
4 พ.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรานยงานว่า วันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือ นปช. ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. พร้อมด้วย เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผ่าน พ.ต.อ.ภมร รัตนสมัย นายตำรวจเวรอำนายการ ประจำ สตช. เพื่อขอความเป็นธรรมโดยให้ ผบ.ตร. ตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยขอบเขตอำนาจของพนักงานสอบสวน รวมทั้งเป็นการใช้สิทธิที่อยากให้ สตช. ตรวจสอบกระบวนการออกหมายจับของ สภ.พัทยา ฐานมีส่วนร่วมกับการชุมนุมทางการเมือง ที่ โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา เมื่อปี 2552 ทั้งๆ ที่หลังเกิดเหตุมีการตั้งคณะกรรมการจาก สตช. พิจารณาไปแล้ว และไม่มีการแจ้งดำเนินคดี
จตุพร ระบุว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไปขออนุมัติหมายจับจากศาล ทั้งๆ ที่โดยหลักการควรออกหมายเรียกก่อน ในที่สุดศาลไม่อนุมัติหมายจับ ต่อมาวันที่ 4 เม.ย. 60 ก็ไปยื่นขอหมายจับตนอีกครั้ง คราวนี้ศาลเรียกไต่สวนฝ่ายตำรวจในวันที่ 5 เม.ย. 60 และมีคำสั่งไม่อนุมัติหมายจับในวันเดียวกัน
 
จตุพร โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงเฟซบุ๊กแฟนเพจ Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์ โพสต์ข้อความว่า จากกรณีที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ได้รับแจ้งความจาก แกนนำ กปปส.จังหวัดชลบุรี และเป็นอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลจังหวัดชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้แจ้งความให้ดำเนินคดีกับณัฐวุฒิ และต่อมาพนักงานสอบสวนได้ขยายผลอีก 5 คนได้แก่ ตน เหวง วีระกานต์ อดิศร และสุพร อัตถาวงศ์ ว่าร่วมกันกระทำการใด ๆ ให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จตุพร ระบุว่า แกนนำ กปปส.ชลบุรีดังกล่าว มิได้เป็นผู้เสียหาย และมิได้เกี่ยวข้องพฤติการณ์แห่งคดี กลับนำข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่เชื่อว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และน่าจะทำให้พวกผมได้รับความเสียหาย มาแจ้งความกล่าวโทษ ให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา มีหมายเรียกตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาถึงพวกผมนั้น
ตามพฤติการณ์แห่งคดีอาญา ตามที่ได้อ้างถึงนั้น ตามทางการสอบสวนของพนักงานสอบสวนซึ่งเคยดำเนินการสอบสวนคดีชุมนุมในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อ 11 เมษายน 2552 เสร็จแล้ว ซึ่งในขณะนั้น ไม่เพียงแต่ที่พัทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องใครบ้าง ซึ่งฟ้องไปทั้งหมด 18 คน รวมทั้งคดีดังกล่าวได้มีการพิพากษามาแล้ว 2 ศาล คือ ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ ขณะนี้อยู่ในระหว่างฎีกา ประเด็นสำคัญคือว่า พวกผมทุกคนไม่ได้ปรากฎเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้มาก่อน ย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การสอบสวนของพนักงานสอบสวนและการพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าว และการพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวของอัยการมิได้ปรากฎพฤติการณ์และการกระทำของพวกผม ว่าเข้าข่ายความผิดอาญาฐานใดมาก่อน กับไม่เคยปรากฎว่าผู้ที่มาร้องนั้น ได้มีความเกี่ยวข้องกับคดีไม่ว่าฐานะใดมาก่อน
จตุพร โพสต์ด้วยว่า การที่บุคคลดังกล่าวมากล่าวโทษ พวกตนว่าทำผิดระหว่างการชุมนุมในเขตอำนาจการสอบสวนของสถานีตำรวจนครบาลดุสิต เท่านั้น หากปล่อยให้การดำเนินคดีนี้มีต่อไป ไร้การตรวจสอบ ความชอบด้วยกฎหมาย และ ความชอบของผู้กล่าวโทษ จึงอาจเป็นปัญหาทางกฏหมายหลายประการ
"พวกผม จึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันนี้ ให้ตรวจสอบความชอบของผู้กล่าวหา เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และหากพบว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย ขอให้ดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว รวมถึงขอให้ตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยเขตอำนาจการสอบสวนตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 18 และ 19 ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดีต่อไป" จตุพร โพสต์
สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานด้วยว่า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักตำรวจแห่งชาติ ระบุจะรับเรื่องดังกล่าวไว้ก่อนส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาในรายละเอียดต่อไป
ขณะที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ กว่า 1 กองร้อยจำนวน 150 นาย กระจายกำลังติดตามสถานการณ์ และเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยโดยรอบพื้นที่

ณัฐวุฒิ แฉ ถูกขวางจัดระดมทุนการศึกษาเด็ก เหน็บย้อนมอง 'สุเทพ' ปิดเกาะจัดงานระดมทุนได้

นอกจากนี้ วานนี้ 3 พ.ค.60 Peace News รายงานว่า ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาฯนปช. เปิดเผยถึงการจัดงานระดมทุนเพื่อช่วยการศึกษาเด็กขาดแคลน หลังจากได้ข้อสรุปว่าจะใช้สถานที่ห้องประชุมชั้น 6 อิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง เป็นที่จัดงานระดมทุนโครงการด้วยรักและแบ่งปัน มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจนทั่วประเทศในวันที่ 28 พฤษภาคมนั้น ปรากฏว่ามีทั้งฝ่ายปกครองและตำรวจไปพบผู้บริหารของทางห้างสรรพสินค้า แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างแรงกดดันให้การจัดงานเกิดข้อติดขัด ทั้งๆ ที่ยืนยันชัดเจนมาตลอดว่า ทั้งเนื้อหา รูปแบบ และวัตถุประสงค์ไม่มีเรื่องการเมือง
ณัฐวุฒิ ยังฝากถึงเจ้าหน้าที่ให้ย้อนมองภาพกลุ่ม สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ที่จัดงานสมุยเฟสติวัล เมื่อวันที่ 23-24 มกราคม 2559 เพื่อระดมทุนสร้างวิทยาลัยอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นการจัดงานที่แทบจะปิดเกาะสมุยแสดงคอนเสิร์ต ชกมวย ปั่นจักรยาน และอื่นๆ แต่ก็จัดได้ไม่มีใครไปขัดขวาง แถมมีบุคลากรภาครัฐทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานอื่นเข้าร่วม ขณะที่กิจกรรมที่ตนจะจัดเราทำแบบเจียมเนื้อเจียมตัว ใช้ห้องประชุมจัดงานไม่เกิน 3 ชั่วโมง ทุกอย่างเป็นไปโดยเปิดเผย เนื่องจากดำเนินโครงการมาครบ 1 ปีแล้วจำเป็นต้องมีทุนเพิ่มเติม ถ้ามีอะไรเป็นข้อสงสัยก็สอบถามกับตนได้โดยตรง ตนพร้อมตลอดเวลาที่จะชี้แจงรายละเอียดให้ทราบ
"ผมนั่งอ่านจดหมายที่เด็กเขียนมาทุกฉบับ รับรู้สภาพชีวิตและความยากลำบาก ซึ่งทุกคนอยากได้รับโอกาสเพื่อเดินไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะสกัดขัดขวาง ตั้งใจว่าจะจัดงานปีละครั้งและพัฒนาโครงการต่อเนื่องให้สามารถดูแลนักเรียนได้มากขึ้น ล่าสุดขยายทุนเพิ่มเป็นรายเทอมให้นักเรียนที่ได้รับทุนไปแล้วแต่มีผลการเรียนเทอมล่าสุดไม่ต่ำกว่า 3.00 โดยระดับมัธยม 10,000 บาท และระดับอุดมศึกษา 15,000 บาท ซึ่งถ้าผลการเรียนทุกเทอมยังอยู่ในเกณฑ์ก็จะดูแลต่อเนื่องจนจบชั้นปริญญาตรี วันนี้เราได้ห้องที่กว้างพอสำหรับจัดงานแล้ว หวังว่าจะได้หัวใจของผู้ใหญ่ที่กว้างพอให้เด็กยากจนมีที่ยืนด้วย" ณัฐวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้โครงการด้วยรักและแบ่งปัน ณัฐวุฒิ ได้ดำเนินการมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจนทั่วประเทศ ผ่านรายการ “เข้าใจตรงกันนะ” ทางสถานีโทรทัศน์ พีซ ทีวี ไปแล้วจำนวน 655 ทุน แต่ยังมีเด็กนักเรียนอีกจำนวนมาก ที่ยังขาดแคลนทุนการศึกษาจึงเป็นที่มาของการจัดโครงการด้วยรักและแบ่งปันดังกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น