วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

ปิดวิทยุแดงอีก2สถานีนิติราษฎร์ชี้เลือกปฏิบัติ-2มาตรฐานชัดเจน

        เรื่องจากปก
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3043 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 29 เมษายน 2011
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=10500
         ตำรวจเข้าตรวจค้นยึดอุปกรณ์ออกอากาศวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงใน กทม. เพิ่มอีก 2 สถานี เลขาธิการชมรมสื่อมวลชนเพื่อประชาธิปไตยบุกกองปราบปรามแจ้งดำเนินคดีทีมตรวจยึดปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ยันทุกสถานีมีใบอนุญาตทดลองออกอากาศ นักวิชาการคณะนิติราษฎร์ชี้ใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานเลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่ม ระบุข้ออ้างไม่มีใบอนุญาต หมิ่นสถาบันไม่ใช้กับสถานีเครือข่ายอื่นที่ไม่ได้เป็นเสื้อแดง เรียกร้องประชาชนกระจายข่าวให้สังคมรับรู้ความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นจริง จี้ปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับสื่อทั้งหมดเพื่อความชัดเจน ดีเอสไอมาแปลกแจ้งแกนนำ นปช. เลื่อนรายงานตัวคดีหมิ่นสถาบัน เพราะต้องสอบเพิ่มเพื่อความเป็นธรรม อัยการคาดสัปดาห์หน้ารู้ผลถอนประกันแกนนำกี่คน

หลังเข้าตรวจค้นและยึดอุปกรณ์ออกอากาศของสถานีวิทยุชุมชนที่เป็นแนวร่วมคนเสื้อแดงไปแล้ว 13 สถานีเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา ล่าสุดตำรวจได้เข้าตรวจค้นยึดอุปกรณ์และแจ้งดำเนินคดีเพิ่มอีก 2 สถานีคือ คลื่น 89.85 เมกะเฮิรตซ์ สถานีคนไทยหัวใจเดียวกัน ย่านเขตสายไหม และคลื่น 91.75 เมกะเฮิรตซ์ สถานีชมรมเสียงคนไทย เขตลาดพร้าว กทม. โดยทั้ง 2 สถานีไม่มีการขัดขวางการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ แต่มีคนเสื้อแดงไปเฝ้าสังเกตการณ์อยู่หลายคน


แจ้งเอาผิดทีมปิดวิทยุเสื้อแดง


ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายจุติพงษ์ พุ่มมูล เลขาธิการชมรมสื่อมวลชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) และตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ที่เข้าตรวจค้นและยึดอุปกรณ์สถานีวิทยุของคนเสื้อแดง ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 และรัฐธรรมนูญ มาตรา 45


เลือกปฏิบัติเฉพาะฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล


นายจุติพงษ์กล่าวว่า ที่ต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะเห็นว่าเป็นการเลือกปฏิบัติกับผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล หากเห็นว่ามีเนื้อหารายการพาดพิงให้ใครเสียหายสามารถใช้สิทธิฟ้องร้องได้ ไม่ใช่มาปิดสถานี
“เป็นการเลือกปฏิบัติที่ชัดเจน เพราะเลือกปิดเฉพาะสถานีของคนเสื้อแดง ไม่แตะสถานีอื่น ทั้งที่ผู้ดำเนินการต่างมีใบอนุญาตทดลองออกอากาศเพื่อเตรียมความพร้อมจาก กสทช. ถูกต้อง นอกจากแจ้งความดำเนินคดีแล้วจะไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองให้ยกเลิกคำสั่งและการกระทำของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ด้วย”


นักวิชาการชี้คุกคามสิทธิเสรีภาพ


น.ส.สาวตรี สุขศรี อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในนักวิชาการคณะนิติราษฎร์ : นิติศาสตร์เพื่อราษฎร กล่าวถึงกรณีที่เริ่มมีการปิดเว็บไซต์ต่างๆมากขึ้นอีกครั้งว่า เป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน


“การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ขาดความชัดเจน แม้แต่การปิดสถานีวิทยุชุมชนก็เข้าข่ายกระทำผิดหลายอย่าง ข้ออ้างที่ใช้ปิดส่วนมากคือไม่ได้รับอนุญาตกับหมิ่นเบื้องสูง ถ้าจะเอากันตามนี้ถามว่ามีสถานีอื่นอีกมากทำไมไม่ดำเนินการ แต่กลับกระทำในสิ่งที่สังคมสงสัยว่าเลือกปฏิบัติ ใช้กฎหมายหลายมาตรฐาน หากจะใช้ข้ออ้างนี้ต้องทำกับทุกสถานีให้เท่าเทียมกันเพื่อความยุติธรรม”
ปลุกกระแสให้สังคมรับรู้กระทำมิชอบ


น.ส.สาวตรีเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันพูดถึงประเด็นนี้ให้อยู่ในกระแสไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดการรับรู้ร่วมกันว่ามีการกระทำ 2 มาตรฐานเกิดขึ้นจริง ผู้เกี่ยวข้องจะได้รีบแก้ไข หากปล่อยให้เรื่องผ่านไปเฉยๆจะทำให้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ คนใช้กฎหมายจะไม่มีประสิทธิภาพ ควรจะมีการทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสื่อใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เกิดความชัดเจน


ดีเอสไอแจ้ง นปช. เลื่อนรับข้อกล่าวหา


นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่แจ้งต่อแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน 18 รายที่ถูกออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นสถาบันจากการปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ออกไปจากนัดหมายเดิมในวันที่ 2-4 พ.ค. เนื่องจากอัยการได้สั่งให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติมบางประการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ด้าน พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้อำนวยการสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ ได้นำเอกสารถอดเทปปราศรัยของนายจตุพร พรหมพันธุ์ และแกนนำ นปช. รวม 9 คน ชุดใหม่มามอบให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 แล้ว หลังจากอัยการสั่งให้ถอดเทปใหม่ เนื่องจากของเดิมไม่ชัดเจน ข้อความไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้เข้าใจความหมายผิด


สัปดาห์หน้ารู้ผลถอนประกัน


นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวว่า ของเดิมมีบางช่วงบางตอนขาดหายไป อาจทำให้เข้าใจความหมายที่ต้องการจะสื่อผิด จึงให้ไปถอดเทปมาใหม่ ซึ่งของใหม่ที่ส่งมาเท่าที่ดูมีเพิ่มเติมจากเดิมเล็กน้อย จากนี้จะพิจารณารายละเอียดของข้อความอีกครั้ง เพื่อดูเจตนาการปราศรัยของแกนนำ นปช. ไม่เกินสัปดาห์หน้าน่าจะมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้


อัยการชี้เจตนาให้ศาลตัดสิน


“ต้องดูภาพรวมทั้งหมดว่าที่ดีเอสไอบอกว่าร่วมกันกระทำความผิดนั้นเป็นอย่างไร เพราะบางคนอาจไม่ได้อยู่บนเวทีตลอด พูด 5 นาทีแล้วลง คนที่พูดต้องดูว่าเข้าข่ายยุยงปลุกปั่นหมิ่นสถาบันที่กระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ หากไม่เข้าข่ายก็ไม่ถอนประกัน แต่หากเข้าข่ายผิดเงื่อนไขศาลต้องยื่นถอนประกัน ซึ่งศาลจะเป็นผู้ตัดสิน อัยการมีหน้าที่แค่ชี้ให้เห็นเจตนาของแกนนำในการปราศรัย” นายรุจกล่าวและว่า การกล่าวพาดพิงสถาบันแม้จะไม่ชัดเจนว่าพูดยุยุงให้ประชาชนเกิดความกระด้างกระเดื่อง แต่หากกล่าวแล้วกระทบสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ ทำให้ประชาชนรู้สึกแบ่งแยกก็เข้าข่ายผิดเงื่อนไขที่ศาลกำหนดไว้ โดยมุ่งหมายให้เกิดความสมานฉันท์ ลดความขัดแย้งแตกแยก


“ถวัล” บ่นส่งหลักฐานเพิ่ม 3 ครั้ง


ด้าน พ.ต.ท.ถวัลกล่าวว่า การยื่นหลักฐานเพิ่มครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 น่าจะครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เพราะเป็นหลักฐานทั้งหมดที่ได้มาจากทหาร ตำรวจ และการสอบพยานบุคคลที่ไปรับฟังการปราศรัย


ที่ดีเอสไอ นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด หรือน้องเกด อัคฮาด อาสาสมัครพยาบาล 1 ใน 6 ศพที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนารามเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี
แม่ “น้องเกด” ถามความคืบหน้าคดี


นางพะเยาว์กล่าวว่า ลูกสาวเสียชีวิตใกล้ครบ 1 ปีแล้วแต่คดีไม่มีความคืบหน้า ยังไม่สามารถหาตัวคนผิดมาลงโทษได้ ซึ่งเหมือนกับการตายของประชาชนอีก 89 ศพที่ไม่มีความคืบหน้าที่ครอบครัวต่างอยากรู้ข้อเท็จจริงจากการสืบสวน
พ.ต.ท.ธรณินทร์ คลังทอง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่รับผิดชอบคดี 6 ศพในวัดปทุมวนาราม ชี้แจงว่า คดียังอยู่ระหว่างการสอบสวน หากมีความคืบหน้าจะเสนอให้อธิบดีดีเอสไอแถลงต่อสื่อมวลชน


ทั้งนี้ นอกจากนางพะเยาว์แล้ว รศ.ดร.วรพล พรหมิกบุตร อดีตคณบดีคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เข้ายื่นเรื่องสอบถามความคืบหน้าคดีผู้เสียชีวิต 89 ศพเช่นกัน


******************************
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น