นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคปชป. กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยที่ส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปพบพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อเชิญเข้าร่วมพรรคเพื่อไทย(พท.) ว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการวางตัวให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้นำพรรคพท. และเป็นแคนดิเดทชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่งของพท. คงหนีไม่พ้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ดังนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ควรออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองให้ชัดเจนเพราะที่ผ่านมาทำเพียงการส่งยิ้มหวานเท่านั้น 23 เมษา. 2554 13:25 น.
นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าในการเปิดนโยบายและตัวผู้สมัครของพท.ในวันนี้ ( 23 เม.ย.) ได้ มอบให้พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามาเป็นประธานเปิดนโยบายและตัวผู้สมัคร ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรจับตาการวิดิโอลิงค์ของพ.ต.ท.ทักษิณซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่เข้ามาเจ้ากี้เจ้าการประกาศนโยบายและเปิดตัวผู้สมัครของพท.ในฐานะประธาน ตัวการ หรือเจ้าของ ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากบทบาทการเป็นผู้สังเกตการณ์ของนายบรรหาร ศิลปอาชา และนายเนวิน ชิดชอบ
การวิดีโอลิงค์เข้ามายังที่ประชุมพรรคพท. เพื่อติวเข้มให้กับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งเปลี่ยนสถานะมาเป็นผู้สมัครของพท. เพราะบางคนยังแยกแยะบทบาทของนักการเมืองข้างถนนกับนักการเมืองในสภาฯ ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการถูกยุบพรรค สำหรับยุทธศาสตร์การเดินสองขาของพ.ต.ท.ทักษิณทำให้นปช.กับพท.แยกกันไม่ออก เพราะกลุ่มมวลชนสนับสนุนล้วนมาจากการจัดตั้งของนปช. ส่วนกรณีการจัดตั้งพรรคเพื่อธรรมขึ้นเป็นพรรคสำรองนั้น ตนไม่แปลกใจเพราะเป็นเรื่องถนัดของพท.ที่พร้อมจะเทคโอเวอร์และควบรวมพรรคการเมืองต่างๆ “สำหรับนโยบายของพท.นั้น ผมขอตั้งฉายาให้ว่าเป็นนโยบายลอก ต่อยอด เกทับ เพราะพท.ได้ลอกนโยบายมาจากการทำงานของรัฐบาลมาทั้งดุ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรถไฟความเร็วสูงซึ่งรัฐบาลได้ไปเจรจาตกลงกับรัฐบาลประเทศจีนโดยสำเร็จลุล่วงเตรียมที่จะลงนามในข้อตกลงร่วมกันแล้ว รวมถึงนโยบายการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ” นายเทพไทกล่าว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคปชป. กล่าวว่า จากการติดตามการแถลงนโยบายของพท. เห็นว่าการเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นทางเลือกสำคัญ โดยจะตัดสินกันที่ตัวผู้นำมากกว่านโยบาย ซึ่งปชป.ประกาศชัดเจนว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคจะเป็นผู้สานต่อนโยบายหากปชป.ได้รับการเลือกตั้ง
ขณะที่พรรคพท.คาดว่าจะมอบหมายให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นแคนดิเดทนายกฯ และเชื่อว่าสิ่งแรกที่จะทำหากพท.ชนะการเลือกตั้งคือนิรโทษกรรมให้กับคนเสื้อแดง และนำพ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย นอกจากนี้การที่ พท.กำหนดให้แกนนำนปช.เป็นผู้สมัครของพรรคพท. เพื่อหวังให้ได้เอกสิทธิ์คุ้มครองระหว่างการดำเนินคดี โดยขณะนี้นปช.ได้เข้าสู่โครงสร้างของพท.ค่อนข้างสมบูรณ์ เพื่อวางเกมการต่อสู้นอกสภา
วันจันทร์ที่ 25 เม.ย.นี้ ตนและนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ จะพบกับเอกอัครราชทูตของทุกประเทศในทวีปยุโรป เพื่อชี้แจงนโยบายของพรรคปชป. ที่พร้อมจะผลักดันประเทศบนเวทีโลก นอกจากนี้จะอธิบายถึงสถานการณ์จริงของประเทศไทย เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางไปฟ้องคดีที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ขณะที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานนปช.ได้เดินทางไปพบกับนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความที่พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้าง ซึ่งมีการเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิดต่อประเทศไทย มีการอ้างอิงองคมนตรีและสถาบันเบื้องสูงโดยมิบังควร ซึ่งปชป.จำเป็นต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับทูตเพื่อไม่ให้บุคคลใดสร้างความเข้าใจสับสนให้กับประเทศไทย
“กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณและคนเสื้อแดงเคลื่อนไหว เรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาดูแลการเลือกตั้ง เป็นการดังให้องค์กรต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงการจัดการเลือกตั้งแทนองค์กรอิสระ โดยที่ผ่านมาได้มีการสร้างข่าวว่าจะมีการทุจริตการเลือกตั้งเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ และเตรียมที่จะใช้ข้ออ้างดังกล่าวเพื่อไม่ยอมรับการเลือกตั้งหากพท.เป็นฝ่ายแพ้ ดังนั้นผมอยากให้มีกระบวนการที่ทำให้การเลือกตั้งได้รับการยอมรับ เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและการพัฒนาประชาธิปไตย โดยองค์กรระหว่างประเทศที่ต้องการเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งควรเข้ามาหารือกับกกต. เพื่อมีบทบาทโดยไม่เป็นการแทรกแซง ” นพ.บุรณัชย์กล่าว
โฆษกปชป. กล่าวด้วยว่า พรรคพท.กล้าหาญที่มอบให้พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ประกาศนโยบายพรรคซึ่งลอกทั้งดุ้น มาจากนโยบายของปชป. ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศไทย ลาว และจีน การสร้างรถไฟฟ้า 12 สาย ซึ่งรัฐบาลดำเนินการไปแล้ว 8 สาย ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณเคยประกาศจะสร้างรถไฟฟ้า 10 สายให้แล้วเสร็จในปี 2548 แต่ยังไม่ได้ดำเนินการแม้แต่สายเดียว ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนนำนโยบายของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ไปใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจในการเลือกตั้ง
โดยในส่วนของปชป.ประกาศนโยบายเพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชน เพื่อให้เพียงพอกับค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น ได้แก่ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 25% ภายใน 2 ปี เพื่อให้สอดรับกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่พท.ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ซึ่งถ้าทำในทันทีอาจกระทบต่อต้นทุนการผลิต การประกันรายได้ให้เกษตรกรซึ่งจะเพิ่มเงินให้เกษตรกรเดือนละกว่า 2,000 บาท การประกันต้นทุนราคาปุ๋ยล่วงหน้า รวมถึงการตรึงราคาน้ำมันดีเซลและลดภาระค่าครองชีพ ไฟฟ้าฟรี รถเมล์ฟรี ซึ่งจะลดรายจ่ายให้กับประชาชนได้เดือนละกว่า 3,000 บาทเช่นกัน
ในส่วนของอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และคนชรา มีความชัดเจนว่า จะได้รับเบี้ยยังชีพเดือนละ 500 บาท รวมถึงการจัดสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่าง ๆ เช่น โครงการบำเหน็จชาวบ้านกับประกันสังคม ซึ่งเปิดให้ประชาชนส่งเงินสมทบเดือนละ 100 บาท เพื่อรับสิทธิการรักษาพยาบาลและค่าครองชีพในกรณีเจ็บป่วย ทุพลภาพ และชราภาพ โครงการบำนาญประชาชนซึ่งเปิดให้ประชาชนส่งเงินสมทบเดือนละ 100 บาท เมื่ออายุครบ 60 ปี จะได้รับเงินบำนาญเดือนละ 2,000 บาท รวมถึงนโยบายสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยสามารถยื่นกู้ซื้อบ้านหลังแรกวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท แบบเต็มวงเงิน 100% การแปลงค่าเช่าบ้านมาเป็นการซื้อบ้าน โดยสามารถนำค่าเช่ามาจ่ายเป็นเงินดาวน์ผ่อนชำระกับธนาคารอาคารสงเคราะห์
นอกจากนี้ ปชป.มีนโยบายผลักดันโลจิสติกส์ในภาพรวมเพื่อรองรับการเปิดท่าเรือน้ำลึกที่เมืองทวาย โดยจะย้ายท่าเรือน้ำลึกจากคลองเตยไปแหลมฉบัง และปรับท่าเรือคลองเตยให้เป็นสวนสาธารณะ โดยไม่ให้กระทบต่อที่อยู่อาศัยของคนในชุมชนคลองเตย |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น