วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

“ฮิวแมนไรท์วอทช์”เสนอรายงานตอกย้ำทหารฆ่าประชาชน
         ฮิวแมน ไรท์วอทช์ เสนอรายงานเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ยืนยันทหารใช้ความรุนแรงเกินสมควร และใช้หน่วยแม่นปืนบดขยี้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ระบุ 6 ศพในวัดปทุมฯสามารถพิสูจน์ได้อย่างน้อย 3 ศพว่าเป็นฝีมือของคนในกองทัพ ชี้การยิงคนไม่มีอาวุธถือเป็นการฆาตกรรม ผิดหวังดีเอสไอถูกรัฐบาลครอบงำจนไม่สามารถทำคดีได้ เชื่อการเลือกตั้งจะทำให้ความขัดแย้งขยายตัวรุนแรงมากขึ้น อัยการเตรียมพยาน 5 ปาก ไต่สวนถอนประกัน 9 แกนนำ นปช. ขณะที่ทนายแกนนำเตรียมพยาน 15 ปาก เบิกความคัดค้าน ระบุข้อหาหมิ่นสถาบันไม่เกี่ยวกับข้อหาก่อการร้าย ใช้เป็นข้ออ้างถอนประกันไม่ได้ ต้องแยกดำเนินคดี

องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรท์วอทช์ นำเสนอรายงานเกี่ยวกับการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน หรือคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้วในชื่อ “จมลงสู่ความวุ่นวาย” (Descent into Chaos) มีเนื้อหาว่า ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. ปีที่แล้ว ทหารไทยใช้ความรุนแรงเกินสมควร รวมถึงใช้หน่วยแม่นปืน เพื่อบดขยี้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล


เห็นทหารยิงใส่ประชาชน


แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมน ไรท์วอทช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย ระบุว่า เหตุการณ์ที่เห็นคือทหารยิงใส่ประชาชน ขณะที่กลุ่มติดอาวุธก็ยิงใส่ทหาร แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถเอาผิดใครได้
ทหารซึ่งอยู่ในจุดที่ได้เปรียบบนรางรถไฟฟ้ากระหน่ำยิงใส่ประชาชนในวัดปทุมวนารามซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่เลือกหน้า ทำให้บริเวณวัดซึ่งควรจะเป็นสถานที่ปลอดความรุนแรงกลับมีคนตายจำนวนมาก


3 ศพวัดปทุมฯฝีมือทหาร


“ความจริงก็คือทหารยิงใส่ประชาชน ซึ่งเป็นการสังหารอย่างเลือดเย็น สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้เสียชีวิตในวัดอย่างน้อย 1 คน และที่หน้าวัดอีก 2 คนถูกยิงโดยทหาร” แบรด อดัมส์ กล่าวและว่า เมื่อใดที่ทหารยกปืนเล็งไปที่บุคคลซึ่งไม่มีอาวุธ และตัดสินใจลั่นไก นั่นถือเป็นการฆาตกรรม แม้จะทำตามคำสั่งของรัฐบาลก็ตาม


รายงานของฮิวแมน ไรท์วอทช์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยที่เรียกผู้ประท้วงว่า “ผู้ก่อการร้าย” รวมถึงการประกาศให้พื้นที่บางส่วนในกรุงเทพฯเป็น “เขตกระสุนจริง” อย่างไรก็ตาม พบว่ากลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนผู้ประท้วงที่เรียกกันว่า “คนชุดดำ” ใช้ทั้งปืนไรเฟิลและระเบิดโจมตีทหาร เพื่อโหมกระพือความขัดแย้งให้รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก


หาเสียงเลือกตั้งขยายความขัดแย้ง


การปะทะระหว่างทหารกับประชาชนทำให้มีผู้บาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 1,900 ราย ซึ่งส่วนมากเป็นพลเรือน แม้ว่าไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งเร็วๆนี้ แต่การแบ่งข้างซึ่งเป็นผลมาจากการประท้วงก็ยังฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยยากที่จะลบเลือน ความเกลียดชังยังคงติดค้างอยู่ในใจของทั้งสองฝ่าย การหาเสียงเลือกตั้งจะทำให้ปัญหาทวีความรุนแรงขึ้นแน่นอน


แบรด อดัมส์ ยังระบุว่า คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่รัฐบาลตั้งขึ้นทำงานล่าช้าเกินไป ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอาไอ) ที่มีหน้าที่สอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีจากเหตุประท้วง ก็ดูเหมือนว่าจะถูกครอบงำโดยรัฐบาล ทำให้ไม่สามารถเปิดเผยผลการสอบสวนที่เป็นข้อเท็จจริงใหม่ๆได้


อัยการใช้ 5 พยานถอนประกันแกนนำ นปช.


นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวถึงกรณที่ศาลจะเปิดไต่สวนคำร้องถอนประกันนายจตุพร พรหมพันธุ์ และแกนนำ นปช. รวม 9 คน ในวันที่ 4 พ.ค. นี้ว่า อัยการเตรียมพยานขึ้นไต่สวน 4-5 ปาก ส่วนใหญ่เป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคาดว่านายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ จะเดินทางมาเบิกความเป็นพยานด้วยตัวเอง
นายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช. กล่าวว่า เตรียมคำร้องยื่นคัดค้านการประกันตัวไว้แล้ว ยืนยันว่าการปราศรัยของแกนนำไม่ผิดเงื่อนไขประกันตัว หากเห็นว่ามีการทำผิดกฎหมายอื่นที่นอกเหนือจากคำสั่งศาลก็ต้องแยกดำเนินคดีตามความผิดนั้นๆ


ทนาย นปช. ใช้ 15 พยานเบิกความสู้


“แกนนำทุกคนจะเดินทางไปศาล และขอให้ศาลออกหมายเรียก พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ร่วมชุมนุมจำนวนหนึ่งมาเบิกความเป็นพยาน โดยจะใช้พยานทั้งหมดประมาณ 15 ปาก”


นายคารมกล่าวว่า ประเด็นคัดค้านที่จะชี้ให้ศาลเห็นคือการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา เป็นการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อรำลึกครบรอบ 1 ปีการสลายการชุมนุมวันที่ 10 เม.ย. 2553 กรณีการปราศรัยของนายจตุพรหากเห็นว่าหมิ่นเบื้องสูงก็ต้องดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูง จะเอามาผูกโยงเพื่อถอนประกันในคดีก่อการร้ายไม่ได้ และจะโยงไปถึงแกนนำอื่นที่ไม่ได้ปราศรัยไม่ได้


“การเอาคดีหมิ่นเบื้องสูงมาโยงเพื่อขอถอนประกันตัวในคดีก่อการร้าย และกล่าวหาแบบเหมารวมแกนนำว่าร่วมหมิ่นเบื้องสูง ถือเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง”


ครม. อนุมัติงบชดเชยความเสียหาย


นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมอนุมัติงบประมาณชดเชยความเสียหายจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้วดังนี้ งบเพื่อฟื้นฟูและซ่อมแซมที่ทำการเทศบาลนครอุดรธานีที่เสียหายจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงวงเงิน 212 ล้านบาท ชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส วงเงิน 5.5 ล้านบาท และขยายวงเงินสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการย่านราชประสงค์จาก 5 ล้านบาท เป็น 15 ล้านบาท พร้อมขยายระยะเวลาจากสิ้นสุดโครงการสินเชื่อจากเดือน ธ.ค. 2553 เป็นเดือน มิ.ย. 2554


“ที่ประชุมยังไม่ได้เห็นชอบการจ่ายชดเชยค่าเสียโอกาสให้กับบีทีเอส 100 ล้านบาท โดยให้บีทีเอสไปหารือกับกรุงเทพมหานคร ที่เป็นผู้ให้สัมปทานว่าจะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไร”


เพิ่มค่าตอบแทนให้เจ้าหน้าที่


นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินเพิ่มค่าตอบแทนกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้วตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เสนอวงเงินกว่า 293 ล้านบาท


***************************************
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น