วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554


‘ธิดา’ติวเข้มแนวร่วมเสื้อแดงส่งเฝ้าคูหาป้องกันโกงเลือกตั้ง

จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
 ปีที่ 12 ฉบับที่ 3074 ประจำวัน จันทร์ ที่ 13 มิถุนายน 2011
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=11076
         นปช. จัดติวเข้มแนวร่วมเสื้อแดงกว่า 500 คน ก่อนส่งลงประจำคูหาเลือกตั้งเพื่อสอดส่องการทุจริต เริ่มเฝ้าหีบบัตรตั้งแต่เลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 26 มิ.ย. จนถึงเปิดนับคะแนนในวันที่ 3 ก.ค. ด้าน กกต. ไฟเขียวให้ทุกพรรคเฝ้าหีบบัตรลงคะแนนล่วงหน้าได้ คาดไม่เกิน 3 ทุ่มรู้ผลนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการทั่วประเทศว่าใครชนะ ยังไม่ฟันธงให้ตัวแทนอียูเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ อ้างต้องรอพิจารณารายละเอียดก่อน “นพดล” ชี้นักการทูตหลายชาติเป็นห่วงเกิดเหตุซ้ำรอยรัฐบาล “สมัคร-สมชาย” ย้ำทางออกของประเทศคือต้องยอมรับเสียงของประชาชน


นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีทูตหลายประเทศสอบถามมายังพรรคเพื่อไทยถึงการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง และแสดงความเป็นห่วงว่าอาจมีปัญหาเกิดขึ้นเหมือนรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์


ต่างชาติห่วงเลือกตั้งไทย


“ต้องขอบคุณทูตทุกประเทศที่ติดตามการเมืองไทยและแสดงความเป็นห่วง ความสนใจของทูตและสื่อต่างชาติต่อการเลือกตั้งเป็นเรื่องดีที่จะมีส่วนช่วยให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้วทุกฝ่ายให้การยอมรับการตัดสินใจของประชาชนเชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดปัญหา”


ถ้าไม่มีคนแทรกแซงไม่มีปัญหา


นายนพดลกล่าวอีกว่า ความเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์การเมืองหลังได้รัฐบาลใหม่ล้วนมาจากการคาดการณ์ หากเราได้รัฐบาลที่มีความมั่นคง ทำงานได้โดยปราศจากการแทรกแซง ปัญหาจะไม่เกิด แต่หากไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะได้ใครมาเป็นรัฐบาลความวุ่นวายก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


ต้องหัดเคารพเสียงประชาชน


“วันนี้ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ประเด็นอยู่ที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับการตัดสินใจของประชาชนมากกว่า ความวุ่นวายต่างๆจะได้ไม่เกิด” นายนพดลกล่าวและว่า ทูตที่มาจากการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไม่มีปัญหาเรื่องยอมรับผลการเลือกตั้ง จึงถึงเวลาแล้วที่คนไทยบางกลุ่มต้องเรียนรู้ที่จะเคารพเสียงของประชาชน เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ต่อไป


กกต. คาดรู้ผลเลือกตั้งภายใน 3 ทุ่ม


นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวตอนหนึ่งระหว่างร่วมการเสวนา “เลือกตั้ง ส.ส.54 สัญจร” ที่ลานเออร์เบิ้ลสเปซ ราชประสงค์ ว่าผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการจะสามารถรู้ได้ภายในเวลา 21.00 น. ของวันที่ 3 ก.ค. ใครที่ประสงค์จะลงคะแนนล่วงหน้าในเขตเลือกตั้งให้ไปลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ (13 มิ.ย.) เป็นต้นไป


ยังไม่ไฟเขียวอียูส่งผู้สังเกตการณ์


จากนั้นนายประพันธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สหภาพยุโรป (อียู) จะขอส่งคนเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งว่า กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา กกต. ไม่ได้ห้ามใครเข้ามาสังเกตการณ์ เพราะมั่นใจว่าสามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างโปร่งใส เป็นธรรม และได้มาตรฐานที่สากลให้การยอมรับ


ให้ทุกพรรคเฝ้าหีบบัตรได้


ส่วนเรื่องการเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนล่วงหน้านั้น นายประพันธ์กล่าวว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯจัดเก็บที่สำนักงานเขต ส่วนต่างจังหวัดให้เก็บที่สถานีตำรวจในแต่ละพื้นที่ โดยจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเก็บภาพตลอด 24 ชั่วโมง และอนุญาตให้แต่ละพรรคการเมืองนำกล้องของตัวเองไปติดตั้งได้ แต่ต้องแจ้ง


ให้ กกต. ในพื้นที่ทราบก่อน


ที่ชั้น 6 อิมพีเรียล ลาดพร้าว แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “นปช. ตรวจสอบการเลือกตั้ง” โดยมีแนวร่วมที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบการเลือกตั้งกว่า 500 คนเข้าร่วม
เสื้อแดงร่วมตรวจสอบเลือกตั้ง
นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. กล่าวว่า ภารกิจของคนเสื้อแดงยังไม่เสร็จ การเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. นี้เป็นความต่อเนื่องจากการต่อสู้ของเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราต้องเข้าไปมีส่วนร่วมดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ให้ประชาชนตัดสินใจได้อย่างอิสระว่าต้องการให้ใครเข้ามาบริหารบ้านเมือง


จับตาเขตคนลงคะแนนล่วงหน้ามาก


“ภารกิจแรกของเราคือการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 มิ.ย. นี้ โดยจะเน้นตรวจสอบเป็นพิเศษในเขตที่มีคนขึ้นทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าจำนวนมาก และจะส่งคนไปนอนเฝ้าหีบบัตรเลือกตั้งจนถึงวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งในวันเลือกตั้งจริงจะมีคนเสื้อแดงไปอยู่ทุกหน่วยเลือกตั้ง หากพบเห็นการทุจริตจะต้องรายงานต่อแกนนำระดับภูมิภาค และรายงานต่อมายังส่วนกลางทันที” นางธิดากล่าวและว่า ไม่ต้องสนใจคำพูดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่บอกว่าหากแพ้เลือกตั้งยินดียกประเทศให้คนเสื้อแดงบริหาร เพราะเป็นการพูดประชดประชันของคนที่ไม่ยอมรับความจริง


ไม่ได้มีแต่เสื้อแดงหนุนเพื่อไทย


นางธิดากล่าวอีกว่า ผลการสำรวจหลายสำนักที่ออกมาช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าไม่ได้มีแต่คนเสื้อแดงเท่านั้นที่ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพราะประชาชนทั่วไปต่างก็ให้การสนับสนุน ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากความล้มเหลวในการบริหารประเทศของพรรคประชาธิปัตย์ที่เอาแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ โดยไม่มีนโยบายระยะยาว ส่วนการรณรงค์โหวตโนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้นก็ไม่ต้องวิตกกังวล เพราะเป็นการแสดงธาตุแท้ของกลุ่มนี้ให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีเป้าหมายที่แท้จริงอย่างไร


เปิดเฟซบุ๊คเปรียบเทียบนโยบาย


ที่บ้านมนังคศิลา มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) ร่วมกับภาคประชาชนเปิดตัวเฟซบุ๊ค “เลือกใคร แล้วไทยรอด” เพื่อใช้เป็นช่องทางรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างมีสติ
นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค หนึ่งในผู้ดำเนินการ กล่าวว่า สร้างเฟซบุ๊คขึ้นเพื่อใช้เป็นเวทีวิพากษ์วิจารณ์นโยบายพรรคและผู้สมัครอย่างสร้างสรรค์และตรงไปตรงมา โดยจะมีบทวิเคราะห์ให้เห็นว่านโยบายของพรรคใดทำได้จริง มากน้อยเพียงใด ส่งผลดี-ผลเสียต่อประเทศและสังคมไทยอย่างไร เพื่อให้ประชาชนใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.


ยอมรับถูกสงสัยเรื่องเป็นกลาง


“แม้เฟซบุ๊คจะเข้าถึงประชากรแค่ประมาณ 8 ล้านคนทั่วประเทศ แต่หากมีการนำข้อมูลที่เสนอไปขยายความต่อในสื่อกระแสหลักจะทำให้คนที่ไม่ได้อยู่ในสังคมออนไลน์ได้รับรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพิ่มมากขึ้น”
นายอภิสิทธิ์ยอมรับว่าถูกตั้งคำถามเรื่องความเป็นกลางในการดำเนินการครั้งนี้ เพราะกลุ่มคนที่ร่วมกันก่อตั้งเคยทำงานร่วมกันในเว็บเพจที่ชื่อว่า “มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้านคนคัดค้านการยุบสภา” มาก่อน ยืนยันว่าการคัดค้านยุบสภาตอนนั้นทำเพราะไม่ต้องการเห็นกฎหมู่เหนือกฎหมาย ไม่ได้ทำเพราะเชียร์ฝ่ายใด และไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับคนเสื้อแดง


แนวร่วมเน้นโพสต์ต้านเพื่อไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้กลุ่มผู้ก่อตั้งจะยืนยันเป้าหมายว่าทำเพื่อเป็นพลังแห่งความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ทุกฝ่ายอย่างเป็นกลางและสร้างสรรค์ แต่เท่าที่ตรวจสอบหน้าเว็บพบว่าการโพสต์ข้อความส่วนมากจากผู้ที่เป็นสมาชิกจะหนักไปทางโจมตีพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ขณะที่การเปรียบเทียบนโยบายเพื่อให้ความรู้มีเพียงเรื่องการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น


*************************************


http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น