วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ไม่ปรองดอง ก็ไม่ปรองดอง ?


ไม่ปรองดอง ก็ไม่ปรองดอง ?

ความปรองดองนี้นะช่างยากเย็นเหลือเกิน ?


           รัฐบาลอยากให้ประเทศชาติสงบร่มเย็น จึงพยายามเข็นกฎหมายปรองดองออกมา เพื่อจะนำพาประเทศชาติและประชาชนได้หันหน้าเข้าหากัน แต่ในที่สุดก็ถูกต่อต้านทั้งในสภาและนอกสภา แทบจะฆ่ากัน



          ตาย ถ้ามันปรองดองยากขนาดนี้ก็อย่าไปปรองดองดองมันเลยครับ (ผมว่า) ?


เห็นไหม ? แล้วเราก็เห็นชัดกระจ่างตาว่าพวกเสื้อเหลืองไม่ต้องการปรองดอง 

พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ต้องการปรองดอง พวกเขาพากันรุมค้านสุดเหวี่ยง




          เห็นไหมเล่า ? มีการป่วนสภาแบบป่าเถื่อนสุดสุด เริ่มตั้งแต่ตรงเข้าไปฉุดกระชากลากแขนประธานรัฐสภา แล้วอีกคนหนึ่งก็ลากเก้าอี้ประธานรัฐสภาด้วยท่าทางเอาเป็นเอาตาย สร้างความวุ่นวายในสภาผ่านไป 1 วัน ถึงวันรุ่งขึ้น เล่นรุนแรงหนักไปกว่าเดิม ด้วยการอาละวาด ฟาดหาง โยนกระดาษ ฟาดแฟ้มเอกสารใส่ประธานรัฐสภา แทบว่าจะยุให้เกิดการชกต่อยกันขึ้นในสภาผู้แทนราษฎรให้ได้ ? มิใช่แต่เท่านี้ ยังมี ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ท่านหนึ่ง กระโดดเข้าเค้นคอ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ราวจะบีบคอให้ตายคามือ

          แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่มีความร้ายแรงถึงขนาดนั้น ทว่าแม้เพียงแค่นี้ก็ได้กลายเป็น รอยด่างในรัฐสภาไทยว่านักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เล่นกันแบบป่าเถื่อนไร้จริยธรรมอันดีงาม  ทำความชั่วต่อสายตาของชาวโลก (เพราะมีการถ่ายทอสด) สุดท้ายได้กลายเป็น “ขี้ปาก” ไปทั่วโลก ทำให้คนไทยได้รับความอับอายขายหน้าอย่างไม่มีทางเลี่ยง ผมเชื่อว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทย ทั้งในและนอกประเทศไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวนี้ และคงจะตำหนิติเตียน-ก่นด่าอยู่ในใจ วาเหตุไร ส.ส. ไทยจึงกลายเป็นคนเลวได้ถึงขนาดนั้นไปได้

           ตั้งแต่วันนั้น ผมเกิดอาการ “รังเกียจ” ส.ส. ประเภทนี้แบบจมดิ่ง จะถอนให้หายเกลียดอย่างไรก็ถอนไม่ขึ้น มันดึงใจของผมให้เกิดความขยะแขยง ไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากได้ยินชื่อ ไม่อยากให้เขาเป็นนักการเมืองของประเทศไทยอีกต่อไป

ประชาชนทั้งหลายควรรุมประณามอย่างไม่ไว้หน้า (ขนาดนั้น)?

         ผมวินิจฉัยของผมเองว่าสิ่งเหล่านี้เกิดจากจิตใจของพวกเสื้อเหลือง – พันธมิตร และพรรคการเมืองเก่าแก่ที่ชื่อว่า “พรรคประชาธิปัตย์” มีจิตใต้สำนึกทางการเมืองต่ำเตี้ย ดักดานขนาดหนัก จนไม่รู้ซึ้งในคำว่าระบอบประชาธิปไตย (อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์พระประมุข) คืออะไร ดังจะเห็นได้จากการแสดงออกในสภา ล้วนแต่ผิดแผกแตกต่างจากสิ่งที่ควรจะเป็น

เห็นไหม...? อภิปรายต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญยาวเหยียดย้ำไปย้ำมาบนเรื่องราวเดิมๆนานถึง 15 วันเต็มก็ยังพากันทำ โดยมิได้ใส่ใจเลยว่าจะก่อให้เกิดความอิดหนาระอาใจเพียงไร การกระทำเยี่ยงนี้ 


แสดงว่าวิสัยทัศน์ทางการเมืองต่ำเตี้ยเหลือที่จะกล่าว นึกไม่ถึงว่าคนเป็นนักการเมืองจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้

ที่แปลกมากก็คือ ได้มีการคัดค้านและต่อต้านกฎหมาย “ปรองดอง” จำนวน 4 ร่างแบบสุดกู่ โดยมิได้แยกแยะว่าเนื้อหาสาระใน “ร่างกฎหมายปรองดอง” มีความแตกต่างกันอย่างไร พูดกันให้ชัดก็คือทางพรรคประชาธิปัตย์พากันกกล่าวหาว่าร่างกฎหมายปรองดองทั้งหมด ล้วนแต่ทำเพื่อคน-คนเดียว อันเป็นการต่อต้านที่ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ก็เพราะว่าถ้าจะกล่าวหา “ร่างกฎหมายปรองดอง” ฉบับใดเขียนขึ้นมาเพื่อช่วย พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร (เพียงคนเดียว) ก็ควรจะเอามาตีแผ่ให้ประชาชนได้รับรู้อย่างทั่วถึง หลังจากนั้น..จะคัดค้านอย่างไรก็ชอบด้วยเหตุผล

แต่พ่อมหาจำเริญเล่นเหมารวมแบบไม่มีหูรูดแบบนี้ มันอันธพาลชัดๆ ?


เมื่อผมได้พบกับการกระทำแบบนี้ ผมเชื่อว่าหัวใจของพ่อแม่พีน้องจะโหวเหว-หมดศรัทธากับ ส.ส. (พรรคประชาธิปัตย์) อย่างรุนแรง แม้แต่สมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ดั้งเดิมประเภทคนพันธุ์แท้ก็ยังถอดใจหนี จะเหลืออยู่ก็แต่พวก “สมุนอำมาตย์” ที่ร่ำรวยได้ลาภกับการกระทำ (สุดห่าม) ที่พากันโลดแล่น-ก๋ากั่นยกพวกมาประท้วง ซึ่งก็เห็นว่ามีจำนวนไม่น้อย

          ท่านผู้อ่านครับ ผมอยากเก็บเอาความในใจมาเล่าให้ฟังว่า บ้านเมืองของเราคงไม่มีทางปรองดองได้ ทั้งนี้เนื่องจากข้อขัดแย้งได้ขยายวงกว้างไปทั้งแผ่นดิน กล่าวคือได้มีคนกลุ่มหนึ่งประกอบด้วยพันธมิตร-สันติอโศกกับพรรคประชาธิปัตย์ พากันขนานนามคนเสื้อแดงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย จนกลายเป็นเหตุให้เกิดการปราบปราม-เข่นฆ่าทารุณ รวมทั้งการจับกุมคุมขัง ล่ามโซ่ตีตรวน

ข้อกล่าวหาดังกล่าวนี้ แม้จะร้ายแรงและเป็นภัยแก่คนเสื้อแดงเพียงไร คนเสื้อแดงก็ยังพอใจที่จะสร้างความปรองดองเพื่อจะได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข แต่ทว่า “ฝ่ายคนเสื้อเหลือง และพวกอำมาตย์” ซึ่งมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นกองกำลังทางการเมืองไม่ยอมเอาด้วย

ความหวังที่จะได้สร้างความปรองดองจึงไม่อาจเกิดขึ้นได้

ผมว่านะ...ขอให้ถอนร่าง “กฎหมายปรองดอง” ออกไปเสียเถิดครับ อย่าไปปรองดองมันเลย ขอให้เหลืออยู่เพียงเรื่องเดียวคือการแก้รัฐธรรมนูญเผด็จการ เอาให้เป็น รธน. ประชาธิปไตยให้ได้

ผมอยากว่าต่อไปว่า ถ้ารัฐธรรมนูญของสยามฉบับใหม่เป็นรัฐธรรมนูญที่สนับสนุนประชาธิปไตยของประชาชน...ยกย่องอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง จะเป็นรัฐธรรมนูญที่จะนำชาติไปสู่ความรุ่งเรืองทั้งในทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง ให้เชิดหน้าชูตาแก่ตนเอง กระหึ่มไปทั่วพิภพ

แต่ทว่า...จะทำอะไรก็ทำไม่ได้ จะปรองดองก็ไม่สำเร็จ จะแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญก็ไม่ยอมให้แก้

ผมก็เชื่อว่าประเทศไทยของเราคงไม่พ้นคนไทยต้องฆ่ากันเอง (อีกครั้ง) ?!

ข้อเขียนของผมในวันนี้ ไม่ประสงค์จะให้เกิดสงคราม

แต่ถ้าหลีกไม่พ้น...ก็จำเป็นมิใช่หรือครับ ?

ไม่ปรองดอง...ก็ไม่ต้องปรองดอง...มันจะได้จบเสียที ?!

“ สอาด จันทร์ดี”
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น