วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

ไม่ใช่นักมวยไล่ชกกรรมการ กรรมการต่างหากที่ไล่ชกนักชกมวย

ไม่ใช่นักมวยไล่ชกกรรมการ กรรมการต่างหากที่ไล่ชกนักชกมวย

http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/165/48165/images/1231251040.jpg        เห็นข่าวคุณจรัญบอกว่างงที่นักมวยไล่ชกกรรมการ และก็พูดทำนองว่าไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเพราะมีงานต้องทำ ผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหลายๆคนกำลังจะจนมุมเข้าทุกทีแล้ว

        ใช้คำว่า "จนมุม" ก็ดูจะเข้ากับบรรยากาศดีทีเดียวเพราะเป็นเรื่องหมัดๆ มวยๆ

      คุณจรัญ นับได้ว่าเป็นระดับมันสมองของศาลรัฐธรรนูญที่คอยทำหน้าที่ปกป้องรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้อย่างหัวชนฝามาตลอด ด้วยความสามารถระดับคุณจรัญ ถ้าไม่จนมุมจริง ๆ คงไม่ออกลูกนี้แต่ที่ต้องมาเปรียบเทียบเป็นนักมวยกับ กรรมการก็เพราะเรื่องที่กำลังโต้แย้งเกี่ยวกับบาทบาทที่เลยเถิดของศาลรัฐ ธรรมนูญกันอยู่ในขณะนี้ ฝ่ายศาลรัฐธรรมนูญไม่มีทางโต้แย้งด้วยเหตุผลได้เลย

       ยิ่งโต้กันไปโต้กันมา คนทั้งบ้านทั้งเมืองก็ยิ่งเห็นตรงกันว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นฝ่ายผิดเต็มประตู คือกระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญเสียเอง ก้าวก่ายการทำหน้าที่ของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งๆที่ตนเองไม่มีอำนาจ และตั้งตัวอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ
 
      เมื่อรู้ว่าโต้ไปก็ยิ่งแพ้ ยิ่งเข้าเนื้อ คุณจรัญจึงใช้วิธีเปรียบเทียบที่ง่ายๆและคงหวังว่าสังคมไทยจะคล้อยตามได้ง่าย

       แต่ผมคิดว่าในหลายปีมานี้ สังคมไทยได้เรียนรู้อะไร ๆ มามากพอที่จะรู้เท่าทันคุณจรัญแล้ว ความจริงเรื่องระหว่างรัฐสภากับศาลรัฐธรรมนูญนั้นซับซ้อนเกินกว่าที่จะ เปรียบเทียบว่าฝ่ายหนึ่งเป็นนักมวยและอีกฝ่ายเป็นกรรมการ ต้องอธิบายกันหลายแง่มุม

       แต่ถ้าจะเปรียบอย่างที่คุณจรัญเปรียบคงต้องบอกว่าขณะนี้ไม่ใช่นักมวยไล่ ชกกรรมการ แต่คนดูทั้งสนามเขาเห็นว่ากรรมการนั้นไม่เป็นกลาง และทราบกันโดยทั่วไปว่า กรรมการนั้นสังกัดค่ายมวยค่ายหนึ่ง ค่ายมวยนี้นักมวยชกไม่เป็นแต่ที่ยังมีนักมวยชกอยู่ได้และบางทีก็ชนะเสียด้วย ก็เพราะมีกรรมการคอยช่วยอยู่เรื่อย มาช่วงหลังๆนักมวยก็ยิ่งชกไม่เป็น ภาษามวยเขาเรียกว่า"ออกทะเล" กรรมการก็เลยใจร้อน โดดเข้าช่วยนักมวยในสังกัดเดียวกัน ถึงขั้นชกเสียเองเลย

      เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว คนดูเขาจึงไม่สนใจแล้วว่ามวยที่ชกกันนั้นใครจะแพ้ ใครจะชนะ แต่เขาสนใจว่า จะเปลี่ยนกรรมการได้ยังไงมากกว่า

      ใครที่ชอบดูมวยหรือดูกีฬาอะไรก็ตาม ลองพบว่ากรรมการเอียงกระเท่เร่เสียแล้ว ดูยังไงก็ไม่สนุกหรอกครับ นุ่มนวลที่สุดก็คือต้องโห่ไล่กรรมการกันละครับ

       พูดเรื่องศาลรัฐธรรมนูญต่ออีกหน่อยครับ ศาลรัฐธรรมนูญกำลังเข้าตาจนแล้ว ขอใช้ภาษาหมากรุกสักหน่อย ความจริงต้องเรียกว่า หมดสภาพ คือไม่ว่าจะพิจารณาในแง่มุมไหนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคณะนี้ก็ไม่เหลือความน่าเชื่อถืออะไรอยู่อีกแล้ว
  • ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ไม่ใช่หรือที่ปลดนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง  โดยอ้างพจนานุกรมในเรื่องที่คนทั้งโลกเขางงกันไปหมด
  • ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ไม่ใช่หรือที่ยุบพรรคการเมือง 3 พรรคเพื่อจะล้มรัฐบาลๆหนึ่งลงไป เพื่อจะให้มีการตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร แล้วต่อมาก็มาอธิบายว่าทำกันไปแบบสุกเอาเผากิน ถ้าฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลจับมือกันก็คงไม่ยุบพรรคการเมืองเหล่านั้น
  • ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ไม่ไช่หรือที่มีคลิปหลุดออกมาเป็นภาพตุลาการหลายคน กำลังหารือกันว่าจะช่วยพรรคการเมืองพรรคหนึ่งให้รอดจากการถูกยุบพรรคได้ อย่างไร และยังมีภาพการหารือกันในลักษณะทุจริตเพื่อช่วยลูกหลานของพวกตนสอบเข้าทำงาน ในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญด้วย ที่แย่กว่านั้นก็คือแทนที่จะสอบหาคนผิดมาลงโทษ ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้กลับไปเอาเรื่องคนปล่อยคลิปแทน
  • ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ได้ตัดสินไม่ยุบพรรคปชป.ด้วยการตีความว่านายทะเบียน พรรคการเมืองคนเดียวใหญ่กว่ากกต.ทั้งคณะ ทั้งๆที่มีหลักฐานการกระทำผิดเป็นคันรถๆ
  • ศาลรัฐธรรนูญชุดนี้อีกเช่นกันที่ตัดสินว่าแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาลไทย กับกัมพูชาเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ แล้วต่อมาเราก็มาพบว่าแนวทางตามแถลงการร่วมนั้นเป็นประโยชน์ต่อประเทศ มากกว่าการเดินหน้าไปขึ้นศาลโลก และแถลงการร่วมก็ไม่ได้เป็นสนธิสัญญาที่จะต้องผ่านรัฐสภาแต่ก็ตีความว่าต้อง ผ่าน
  • ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ยังได้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับ การพ้นจากสมาชิกภาพของส.ส.ไปแล้วเมื่อคราวปลดนายจตุพร พรหมพันธ์ุจากส.ส.
  • ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ได้เข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงการทำหน้าที่ของรัฐสภาในการ แก้รัฐธรรมนูญทั้งๆที่ตนเองไม่มีอำนาจแต่อย่างใดเลย บอกว่าการแก้มาตรา 291 ขัดเจตนาของมาตรา 291 ซึ่งเป็นการใช้ตรรกะที่พิสดารที่สุด แนะนำว่าสมควรลงประชามติเสียก่อนทั้งๆที่ไม่มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญรองรับ พร้อมทั้งบอกให้ไปแก้เป็นรายมาตรา

        พอเขาจะแก้รายมาตรา ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ก็รับคำร้องคัดค้านอีก ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่มีอำนาจ รัฐธรรมนูญเขาบัญญัติไว้ชัดเจนว่า หากมีการออกกฎหมายหรือแก้กฎหมายในรูปแบบ ต่าง ๆ แล้วขัดต่อรัฐธรรมนูญ เมื่อรัฐสภาพิจารณาเสร็จแล้วก็เปิดโอกาสให้ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ พิจารณาว่าร่างกฎหมายนั้นขัดต่อรัฐธรรนูญหรือไม่ แต่สำหรับการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชดเจนว่าเป็นอำนาจ หน้าที่ของรัฐสภาและไม่มีบทบัญญัติใดเลยที่บอกว่าเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ

        แต่นี่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังใช้อำนาจที่ไม่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทุกขั้นตอนตามอำเภอใจ

       มาถึงการแก้มาตรา 68 เพื่อไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจเกินขอบเขต ศาลรัฐธรรมนูญก็กำลังรับพิจารณาในประเด็นว่าการแก้มาตรา 68 ขัดต่อมาตรา 68 หรือไม่ ตรรกะแบบพิสดารมาอีกแล้ว

      เมื่อศาลรัฐธรรมนูญจงใจขัดรัฐธรรมนูญเสียเองอย่างโจ่งแจ้งอย่างนี้ จึงถูกต้องแล้วที่สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจ ที่จะรับคำร้องและพิจารณาตรวจสอบการแก้รัฐธรรมนูญอย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญทำ อยู่และก็เป็นการถูกต้องแล้วที่สมาชิกรัฐสภาหลายๆคนรวมทั้งประชาชนจะหาทาง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญถอดถอนตุลาการบางคนที่จงใจขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง

        นอกจากนั้น ขั้นตอนต่อไปที่ดูเหมือนจะไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้วก็คือการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อกำหนดที่มา องค์ประกอบ บทบาท อำนาจ หน้าที่ กระบวนการ วิธีการทำงานตลอดจนการตรวจสอบศาลรัฐธรรมนูญเสียใหม่ให้สอดคล้องกับหลัก ประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม

       วิกฤตของบ้านเมืองเราในหลายปีมานี้ ความจริงแล้วต้นเหตุสำคัญอย่างยิ่งก็มาจากบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญนี้เอง วิกฤตที่เกิดจากการตั้งตนอยู่เหนือรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้จะ ได้รับการแก้ไขได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อสังคมเราร่วมกันยกเครื่องระบบ กติกาเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญทั้งระบบเสียใหม่ให้ถูกต้องครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น