ประชาไท รายงานเมื่อ 20 สค. 57 ว่า หลังการรัฐประหารมีผู้ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทั้งหมด 15 คน อันที่จริง ยังมีผู้หลบหนีไม่รายงานตัวอีกจำนวนหนึ่ง ถ้ายึดตามรายงานของไทยรัฐ วันที่ 25 กค. 57 มีจำนวน 55 คน ในจำนวนนั้นส่วนหนึ่งเป็นผู้ที่เคยถูกดำเนินคดี 112 มาก่อนแล้วแต่ได้รับการอภัยโทษแล้วหรือไม่ก็คดีสิ้นสุดแล้ว อีกส่วนหนึ่งคาดว่าอาจจะถูกดำเนินคดี 112 หากคนเหล่านี้มารายงานตัว ก็อาจจะทำให้จำนวนผู้ถูกดำเนินคดีเพิ่มขึ้นอีก
การดำเนินคดี 112 ในขณะนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาของกฎหมายข้อนี้ที่คาราคาซังมาเนิ่นนานอยู่แล้วหลายประการด้วยกันดังนี้
- หนึ่ง ผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่ไม่ได้รับการประกันตัว มีเพียงผู้มีชื่อเสียง 2 คนจาก 15 คน (ตามรายงานของประชาไท) เท่านั้นที่ได้รับการประกันตัว ทั้งนี้อาจเพราะเพื่อลดความกดดัน หากแต่ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียง ไม่เป็นที่รู้จัก หรือมีอาชีพที่ไม่มั่นคง จึงแทบไม่เป็นข่าว ไม่มีใครรับรู้ และไม่มีหลักประกันอย่างเป็นทางการ เช่น นักศึกษามหาวิทยาลัยต่างจังหวัด ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เป็นเกษตรกร นี่สะท้อนความยุติธรรมที่วางอยู่บนความเหลื่อมล้ำของสังคม
- สอง ผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่ถูกตีตราว่าเป็นคนผิด ก่อนที่จะมีการดำเนินคดี ข้อนี้เห็นได้ชัดจากกรณีของผู้ต้องหารายล่าสุด ที่ถูกปฏิเสธไม่ให้ประกันตัวเนื่องจาก "การกระทำความผิดของผู้ต้องหากับพวก..." ซึ่งเป็นเสมือนการตัดสินไปก่อนแล้วว่าผู้ต้องหา "กระทำความผิด" ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดำเนินคดี นี่แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ไม่ให้ความยุติธรรมกับผู้ต้องหาก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
- สาม มีแนวโน้มที่การดำเนินคดีจะไม่โปร่งใส และอาจจะไม่ได้รับความยุติธรรมยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการประกาศใช้ศาลทหาร และผู้ถูกดำเนินคดีบางรายถูกดำเนินคดีโดยศาลทหาร ข้อนี้ยิ่งทำให้ผู้ถูกเรียกตัวจำนวนมากลังเลที่จะเข้ารายงานตัว
- สี่ ถูกใช้เพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับการดำเนินคดีที่ผ่านมา และในกรณีหลังการรัฐประหาร แนวโน้มนี้ยิ่งเด่นชัดขึ้นว่าผู้ถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่ หรืออาจจะทั้งหมด ล้วนเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองที่ขัดแย้งกับผู้มีอำนาจในปัจจุบัน หรือเป็นฝ่ายที่ต่อต้านอำนาจของคณะรัฐประหาร คณะรัฐประหารจึงใช้คดี 112 เพื่อหวังผลสืบเนื่องจากการดำเนินคดี กล่าวคือเพื่อลดการต่อต้านคณะรัฐประหาร ด้วยการข่มขู่ว่าจะดำเนินคดี 112
หากแนวโน้มยังคงเป็นเช่นนี้ การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคดี 112 ก็จะกลายเป็นเครื่องมือในการควบคุมทางการเมืองที่คนกลุ่มหนึ่ง ชนชั้นหนึ่ง ใช้อย่างลำเอียงต่อคนอีกกลุ่มหนึ่ง อีกชนชั้นหนึ่ง ตลอดจนสะท้อนปัญหาความยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำของสังคม ปัญหาการกระบวนการยุติธรรมและทัศนคติของเจ้าหน้าที่รัฐ และเหนืออื่นใดคือ ปัญหาการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนอยู่ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น