คณะกรรมการตรวจสอบรับรองภาพยนตร์อินเดียห้ามไม่ให้เผยแพร่ภาพยนตร์เรื่อง "คาอูมดีฮีรี" ซึ่งเกี่ยวกับชาวซิกข์ที่สังหารอินทิรา คานธี เนื่องจากความแค้นที่ใช้กองกำลังปราบปรามกลุ่มกบฏ อ้างเป็นการยกย่องผู้ลอบสังหาร แต่ทางโปรดิวเซอร์มองว่าภาพยนตร์ของเขาแค่นำเสนอภาพประวัติศาสตร์ด้วยความเป็นกลาง
23 ส.ค. 2557 คณะกรรมการตรวจสอบรับรองภาพยนตร์ของทางการอินเดียปิดกั้นไม่ให้มีการเผยแพร่ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีอินทิรา คานธี ในปี 2527 โดยอ้างว่าจะกลายเป็นการยกย่องผู้ที่สังหารเธอและอาจทำให้เกิดการประท้วงด้วยความรุนแรง
คณะกรรมการกล่าวว่าภาพยนตร์ดังกล่าวให้การยกย่องสองบอดี้การ์ดชาวซิกข์ผู้สังหารคานธีเพื่อแก้แค้นที่เธอปราบกลุ่มกบฏติดอาวุธโดยมีการสั่งให้กองทัพโจมตีวิหารทองคำซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวซิกข์ ซึ่งก่อนหน้านี้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมีกำหนดฉายภายในวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา
ลีลา แซมซัน ประธานคณะกรรมการตรวจสอบรับรองภาพยนตร์ของอินเดียกล่าวว่าคณะกรรมการได้รับชมภาพยนตร์แล้วจึงตัดสินใจระงับการเผยแพร่เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยหลังจากที่กระทรวงกิจการภายในของอินเดียเคยแสดงความกังวลในเรื่องนี้ แซมซันกล่าวอีกว่านอกจากจะเป็นการยกย่องผู้สังหารอินทิรา คานธีแล้ว ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวยังยกย่องการประหารชีวิตด้วยการแขวนคอชายทั้งสองคนด้วย
อัลจาซีร่ารายงานว่าภาพยนตร์เรื่อง "คาอูมดีฮีรี" (Kaum De Heere) หรือ "เพชรแห่งชุมชน" เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของชายชาวซิกข์ 3 คน ซึ่ง 2 คนในนั้นเป็นบอดี้การ์ดผู้สังหารคานธีด้วยอาวุธปืนเนื่องจากเหตุปราบปรามกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในรัฐปัญจาบช่วงราว 30-40 ปีที่แล้ว
โดยในปี 2527 อินทิรา คานธี ได้สั่งให้ทหารเข้าปราบปรามกลุ่มกบฏติดอาวุธชาวซิกข์ซึ่งวางกำลังอยู่ในวิหารทองคำ ปฏิบัติการนี้ทำให้ชาวซิกข์รู้สึกโกรธแค้นจนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับชุมชนชาวซิกข์แตกแยก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่คานธีถูกสังการ ประเทศอินเดียก็เกิดกระแสต่อต่านชาวซิกข์จนเกิดเป็นการจลาจลทำให้มีชาวซิกข์เสียชีวิตมากกว่า 2,000 คน
เจ้าหน้าที่ทางการอินเดียเปิดเผยอีกว่าเหคุการณ์จับกุมหัวหน้าคณะเซนเซอร์ภาพยนตร์ในอินเดียด้วยข้อกล่าวหาว่าเขารับเงินสินบนเพื่อให้มีการห้ามฉายภาพยนตร์ทำให้มีคนสนใจต่อการห้ามฉายในกรณีของ "คาอูมดีฮีรี"
ขณะเดียวกันหัวหน้าพรรคการเมืองอินเดียทั้งพรรคผู้นำรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านต่างก็เรียกร้องให้มีการแบนภาพยนตร์เรื่องนี้เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการกระทบต่อจิตใจของประชาชนผู้นับถือศาสนา
ทางด้านประทีป บานซัล โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวว่าภาพยนตร์ของพวกเขาเป็นเรื่องที่สร้างจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์และเขาต้องการให้มีการพิจารณาการตัดสินใจใหม่อีกครั้ง
"มันเป็นภาพยนตร์ที่มีความเป็นกลาง คนบางคนแค่พยายามทำให้มันเกิดเป็นข้อถกเถียง" บานซัลกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น