ไต่สวนการตาย 'ฮิโรยูกิ-ทศชัย-วสันต์' เหยื่อกระสุน 10 เม.ย. 53 พนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 เบิกความ ระบุจากการสอบสวน ผู้ตายเสียชีวิตจากกระสุนปืนความเร็วสูง โดยมีแนววิถีกระสุนมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ทหาร
เมื่อว้นที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ ช.1/2555 ที่พนักงานอัยการ สำนักอัยการคดีพิเศษ ฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น ผู้ตายที่ 1 นายวสันต์ ภู่ทอง ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ตายที่ 2 และนายทศชัย เมฆงามฟ้า ผู้ชุมนุม นปช. ผู้ตายที่ 3 ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 โดยพนักงานอัยการนำ ร.ต.อ.อริย์ธัช อธิสุรีย์มาศ พนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 เข้าเบิกความต่อจากนัดที่แล้ว
ทนายญาติผู้ตายถามพยานว่า ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มีการใช้อาวุธสงครามในการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ โดยเบิกอาวุธของราชการไปใช่หรือไม่ พยานเบิกความว่า ทราบว่ามีการเบิกอาวุธของราชการไปใช้ปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นอาวุธชนิดใด ส่วนระหว่างการชุมนุมจะมีผู้ชุมนุมก่อเหตุการณ์ความวุ่นวายหรือไม่ พยานไม่ทราบ แต่ทราบว่ามีการชุมนุมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน และมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก โดยขยายพื้นที่การชุมนุมจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศไปถึงวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนดินสอ และสี่แยกคอกวัว
พยานเบิกความอีกว่า ในวันที่ 10 เม.ย.2553 ทราบว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารขอคืนพื้นที่บริเวณสี่แยกคอกวัวถึงถนนดินสอ ต่อมาเวลาประมาณ 20.00 น. ทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ตั้งแต่บริเวณกลางถนนดินสอและวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยพยานเห็นภาพถ่ายรถหุ้มเกราะของทหารที่กองพิสูจน์หลักฐานบันทึกไว้ขณะเข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ แต่ไม่ทราบว่ามีการใช้อาวุธสงครามหรือไม่
พยานเบิกความต่อว่า หลังเกิดเหตุ ทราบว่า มีประชาชนเสียชีวิตทั้งหมด 11 ราย และมีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บด้วย โดยทราบว่า พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิต และมีเจ้าหน้าที่ทหารถูกยิงบาดเจ็บ แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ยิงและยิงมาจากทิศทางใด เนื่องจากมีการสอบสวนแยกเป็นอีกคดี แต่ตนไม่ได้ร่วมสอบสวนด้วย จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดทราบว่า นายฮิโรยูกิ นายวสันต์ และนายทศชัย เสียชีวิตจากกระสุนปืนความเร็วสูง โดยมีแนววิถีกระสุนมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ทหาร นอกจากนี้ยังมีประชาชนที่เสียชีวิตจากกระสุนปืนความเร็วสูงอีกหลายราย แต่หลังการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น สน.พลับพลาไชย 1 ส่งสำนวนไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยไม่ได้ลงความเห็นว่า ใครเป็นผู้กระทำ
ร.ต.อ.อริย์ธัช เบิกความต่อว่า ต่อมาดีเอสไอส่งสำนวนมาให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อส่งให้ สน.พลับพลาไชย 1 สอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากมีหลักฐานอ้างว่าเป็นการตายจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารที่อ้างว่าปฏิบัติงานตามหน้าที่ บช.น.จึงตั้งคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่ จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ลงความเห็นว่า การตายของผู้ตายทั้ง 3 เกิดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่อ้างว่าปฏิบัติงานตามหน้าที่ จึงสรุปสำนวนส่งอัยการ เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลให้ไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150
ด้าน พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผู้บังคับการกองโยธาธิการ เบิกความว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง หัวหน้าคณะทำงานพนักงานสอบสวน ให้เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบบริหารงานสืบสวนคดีของนายฮิโรยูกิเพียงคนเดียว แต่ภายหลังดีเอสไอส่งสำนานของนายวสันต์และนายทศชัยมาให้สอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งดีเอสไอสอบสวนพยานหลักฐานไปเพิ่มเติมแล้ว สำหรับประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน คณะพนักงานสอบสวนได้เรียกพยานที่ดีเอสไอเคยสอบสวนไปแล้วและที่ยังไม่ได้สอบสวนมาสอบสวนเพิ่มเติม โดยสอบสวนพยานบุคคลทั้งสิ้น 52 ปาก ในจำนวนนี้เป็นพยานผู้กล่าวหา 2 ปาก คือน้องชายของนายฮิโรยูกิที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้เป็นประจักษ์พยาน พยานแวดล้อม เจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในจุดเกิดเหตุ พยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ พนักงานสอบสวนชุดเดิม พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีของดีเอสไอ พยานวัตถุ และพยานเอกสาร
พล.ต.ต.วัลลภ เบิกความอีกว่า สำหรับพยานวัตถุเป็นซีดีคลิปวิดีโอ 13 รายการ รวม 15 แผ่น ส่วนพยานเอกสารเป็นรายงานการชันสูตรพลิกศพ รายงานการตรวจสถานที่เกิดเหตุ รายงานการตรวจร่องรอยวิถีกระสุน รายงานการตรวจสารพันธุกรรม รายงานการตรวจสอบวัตถุระเบิด ภาพถ่ายของผู้ตายทั้ง 3 รวมถึงเอกสารต่างๆ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. ที่นำมามอบให้พนักงานสอบสวน รวมทั้งสิ้น 33 รายการ นอกจากนี้ยังมีรายงานผลการสอบสวนของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่จ้างนักสืบเอกชนเข้ามาหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตายของนายฮิโรยูกิส่งมาให้พนักงานสอบสวนด้วย
พล.ต.ต.วัลลภ เบิกความต่อว่า ในส่วนของพยานวัตถุที่สำคัญคือคลิปวิดีโอเหตุการณ์บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งบันทึกโดยนายฮิโรยูกิ และคลิปวิดีโอที่ได้รับจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอจากกล้องของนายฮิโรยูกิที่บันทึกไว้ขณะเกิดเหตุ หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว คณะพนักงานสอบสวนตั้งประเด็นไว้ 4 ประเด็น ได้แก่ 1.สถานการณ์ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร ผู้ตายเสียชีวิตบริเวณใดและเวลาใด จากการสอบสวนนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพให้การว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่มาขอคืนพื้นที่และพื้นผิวจราจรบริเวณถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณที่เกิดเหตุให้การว่า ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยชอบด้วยกฎหมาย
พยานเบิกความว่า จากการรวบรวมภาพของนายฮิโรยูกิ มีภาพนิ่งที่ถ่ายโดยนายสรณคมน์ บัวพึ่งน้ำ ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ จำนวน 2 ภาพ นำมามอบให้พนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นภาพหลังจากนายฮิโรยูกิถูกยิงแล้วและถูกอุ้มออกจากที่เกิดเหตุ แต่จากการสอบสวนนายสรณคมน์ก็ได้ภาพขณะนายฮิโรยูกิกำลังทำข่าวการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บริเวณต่างๆ เพิ่มมาอีก 8 ภาพ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา 15.20-21.10 น. และในการสอบสวนนายไพบูลย์ น้อยเพ็ง ผู้ชุมนุม นปช. ได้นำคลิปวิดีโอขณะนายฮิโรยูกิกำลังบันทึกเหตุการณ์การชุมนุมบริเวณจุดเกิดเหตุหน้าโรงเรียนสตรีวิทยามาประกอบคำให้การด้วย โดยในคลิปมีภาพของนายไพบูลย์ นายฮิโรยูกิ และนายวสันต์
พยานเบิกความอีกว่า สำหรับประเด็นแรกที่ตั้งประเด็นว่า ผู้ตายเสียชีวิตบริเวณใดและเวลาใด สรุปข้อเท็จจริงได้ว่า นายฮิโรยูกิเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ถ่ายภาพเหตุการณ์อยู่บิรเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ส่วนประเด็นที่ 2 ใครเป็นผู้ทำให้ผู้ตายทั้ง 3 ถึงแก่ความตาย จากการสอบสวนไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่า ใครเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้ง 3 คน แต่มีพยานที่ใกล้ชิดเหตุการณ์ คนแรกคือนายไพบูลย์ให้การยืนยันว่า อยู่ห่างจากนายฮิโรยูกิประมาณ 3 เมตร และเห็นผู้ตายถูกยิงล้มลง พร้อมนำคลิปวิดีโอประกอบคำให้การ
พล.ต.ต.วัลลภ เบิกความต่อว่า คนที่ 2 คือนายอุดร วรรณสิงห์ ผู้ชุมนุม นปช. ยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุอยู่ห่างจากนายฮิโรยูกิประมาณ 5 เมตร และเห็นผู้ตายถูกยิงล้มลง คนที่ 3 คือ ด.ต.ชาตรี อุสารัมย์ ยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุอยู่ห่างจากนายฮิโรยูกิประมาณ 1 เมตร และเห็นผู้ตายถูกยิงล้มลง จึงเข้าไปช่วยเหลือและมีคราบโลหิตของนายฮิโรยูกิติดอยู่ที่กางเกงของ ด.ต.ชาตรี จากการส่งชิ้นส่วนจากกางเกงที่มีคราบเลือดไปตรวจสอบ พบว่าเป็นคราบโลหิตของนายฮิโรยูกิจริง ซึ่งพยานทั้ง 3 ปาก เป็นพยานใกล้ชิดเหตุการณ์ให้การยืนยันว่า ในขณะที่นายฮิโรยูกิถูกยิงล้มลงนั้น มีแสงไฟและเสียงปืนมาจากฝั่งของเจ้าหน้าที่
พล.ต.ต.วัลลภ เบิกความเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังมีพยานแวดล้อมอื่นๆ แต่อยู่ห่างจากผู้ตายออกมา คือนายดำเนิน ยาท้วม ให้การ่วา เห็นเหตุการณ์ขณะที่นายวสันต์ถูกยิง โดยได้ยินเสียงปืนและเห็นแสงไฟมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ทหาร ส่วนนายเพชรพงษ์ พงษ์สิทธิศักดิ์ นายณัชพงศ์ โพธิยะ นายควญคิต เชียงศิริ และพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรักษ์ ไม่เห็นนายฮิโรยูกิและนายวสันต์ในขณะถูกยิง ยกเว้นนายณัชพงศ์ให้การว่า เห็นนายทศชัยถูกยิง โดยพยานแวดล้อมทั้งหมดให้การสอดคล้องกันว่า ขณะผู้ตายที่ 1-3 ถูกยิง มีเสียงปืนและแสงไฟมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจาก พล.ต.วัลลภ ยังเบิกความไม่เสร็จสิ้น ศาลจึงนัดไต่สวนพยานปากนี้ครั้งต่อไปในวันที่ 28 พ.ย. เวลา 09.00 น.