วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

‘พล.ท.กัมปนาท’ ปัดแฉ ‘ดาวดิน’ รับเงิน 5 หมื่น ‘ชู 3 นิ้ว’ ระบุเพียงข้อมูลการข่าวเบื้องต้นเท่านั้น

หลังจากที่วานนี้(1 ธ.ค.57) พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกลุ่มนักศึกษา ม.ขอนแก่น 5 คนที่ออกมาชูนิ้วแสดงสัญลักษณ์ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ลงพื้นที่จ.ขอนแก่น ในช่วงที่ผ่านมาว่า ที่ผ่านมาคสช.ได้มีการพูดคุยกับอธิการบดี และคณบดีของมหาวิทยาลัยดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนักศึกษาบางกลุ่มมีกลุ่มการเมืองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เราต้องช่วยกัน เช่น กรณีนักศึกษาที่จ.ขอนแก่น จากการที่ตนได้ดำเนินการหาข่าวพบว่ากลุ่มนักศึกษาดังกล่าวถูกว่าจ้างมา เพื่อต้องการแย่งชิงพื้นที่สื่อของนายกรัฐมนตรี โดยได้รับการว่าจ้างมาจำนวน 50,000 บาท จากนักการเมืองในพื้นที่ แต่ตนติดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
จนกลุ่มดาวดิน ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดส่งถึง นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยเนื้อหาระบุว่า ด้วยปรากฏตามข่าวว่า พล.ท.กัมปนาท ให้สัมภาษณ์ปรักปรำกล่าวหาว่าถูกว่าถูกจ้างมาเพื่อต้องการแย่งชิงพื้นที่สื่อ ของนายกรัฐมนตรี โดยได้รับการว่าจ้างมาจำนวน 50,000 บาท จากนักการเมืองในพื้นที่นั้นอยากจะให้กรรมการสิทธิมนุษยชนตรวจสอบและพิจารณาเรื่องนี้โดยด่วน
ล่าสุดวันนี้(2 ธ.ค.57) ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า พล.ท.กัมปนาท กล่าวถึง กรณีดังกล่าวว่า ตนได้หารือและให้ข้อมูลกับ นพ.นิรันดร์ แล้วว่าข้อมูลที่ตนได้ให้กับสื่อมวลชนนั้นเป็นรายงานข้อมูลด้านการข่าวเบื้องต้น ซึ่งไม่ได้เป็นการแฉว่า นักศึกษากลุ่มดังกล่าวถูกนักการเมืองท้องถิ่นว่าจ้างมา เป็นเพียงการรายงานข้อมูลทางด้านการข่าวเข้ามาให้รับทราบเท่านั้น เพราะยังต้องรับฟังข้อมูลจากด้านอื่นสนับสนุน และต้องมีการประมวลผลด้วย
ทั้งนี้ นพ.นิรันดร์ ก็บอกว่าเด็กกลุ่มนั้นปฏิเสธว่า ไม่ได้รับเงินว่าจ้างและเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงออกด้านความคิดเห็นของแต่ละคน ทางเราก็ไม่อยากให้เกิดการทะเลาะกัน แต่ต้องการจะห้ามปรามเท่านั้น ส่วนที่มีความเป็นห่วงเกรงว่า ประเด็นดังกล่าวจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงเหมือนกับเหตุการณ์ 14 ต.ค.2516
พล.ท.กัมปนาท กล่าวอีกว่า เราพยายามพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน และไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ตนรับฟังจากทุกฝ่าย และไม่ได้ปรักปรำเด็กกลุ่มดังกล่าวว่ารับเงินว่าจ้าง แต่เป็นเพียงการรายงานด้านการข่าวเท่านั้น ซึ่งตนยังไม่ได้บอกว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ เราเคารพอุดมการณ์ของทุกกลุ่มและทุกฝ่าย เพื่อรักษาบรรยากาศการปรองดองให้บ้านเมือง ส่วนตนจะต้องไปทำความเข้าใจกับเด็กกลุ่มดังกล่าวหรือไม่นั้นในแต่ละกองทัพภาคมีทีมงานลงพื้นที่เพื่อไปพูดคุยเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม เราพยายามพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจกัน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่สุด และการยุติความขัดแย้งจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ความคิดเห็นต่างต้องอาศัยการพูดคุยเป็นหลัก ดังนั้นขอร้องทุกฝ่ายว่าอย่าทำให้เราทะเลาะกับใครเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น