ภาพของ ฉัตรมงคล วัลลีย์ (ซ้ายมือ) ขณะถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบควบคุมตัว
บริเวณสถานีรถไฟบ้านโป่ง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2558 ขณะที่กำลังเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์
ทหาร-ตำรวจ อุ้ม นักกิจกรรมวัย 21 หายจากบ้าน หลังตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ ขู่ให้เซ็นสัญญายุติเคลื่อนไหว พร้อมโชว์หมายเรียกเกณฑ์ทหาร เจ้าตัวแย้งว่าไม่ได้หลบหนี แต่ไม่ได้ไปเกณฑ์ด้วยเหตุจำเป็นและยินยอมเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี สุดท้ายยอมเซ็นรับเงื่อนไขเนื่องจากหวั่นเรื่องสวัสดิภาพของตัวหากถูกเรียกฝึกในค่ายทหารและภาระดูแลพ่อที่ป่วยหนัก
10 ธันวาคม 2558 เวลา 09.30 น.ได้มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบในชุดทหาร 3 นายและตำรวจ 1 นาย เดินทางไปที่บ้านของนายฉัตรมงคล วัลลีย์ นักกิจกรรมทางการเมืองที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมตรวจสอบการทุจริตอุทยานราชภักดิ์เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยได้เข้าควบคุมตัวเขาขึ้นรถออกจากบ้านโดยแจ้งกับนางศุภลักษณ์ อำนาจเกษม มารดาของฉัตรมงคลว่าขอเอาตัวไปคุย เดี๋ยวจะพามาส่ง
ด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย นางศุภลักษณ์จึงได้ตามตัวบุตรชายไปที่หน่วยทหารบริเวณใกล้ๆบ้านที่ลูกชายเคยถูกเรียกไปรายงานตัว และได้ตามไปที่ สน.บางมด แต่ทางเจ้าหน้าที่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีการนำตัวนายฉัตรมงคลมายังหน่วยงานของตัว
นางศุภลักษณ์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายได้ถูกเรียกให้ไปรายงานตัวที่หน่วยทหารชั่วคราวที่ตั้งอยู่ในเขตบางมด เจ้าหน้าที่ทหารกำหนดให้ฉัตรมงคลต้องไปรายงานตัวเป็นประจำและสั่งไม่ให้เขาเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง แต่ต่อเมื่อได้มีกิจกรรมตรวจสอบการทุจริตอุทยานราชภักดิ์เกิดขึ้น นายฉัตรมงคลไปเข้าร่วมและไม่ได้ไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ทหาร จึงอาจเป็นเหตุให้เกิดการคุมตัวออกจากบ้านดังกล่าว
'ประชาไท'ได้สอบถามทางโทรศัพท์ถึงเป้าประสงค์การควบคุมตัวนายฉัตรมงคลออกจากที่พัก เจ้าหน้าที่ทหารที่นำตัวนายฉัตรมงคลมาส่งได้แจ้งว่าเป็นการพาตัวไปทานข้าวร่วมกันเท่านั้น เนื่องจากนายฉัตรมงคลไม่ได้ไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตามกำหนดเวลา และเนื่องจากว่ามี 'ผู้พัน' ลงมาพื้นที่เลยพานายฉัตรมงคลไปพูดคุยด้วย
ประชาไทได้สอบถามถึงชื่อและตำแหน่งของนายทหารผู้ที่ให้ข้อมูลและชื่อตำแหน่งของ 'ผู้พัน' ที่เรียกตัวนายฉัตรมงคลไปพบ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่สะดวกที่จะเปิดเผยชื่อและสังกัด
หลังจากนั้น เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปที่นายฉัตรมงคลอีกรอบหลังจากที่ชุดเจ้าหน้าที่ได้เดินทางกลับไป นายฉัตรมงคลเล่าให้ฟังว่าทหารได้พาไปทานอาหารจริง และได้พาไปพบกับ 'ผู้พัน' ซึ่งทราบแต่เพียงว่ามาจากกาญจนบุรี ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่นี้ 'ผู้พัน' ได้นำหมายเรียกเกณฑ์ทหารที่นายฉัตรมงคลไม่ได้ไปตามหมายเรียกออกมาให้ดู พร้อมกับบอกให้นายฉัตรมงคลหยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่อย่างนั้นคราวหน้าจะมา 'อุ้ม' เอาไปเป็นทหารเลย
นายฉัตรมงคลชี้แจงว่าการที่ตนไม่ได้ไปเกณฑ์ทหารนั้นมีสาเหตุความจำเป็นเนื่องจากนายวิไลย์ วัลลีย์ อายุ 63 ปี ได้ป่วยหนักต้องผ่าตัดเอาไตออกไปข้างหนึ่ง ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ในฐานะที่ตัวเป็นลูกจึงต้องทำหน้าที่ดูและ และหลังจากนั้นก็ได้ไปรายงานตัวกับสัสดี โดยสัสดีก็ได้ส่งเรื่องการไม่ไปเกณฑ์ไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อทำสำนวนส่งฟ้องแล้ว ไม่ได้หลบหนีไปไหน สุดท้ายเจ้าหน้าที่ทหารได้เอาหนังสือยืนยันว่านายฉัตรมงคลจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางการเมืองมาให้เซ็นซึ่งนายฉัตรมงคลได้ยอมเซ็นแต่โดยดี เจ้าหน้าที่ทหารจึงได้ยอมนำตัวมาส่งบ้านเมื่อเวลาประมาณ 14.28 น.
เด็กหนุ่มนักกิจกรรมการเมืองวัย 21 ปี ยอมรับว่าสาเหตุในการเซ็นยอมรับเงื่อนไข เนื่องจากมีความหนักใจว่าหากต่อไปตัวต้องเข้ารับการฝึกทหาร ภาระที่ต้องดูแลพ่อที่มีอาการป่วยเรื้อรังแล้วและยังห่วงเรื่องสวัสดิภาพของตัวเองหากต้องเข้ารับการฝึกทหารด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น