วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558

‘ศูนย์ทนายสิทธิฯ’ จี้ คสช. เปิดเผยที่คุมตัว ‘หนุ่มผังราชภักดิ์’ หลังหายตัวไป 4 วัน


11 ธ.ค. 2558 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ต่อการบังคับให้สูญหาย นายฐนกร ศิริไพบูลย์ ซึ่งถูก ฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวหาว่านายฐนกรกระทำความผิดตามมาตรา 14 พระราชบัญญัติการกระทำความความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 112 และมาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากการโพสต์ข้อมูลการทุจริตในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์
โดย ศูนย์ทนายฯ ระบุว่า นายฐนกร ถูกจับและควบคุมตัวไปโดยเจ้าหน้าที่ทหารตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.58 จนปัจจุบันเป็นเวลาว่า 4 วันที่ญาติและทนายความพยายามติดตามตัวนายฐนกร แต่ไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลที่เป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับนายฐนกรได้ และยังไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัว นายฐนกร ไว้ที่ใดและมีชะตากรรมเป็นเช่นไร
ศูนย์ทนายฯ เรียกร้องให้ คสช. เคารพต่อรัฐธรรมนูญและพันธกรณีระหว่างประเทศตามที่ประกาศไว้ต่อประชาชนและประชาคมโลก โดยยุติการใช้อำนาจในการควบคุมตัวบุคคลตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 และขอให้เปิดเผยสถานที่ ที่ใช้ในการควบคุมตัวบุคคล เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรมตามข้อ 14 กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
แถลงการณ์ต่อการบังคับให้สูญหายนายฐนกร ศิริไพบูลย์
ตามที่นายฐนกร ศิริไพบูลย์ พนักงานบริษัทเอกชนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวจากบริษัทเอกชนย่านสมุทรปราการเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.58 จากกรณีที่พล.ต.วิจารณ์ จดแตง พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวหาว่านายฐนกรกระทำความผิดตามมาตรา 14 พระราชบัญญัติการกระทำความความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ.2550 มาตรา 112 และมาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากการโพสต์ข้อมูลการทุจริตในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับการติดต่อจากญาตินายฐนกรเพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.58 จึงได้ติดตามสอบถามไปยังเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรีซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลทหารบกที่ 11 แต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้แจ้งว่าไม่มีตัวนายฐนกรอยู่ในความควบคุม และไม่ทราบว่านายฐนกรอยู่ที่ใด ในขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่ทราบสังกัดนอกเครื่องแบบอีกรายหนึ่งได้แจ้งว่าการควบคุมตัวนายฐนกรเป็นการควบคุมตัวตามอำนาจในมาตรา 44 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว)พ.ศ. 2557 ซึ่งไม่สามารถแจ้งได้ว่านายฐนกรถูกควบคุมตัวอยู่ที่ใด
ต่อมาวันที่ 11 ธ.ค.58 ญาตินายฐนกรได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจสมุทรปราการว่าคดีดังกล่าวมีการแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามให้ลองไปสอบถามข้อมูลที่ดังกล่าว ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจึงได้ไปติดตามที่กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามแต่ไม่พบตัวนายฐนกร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าคดีดังกล่าวได้มีการมาแจ้งความและออกหมายจับแล้วแต่ยังไม่มีการควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นับแต่ที่นายฐนกร ถูกจับและควบคุมตัวไปโดยเจ้าหน้าที่ทหารตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2558 จนปัจจุบันเป็นเวลาว่าสี่วันที่ญาติและทนายความพยายามติดตามตัวนายฐนกร แต่ไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลที่เป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับนายฐนกรได้ และยังไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวนายฐนกรไว้ที่ใดและมีชะตากรรมเป็นเช่นไร
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเห็นว่าการที่เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ซึ่งให้อำนาจควบคุมตัวบุคคลได้ไม่เกินเจ็ดวัน โดยปกปิดสถานที่ควบคุมตัวนั้นเป็นการละเมิดพันธกรณีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญ โดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance: CED) ซึ่งประเทศไทยได้ลงนามแล้วตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2555 เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพของบุคคลโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และตามมาด้วยการปกปิดสถานที่ควบคุมตัว ทำให้บุคคลอยู่ภายนอกการคุ้มครองของกฎหมาย ซึ่งตั้งแต่ประกาศใช้คำสั่งดังกล่าวไม่มีกรณีใดเลยที่เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยหรือเจ้าหน้าที่ทหารแจ้งสถานที่ควบคุมตัวอย่างเป็นทางการ ดังนั้นนายฐนกร ศิริไพบูลย์จึงถือเป็นบุคคลที่ถูกบังคับสูญหายตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.58
การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารที่ควบคุมตัวบุคคลโดยปกปิดสถานที่นั้นอาจส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เช่นการทรมาน หรือการฆ่านอกระบอบกฎหมาย และทำให้ผู้ถูกควบคุมตัวขาดหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐานต่าง เช่น สิทธิเข้าถึงทนายความ สิทธิที่จะได้พบญาติ สิทธิที่จะติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก สิทธิที่จะยื่นคำร้องต่อศาลให้พิจารณาความอบด้วยกฎหมายของการควบคุมตัว เป็นต้น อันเข้าข่ายการควบคุมตัวโดยพละการหรือโดยอำเภอใจ เป็นการละเมิดพันธกรณีตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและขัดกับมาตรา 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติบัญญัติรับรองสิทธิและเสรีภาพที่ประชาชนเคยได้รับการคุ้มครองตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไทยมีอยู่แล้ว
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจึงขอเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติเคารพต่อรัฐธรรมนูญและพันธกรณีระหว่างประเทศตามที่ประกาศไว้ต่อประชาชนและประชาคมโลก โดยยุติการใช้อำนาจในการควบคุมตัวบุคคลตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 และขอให้เปิดเผยสถานที่ ที่ใช้ในการควบคุมตัวบุคคล เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรมตามข้อ 14 กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ด้วยความเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น