วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558

นายตำรวจมือทำคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาขอลี้ภัยออสเตรเลีย-เพราะเกรงผู้มีอิทธิพล


พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้นำการสืบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงยา ยื่นขอลี้ภัยในออสเตรเลีย โดยกล่าวว่าเพราะคดีของเขาสืบสาวไปถึงผู้มีอิทธิพลรวมถึงนักการเมืองและคนในเครื่องแบบ ทำให้เขาต้องการลี้ภัยเพราะเกรงจะถูกหมายเอาชีวิต
10 ธ.ค. 2558 - เว็บไซต์เดอะการ์เดียนรายงานว่า พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 อดีตผู้บัญชาการพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงยา ได้ยื่นขอลี้ภัยในประเทศออสเตรเลียเพราะกลัวว่าจะถูกหมายเอาชีวิตหลังจาก โดยเขากล่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างประเทศว่ารัฐบาลไทยชุดปัจจุบันรวมถึงทหารและตำรวจมีส่วนรู้เห็นในเรื่องการค้ามนุษย์และต้องการกำจัดเขา
พล.ต.ต. ปวีณ เดินทางไปยังเมืองเมลเบิร์นประเทศออสเตรเลียด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อเอบีซีของออสเตรเลียและสำนักข่าวเดอะการ์เดียนในออสเตรเลียว่าเขากำลังขอลี้ภัยในประเทศออสเตรเลีย และหวังว่าทางการออสเตรเลียจะยอมให้เขาลี้ภัยได้
สำนักข่าวเดอะการ์เดียนระบุว่าการที่ตำรวจสืบสวนที่มีชื่อเสียงและได้รับความนับถือเช่นนี้ต้องหนีออกจากประเทศด้วยสาเหตุตามที่เขากล่าวหาเป็นเรื่องน่าอับอายอย่างมากสำหรับรัฐบาลไทย โดยก่อนหน้านี้กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มกล่าวถึงในประเด็นนี้เสมอว่าประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่ามีการค้ามนุษย์เกิดขึ้นในประเทศและะมีเจ้าหน้าที่จำนวนมากมีส่วนพัวพันกับการค้ามนุษย์ซึ่งรัฐบาลเผด็จกาารทหารของไทยปฏิเสธข้อกล่าวหานี้
พล.ต.ต. ปวีณ เปิดเผยอีกว่าเขาทำงานในพื้นที่ที่มีการค้ามนุษย์เกิดขึ้นเพราะอยากช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนโดยไม่ต้องการผลประโยชน์ส่วนตัวใดๆ แต่การทำงานของเขาก็สร้างปัญหาให้ตัวเขาเองและเขาหวังว่าจะมีสถานที่ปลอดภัยให้เขาอยู่หรือมีที่ใดในโลกที่จะช่วยเหลือเขาได้
ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเคยมีเรื่องอื้อฉาวจากการค้นพบหลุมฝังศพใกล้กับชายแดนมาเลเซียที่เชื่อว่าเป็นชาวโรฮิงยาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่ลี้ภัยมาจากพม่าเพื่อหาทางไปมาเลเซีย และผู้ลี้ภัยอื่นๆ ที่มาจากบังกลาเทศ นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นกลุ่มผู้ลี้ภัย โดยที่ พล.ต.ต. ปวีณ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำการสืบสวนในเรื่องนี้ทำให้ในตอนนั้นมีการตีความว่าประเทศไทยเริ่มมีความจริงจังในประเด็นการค้ามนุษย์มากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าทีมสืบสวนจะระบุว่ามีขบวนการค้ามนุษย์อย่างผิดกฎหมายที่มีอิทธิพล แต่ พล.ต.ต. ปวีณ กล่าวถึงเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นว่าตัวเขาถูกกดดันไม่ให้จริงจังกับการสาวถึงตัวผู้บงการมากเกินไป
เดอะการ์เดียนระบุอีกว่าการค้นหาหลักฐานของ พล.ต.ต. ปวีณ สาวถึงผู้ที่เกี่ยวกับข้องกับการค้ามนุษย์ซึ่งมีทั้งนักการเมืองท้องถิ่น เจ้าของธุรกิจ เจ้าหน้าที่ทหาร และมีความเป็นไปได้ที่จะมีนายทหารระดับสูงเป็นตัวการใหญ่ แต่หลังจากนั้นก็มีข่าวเรื่อง พล.ต.ต. ปวีณ ลาออกจากตำแหน่งและถูกสั่งย้ายไปยังพื้นที่ทางภาคใต้ที่มเหตุการณ์ไม่สงบอย่างไม่เต็มใจ พล.ต.ต. ปวีณ กล่าวไว้ว่าคนค้ามนุษย์ที่เขากำลังตามล่าตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่และมี "เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง" ในพื้นที่มีส่วนพัวพันด้วย เขาเคยบอกกับผู้บังคับบัญชาว่าเขากลัวถูกจ้องเอาชีวิตถ้าถูกส่งไปที่นั่นแต่คำคัดค้านของเขาก็ถูกเพิกเฉย
เดอะการ์เดียนระบุต่อไปว่าหลังจากนั้นการสืบสวนสอบสวนก็ถูกยกเลิกถึงแม้ว่า พล.ต.ต. ปวีณ จะยืนยันว่าการสืบสวนยังต้องใช้เวลาอีกมากถึงจะเสร็จสิ้น โดย พล.ต.ต. ปวีณ บอกอีกว่า "มีผู้มีอิทธิพลพัวพันกับการค้ามนุษย์ส่วนหนึ่งเป็นตำรวจและทหารที่มีอำนาจอยู่" แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถึงอย่างเจาะจงว่าเป็นใคร เขายังแสดงความสงสัยว่าผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เป็นคนที่ทำให้เขาถูกสั่งย้าย
เมื่อถามว่าใครเป็นผู้บอกให้ยุติการสอบสวน พล.ต.ต.ปวิณ ซึ่งกล่าวผ่านล่ามระบุว่า "ผู้มีอิทธิพลที่ร่วมในการค้ามนุษย์ มีทั้งตำรวจและทหารที่ไม่ดี ที่ทำเรื่องพวกนี้ น่าโชคร้ายทั้งตำรวจและทหารที่ไม่ดีนี้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่มีอำนาจ"
"คนที่สามารถขังคนได้เป็นร้อย และทำมาเป็นเวลาหลายปี โดยที่ไม่ถูกจับ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่" พล.ต.ต. ปวีณ กล่าว และยังระบุว่ามีเจ้าหน้าที่อีกจำนวนมากที่ควรถูกดำเนินคดี รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้วย
"การค้ามนุษย์เป็นเครือข่ายใหญ่ที่ผู้มีส่วนมีทั้งทหาร นักการเมือง และตำรวจ ในขณะที่ผมกำลังทำคดีอยู่ ผมก็ถูกเตือนมาโดยตลอด" พล.ต.ต. ปวีณ กล่าวตอนหนึ่งในการให้สัมภาษณ์ นอกจากนี้เขายังตำหนิ "ผู้มีอิทธิพล" ที่สั่งโยกย้ายเขาไปอยู่ชายแดนใต้ "นั่นแปลว่าพวกเขาต้องการจะฆ่าผม"
นอกจากนี้ พล.ต.ต. ปวีณ ยังให้สัมภาษณ์ว่ามีพยานของคดีอีกหลายคนที่รู้สึกว่าถูกข่มขู่คุกคามจึงไม่มอบหลักฐานให้ โดยตัวเขาบอกว่ามันเป็นเรื่องเศร้าและเป็นความอยุติธรรมถ้าหากผู้ก่อเหตุในวงการค้ามนุษย์ไม่ถูกลงโทษ และที่เขาต้องทำเรื่องอันตรายเช่นนี้เพราะถือเป็นการทำตามหน้าที่
ทางด้าน ฟิล โรเบิร์ตสัน ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า พล.ต.ต. ปวีณ เป็นคนที่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาและมีประสบการณ์ แล้วก็ได้เข้าไปสืบสวนสอบสวนคดีที่เกี่ยวโยงกับผู้มีอิทธิพล โรเบิร์ตสันกล่าวอีกว่าคดีสืบสวนการค้ามนุษย์ที่ พล.ต.ต. ปวีณ ทำถือเป็นคดีที่สำคัญที่จะทดสอบว่าเหล่าผู้นำไทยมีความยึดมั่นในพันธกิจเรื่องการขจัดการค้ามนุษย์หรือไม่

เรียบเรียงจาก
Revealed: Thailand's most senior human trafficking investigator to seek political asylum in Australia, The Guardian, 10-12-2015 http://www.theguardian.com/world/2015/dec/10/thailands-most-senior-human-trafficking-investigator-to-seek-political-asylum-in-australia

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น