7 มี.ค.2559 หลังจากวานนี้ (6 มี.ค.59) พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) หรือเจ้าคุณประสาร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ในฐานะเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'พระเมธีธรรมาจารย์ - เจ้าคุณประสาร' ระบุว่า ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา จะแถลงท่าทีอย่างเป็นทางการ กรณีคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน และกำหนดการเคลื่อนไหว ในวันจันทร์ที่ 7 มี.ค. 59 เวลา 10.00 น. เปลี่ยนจาก S.D.Avenue เป็น ห้องประชุมศูนย์วัดศรีสุดาราม สี่แยกบางขุนนนท์ นั้น
วันนี้ (7 ก.พ.59) เดลินิวส์ รายงานว่า เวลา 9.30 น.ที่อาคารหอประชุมมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วัดศรีสุดาราม กรุงเทพฯ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ และทหาร ประมาณ 20 นาย ได้มาดูแลความเรียบร้อย
ต่อมาเวลา 10.20 น. พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 ได้ เชิญ ผศ.ดร.เสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา ผศ.ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ รองเลขาธิการ สนพ. และพระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และผู้ที่จะร่วมแถลงข่าว เพื่อกำหนดแนวทางการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยทางตำรวจ ได้แจ้งต่อพระเมธีธรรมาจารย์ อาจจะเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 และไม่ได้ขออนุญาตตำรวจก่อนแถลงข่าว อีกทั้งกังวลว่าจะมีผู้อื่นปะปนแฝงตัวเข้ามาในการแถลงข่าว อาจจะก่อความวุ่นวาย โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 30 นาที
จากนั้นเวลา 10.40 น. พระเมธีธรรมาจารย์ ได้ออกมาแถลงข่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขอยืนยันว่าศูนย์พิทักษ์ฯและองค์กรพุทธ ทำเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ ไม่มีวาระ ไม่มีการเมือง และไม่มีอามิสสินจ้างแต่อย่างใด ไม่เคยคิดจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อบ้านเมือง ซึ่งการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาได้ยึดหลักการ 3 ข้อ คือ เคารพกฎหมายบ้านเมือง พระธรรมวินัย และจารีตประเพณี
สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า พระครูปลัดกวีวัฒน์ กล่าวว่า จากคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินต่อมติมหาเถรสมาคม(มส.)เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 เรื่องการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯสถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ตาม พ.ร.บ.การปกครองคณะสงฆ์ 2505 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 มาตรา 7 ว่าผิดขั้นตอนนั้น ทางศูนย์พิทักษ์พระพุทธ ศาสนาแห่งประเทศไทยและสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา เห็นว่าคำวินิจฉัยขอชผู้ตรวจการแผ่นดินนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดแย้งต่ออำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบข้าราชการเท่านั้น เช่นกรณีตัวอย่างเมื่อ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณาเรื่องความผิดของพระสงฆ์ใน จ.พิจิตร แต่ตีเรื่องกลับ ให้เหตุผลไม่มีอำนาจตีความเรื่องคณะสงฆ์ ซึ่งในเรื่องข้อกฎหมายเห็นว่าควรต้องเป็นหน้าที่ของกฤษฎีกา
ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลทั้งหมดศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนาเห็นว่าผู้ตรวจการแผ่นดินมีเจตนาวินิจฉัยตีความกฎหมายผิด ขัดต่อจารีตประเพณี ราชประเพณี และขัดต่อจริยธรรมขององค์กรอิสระอย่างร้ายแรง ก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่คณะสงฆ์และสังคมไทยอย่างร้ายแรงเช่นกัน จึงมีมติจะดำเนินการ ดังนี้ คือรวบรวมรายชื่อพระสงฆ์ และคฤหัสถ์ 20,000 ชื่อ เพื่อถอดถอนผู้ตรวจ การแผ่นดินต่อ สนช. ส่วนการขอนิมนต์และเรียนเชิญพุทธบริษัทร่วมลงชื่อถอดถอนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
นอกจากนี้ เดลินิวส์ รายงานด้วยว่า ภายหลังเสร็จการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการพูดคุยกับพระเมธีธรรมาจารย์และคณะ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา โดยไม่มีการใส่กุญแจมือพระสงฆ์ ฆราวาส และไม่มีการเชิญตัวปรับทัศนคติแต่อย่างใด ซึ่งแตกต่างจากมติชนออนไลน์ ที่ระบุว่า หลังจากทั้ง 2 รูป แถลงข่าวได้เพียง 5 นาที ก็รีบออกจากห้องประชุม จากนั้นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประกบตัว พร้อมทั้งนำตัวออกไปจากวัดศรีสุดาราม
จดหมายเปิดผนึก ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา :
ดีเอสไอ ทำหนังสือนัดสมเด็จช่วงให้ถ้อยคำในสัปดาห์นี้
วันเดียวกัน สำนักข่าวไทย ยังรายงานด้วยว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับรถเบนซ์คลาสสิคผิดกฎหมายในความครอบครองของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ว่า พนักงานสอบสวนทำหนังสือนัดให้สมเด็จช่วงให้ถ้อยคำภายในสัปดาห์นี้ คงต้องดูภารกิจของสมเด็จช่วงว่าจะว่างในช่วงใดบ้าง เพื่อให้พนักงานสอบสวนไปพบที่วัดปากน้ำ
ส่วนเรื่องการรับรถผิดกฎหมายจากพิพิธภัณฑ์วัดปากน้ำ เป็นขั้นตอนที่จะดำเนินการ หลังได้พบและแจ้งต่อสมเด็จช่วง ส่วนผลตรวจสอบรถยนต์ในความครอบครองของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ดีเอสไอยังรอผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการจากบริษัทจากัวร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น