วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วินธัยแจงจนท.กำลังตรวจสอบกรณีจับนักข่าว จาตุรนต์ "เถื่อนเกินไป" จับนักกิจกรรมที่บ้านโป่ง



11 ก.ค. 2559 โพสต์ทูเดย์รายงานว่า พันเอก วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีการจับกุมผู้สื่อข่าวประชาไทเมื่อวานนี้ (10 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง ควบคุมตัว ทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้สื่อข่าวประชาไทที่ลงพื้นที่ทำข่าว พร้อมสมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 3 ราย คือ ปกรณ์ อารีกุล, อนันต์ โลเกตุ และ อนุชา รุ่งมรกต ไปสอบปากคำ และตั้งข้อหาว่ามีความผิดตาม มาตรา 61 วรรค 2 พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 ว่าเพราะอยู่ในกลุ่มที่มาด้วยกัน และภายในรถคันที่มานั้นพบว่ามีเอกสารในเรื่องการชี้นำการลงประชามติ ตอนจับกุมตำรวจคงไม่ได้แยกว่าใครเป็นใคร แต่มาทราบว่าเป็นนักข่าวภายหลังจากการสอสวน ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งตรวจสอบว่านักข่าวคนดังกล่าวเป็นนักข่าวแบบไหน ทำประจำที่ประชาไทหรือไม่ และไปด้วยหน้าที่อะไร

ด้าน BBC Thai รายงานว่า  พล.ต. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเกิดจากการที่นักข่าวเดินทางไปพร้อมกับรถของนักกิจกรรมเพื่อไปทำข่าว และเจ้าหน้าที่เห็นว่าเดินทางมาด้วยกันโดยนั่งมาในรถคันเดียวกัน จึงยังไม่มีการแยกแยะอย่างชัดเจน เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสอบสวนเพิ่มเติม ขณะที่ น.ส. จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการสำนักข่าวประชาไทชี้แจงว่า ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวเป็นนักข่าวประจำ ทำงานมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2557 เป็นนักข่าวที่รับผิดชอบติดตามเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน และข่าวเกี่ยวกับภาคประชาสังคม เคยทำข่าวเรื่องผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่กับการใช้สิทธิโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และได้รับรางวัลข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนจากมูลนิธิผู้บริโภค ส่วนเรื่องการประกันตัวนั้น อยู่ที่การตัดสินใจของเจ้าตัว อย่างไรก็ตาม องค์กรได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ประกันตัวแล้ว

ผู้อำนวยการเว็บไซต์ประชาไทชี้แจงด้วยว่า ไม่ได้มีนโยบายห้ามนักข่าวในสังกัดเดินทางไปพร้อมกับแหล่งข่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องที่ขึ้นกับสถานการณ์และความสะดวก และยืนยันว่าผู้สื่อข่าวของประชาไทไม่ได้สวมเสื้อรณรงค์โหวตโน หรือต้านรัฐธรรมนูญในวันเกิดเหตุ แต่เป็นเสื้อยืดรณรงค์เรื่องความเท่าเทียมกันของบุคคลซึ่งเป็นคุณค่าในทางสังคมเสรีประชาธิปไตย 
ขณะที่นายทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้สื่อข่าวประชาไทที่ถูกจับกุมกล่าวที่สถานีตำรวจก่อนถูกนำตัวไปขึ้นศาลในเช้าวันนี้ว่า เขาติดรถมาจริงเพื่อสัมภาษณ์นายอนันต์ โลเกตุ นักศึกษารามที่ถูกคุมขัง 1 ผัดพร้อมนายรังสิมันต์ โรมและเพื่อนกรณีแจกใบปลิวที่เคะบางพลี  ซึ่งนั่งมาในรถคันดังกล่าวด้วยและนัดหมายสัมภาษณ์นักศึกษาแม่โจ้ในพื้นที่ราชบุรีเพียงเท่านั้น

นายกฯ ระบุรัฐบาลถูกใส่ไฟ จับนักข่าว อย่ามองว่าตนมารัฐประหารเหมือนประเทศคนอื่นทำกัน

มติชนออนไลน์รายงานว่า 10.00 น. ที่ห้องรอยัล จูบิลี่บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ตอนนี้สื่อต่างประเทศรายงานว่ารัฐบาลจับนักข่าวขัง ปิดหนังสือพิมพ์ปิดทีวี ฆ่าคนตาย แต่ตั้งแต่ 22 พ.ค. 2557 มีใครตายไปแล้วบ้าง ทุกคนต้องช่วยกันพูด อย่าให้ใครมามองว่าการที่ตนเข้ามาเป็นการปฏิวัติรัฐประหารเหมือนประเทศอื่น
“ผมอยากถามว่าใครคิดแบบนี้บ้าง แล้วทำไมจึงมีการพูดลักษณะนี้อยู่แบบนี้ มันทำให้เกิดความสับสนทั้งหมด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทุกคนต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ปัญหาลักษณะนี้ยังเกิดขึ้นตลอด ผมเข้ามาเพื่อต้องการให้เกิดความชัดเจน แล้วผมก็ไป ผมเข้ามาว่างพื้นฐานให้กับทุกคน แต่ถ้ายังมีคนทำแบบนี้สร้างความบิดเบือน ประเทศก็ยังคงเป็นอยู่แบบนี้ วันข้างหน้าปัญหาทุกอย่างก็จะกลับมาใหม่ทั้งหมด จึงเป็นหน้าที่ของทุกคน และผมที่ต้องแก้ไขและทำทุกอย่างใหม่ไม่ให้ปัญหาเดิมกลับมาด้วยการทำกฎหมายที่ชัดเจนมากขึ้น ผมจึงเน้นในเรื่องของการทำกฎหมายใหม่ ให้เกิดความเท่าเทียม เป็นธรรม ทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่คนไหนละเว้นก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ผู้กระทำความผิดก็ต้องถูกลงโทษตามบทบัญญัติที่มี ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องโดนทั้งคู่ ไม่ว่าเป็นเรื่องทุจริตหรืออะไรก็ตาม ถ้ามันไม่มีคนเสนอก็ไม่มีคนเรียกรับผลประโยชน์ เมื่อไม่มีคนเรียกก็ไม่มีคนจ่าย กฎหมายทำให้แรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนไม่มีอะไรสามารถแก้ได้ สุดท้ายต้องกลับมาที่หัวใจและจิตสำนึกของทุกคน”

“เรื่องดีๆ มีไหม ไม่มี ต่างประเทศก็ไปพูดว่ารัฐบาลจับนักข่าวขัง ปิดหนังสือพิมพ์ปิดทีวี ฆ่าคน แล้วมีใครตายสักคนไหม มีใครตายบ้างตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีใครตายบ้าง ท่านต้องช่วยผมพูดอย่าให้เขามองว่าการที่ผมเข้ามามันคือการปฏิวัติรัฐประหารเหมือนที่คนอื่นในโลกเขาทำกัน ถ้าทำแบบนั้นผมทำง่ายจะเปลี่ยนให้เป็นแบบนั้นหรือเปล่า ที่นึกจะปิดอะไรก็ปิดนึกจะยึดอะไรก็ยึด นึกจะให้มีการปฏิรูปตำรวจใหม่ก็ปลดตำรวจแม่งทั้งหมดทีเดียวจะเอาไหม จะได้จบเสียทีถอดยศกันให้หมด แล้วตั้งใหม่สตาร์ทสิบตรีมา คิดอย่างนี้ซิว่าอะไรที่มีอยู่แล้วจะทำอย่างไร ซึ่งทุกอย่างเริ่มที่คนทั้งสิ้น ผมไม่อยากจะโทษใคร แต่ถ้าทำกันแล้วมีปัญหากันมากๆ เดี๋ยวผมจะทำเองให้ทั้งหมด” นายกกล่าว
จาตุรนต์ ชี้ การจับกุม 3 นศ. 1 นักข่าว ลิดรอนเสรีภาพและละเมิดสิทธิรุนแรง
เวลา 10.12 น. เฟซบุค Chaturon Chaisang หรือจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความแสดงความเห็นเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ การจับกุมนักศึกษากับผู้สื่อข่าว เมื่อ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ว่า การที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่ามีการปล่อยร่างรัฐธรรมนูญปลอมหรือมีเนื้อหาที่ขัดต่อกฎหมายประชามติหรือกฎหมายอื่นๆ ความเห็นดังกล่าวของหัวหน้า คสช. ส่งผลต่อผู้ที่เห็นแย้งต่อร่างรัฐธรรมนูญไม่สามารถใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างปกติจนนำไปสู่การถุกจับกุมในครั้งนี้  ทั้งนี้ในดพสต์ดังกล่าวจได้มีการอ้างถึง สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ว่าทั้งสองเคยมีการพูดคุยเรื่องเอกสารเห็นแย้งต่อร่างประชามติ ซึ่งสมชัย กล่าวว่า ไม่มีอะไรผิดกฎหมายประชามติ ดังนั้นการจับกุมนักศึกษา 3 คนกับผู้สื่อข่าวอีก 1 คนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยตั้งข้อหาว่ากระทำผิดพ.ร.บ.ประชามติและนำตัวไปคุมขังทั้งยังไม่ให้ประกันตัวนั้น จึงเป็นการทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพโดยไม่มีเหตุอันควร ลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
ต้องบอกพล.อ.ประยุทธ์ว่า เถื่อนเกินไปแล้วครับ
ตอนแรกที่คสช.กับนายกฯปูดเรื่องร่างรัฐธรรมนูญปลอมขึ้นมา ผมก็นึกว่าเพื่อดิสเครดิตเอกสารที่เห็นแย้งหรือแค่ขู่เพื่อให้นักศึกษาไม่กล้าทำอะไรต่อไป กับสร้างเรื่องให้ดูเลวร้ายน่ากลัวว่ามีคนหนุนหลังออกทุนให้ ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดไม่มีมูลอะไรเลย
พอมาจับนักศึกษากับผู้สื่อข่าวคราวนี้ ก็เข้าใจแผนโฉดแล้ว ว่าทำไมจู่ๆกุเรื่องร่างปลอมกันขึ้นมา
ร่างปลอมไม่เคยมี ถ้าฝ่ายทางการว่ามีจนบัดนี้ก็ไม่เห็นเอามาแสดงได้ ส่วนเอกสารที่พูดถึงกันนั้น ก็คือ เอกสารเห็นแย้งที่เขาก็บอกอยู่ชัดเจน ไม่ได้อ้างหรือหลอกลวงว่าเป็นร่างรัฐธรรมนูญ เนื้อหาก็ไม่มีอะไรผิดกฎหมายประชามติหรือกฎหมายอื่นใด
กกต.สมชัย ศรีสุทธิยากรเองก็ยังให้ความเห็นว่าไม่มีอะไรผิดกฎหมายประชามติ
ผมเอารูป 4 รูปมาให้ดูเพื่อจะเล่าให้ฟังว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนผมไปร่วมเสวนาเรื่องรัฐธรรมนูญกับประชามติที่ห้องส่งสถานีไทยพีบีเอส ถึงเวลาทานข้าว แมน ปกรณ์ อารีกุล ก็เอาเอกสารแสดงความเห็นแย้งมาแจกผู้เข้าร่วมเสวนา กกต.สมชัยนั่งอยู่กับผม ก็ยังบอกว่าการแจกเอกสารไม่ผิดกฎหมายประชามติ ผมก็ขอเอกสารจากแมน ปกรณ์มาปึกเล็กๆเพื่อช่วยแจก ผมยังแจกให้กกต.สมชัยด้วยเลย ก่อนแจก ผมถามคุณสมชัยว่าจะขอถ่ายรูปยืนคู่กันรับส่งเอกสารได้มั้ย คุณสมชัยบอกว่าอย่าเลย เดี๋ยวใครเอาไปขยายความผิดๆ ผมถามว่าถ้าผมแจกคนที่อยู่ที่นี่ รวมทั้งคุณสมชัยๆจะรับมั้ย คุณสมชัยบอกว่ารับ ผมก็เลยแจกให้คุณสมชัย อาจารย์เอกชัย ไชยนุวัติช่วยถ่ายรูปไว้ให้ ซึ่งผมก็พูดกับคุณสมชัยแล้วว่า ถ้าไม่ได้ตั้งใจโพสต์ท่าถ่ายรูปคงไม่เป็นไรนะ คุณสมชัยก็ไม่ว่าอะไร
ที่เล่ามาเพื่อจะบอกว่าเอกสารนี้ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย การแจกก็ไม่ผิดกฎหมาย เพราะการแจกเอกสาร ก็คือ การเผยแพร่ความคิดเห็นวิธีหนึ่งซึ่งได้รับการคุ้มครองตามพ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 7 การมีเอกสารนี้ไว้ในครอบครองก็ไม่ผิดกฎหมายอะไรเช่นกัน
การที่ตำรวจไปจับนักศึกษา 3 คนที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยกับผู้สื่อข่าวอีก1 คนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยตั้งข้อหาว่ากระทำผิดพ.ร.บ.ประชามติและเอาพวกเขาไปขัง ทั้งยังไม่ให้ประกันตัว จึงเป็นการทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพโดยไม่มีเหตุอันควร ลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
เข้าใจได้ไม่ยากว่าจุดมุ่งหมายของตำรวจคงไม่ใช่แค่ต้องการสกัดกั้นขัดขวางไม่ให้นักศึกษากลุ่มนี้เผยแพร่เอกสารความเห็นแย้ง แต่น่าจะมาจากระดับสูงกว่านั้นที่ต้องการยับยั้งการเผยแพร่ความเห็นต่างให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดลงไป
การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจดูจะสอดคล้องกับการกุเรื่องไปจากส่วนกลาง คือ คสช.และรัฐบาล โดยเฉพาะตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเอง
คงบอกพล.อ.ประยุทธ์ว่า เถื่อนเกินไปแล้ว คุณพร่ำพูดอยู่ตลอดว่าให้ทุกคนทำตามกฎหมาย แต่ที่ทำนี่กลับไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายอะไรเลย นึกจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องดูตัวบทกฎหมายอะไร อยากจะจับใครไปขังเพื่อขู่ใครก็ทำกันตามใจชอบ แถมยังพูดส่งเดชเรื่อยเปื่อยอยู่เสมอว่าเพื่อรักษากฎหมาย
ถ้าร่างรัฐธรรมนูญของพวกคุณดีจริง ทำไมถึงกลัวความเห็นต่างขนาดนี้
ถึงแม้จะต้องพบเห็นเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผมก็ไม่เสนอให้ใครทำอะไรที่ทำให้เกิดความวุ่นวายเพื่อให้เข้าล็อคเข้าทางผู้มีอำนาจหรอกครับ
เขากำลังจะหาเหตุล้มประชามติกันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้
ก็คงต้องสู้ทางกฎหมายกันไป ช่วยกันทำให้คนไทยและชาวโลกเห็นความไม่เป็นธรรม ช่วยกันเรียกร้องให้หยุดการคุกคามย่ำยีนักศึกษา ประชาชนผู้บริสุทธิ์ และสื่อมวลชนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่
การที่จะหยุดการใช้อำนาจตามอำเภอใจแบบนี้ มีวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการและชอบธรรมอย่างยิ่งอยู่ทางหนึ่ง คือ การแสดงออกในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ครับ อย่าไปรับรองการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมและช่วยกันบอกผู้มีอำนาจว่า เลิกทำอะไรตามอำเภอใจได้แล้ว

……………….
‪#‎ประชามติ ‪#‎ความเห็นแย้ง ‪#‎แมนปกรณ์ ‪#‎ขบวนการประชาธิปไตยใหม่
‪#‎จาตุรนต์ฉายแสง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น