นายกรัฐมนตรี เปิดงานฉลองวันอาเซียนเข้าสู่ปีที่ 50 หวังร่วมกันแก้ไขปัญหาข้ามชาติ ระบุสั่งยกเลิก “โมเดลเห็บสยาม” เพราะเป็นการพูดที่เกินเลย พร้อมขอเพื่อนบ้านอย่าห่วงช่วงประชามติ เพราะทหารดูแลอยู่
4 ส.ค. 2559 โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ และกรุงเทพธุระกิจออนไลน์ รายงานตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานฉลองวันอาเซียน (ASEAN Day 2016) ซึ่งกต.จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4, 5 และ 8 ส.ค. นี้ เพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในวงกว้าง โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเชิญธงอาเซียนขึ้นสู่ยอดเสา การเปิดตัวสมุดภาพที่ระลึกการสถาปนาประชาคมอาเซียน พิธีเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์และภาพพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารีซึ่งจัดแสดงระหว่างวันที่ 4-11 ส.ค. นี้ ที่กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนที่จะถูกนำไปจัดแสดงที่มิวเซียมสยาม ระหว่างวันที่ 29 ส.ค.-29 ก.ย. นี้ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับชม
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มก่อตั้งที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 8 ส.ค. 2510 และมีความเจริญกล่าวหน้าจนกลายเป็นประชาคมอาเซียนในวันนี้ ทุกอย่างต้องมีประวัติศาสตร์ ว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง เรามีเหตุผลที่น่าภาคภูมิใจในการเฉลิมฉลองอาเซียนเข้าสู่ปีที่ 50 เพราะอาเซียนได้ร่วมกันสร้างบรรทัดฐานการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในภูมิภาค จากการเป็นเพื่อนบ้านที่มีความแตกต่าง ทั้งระบบการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ จนสามารถนำเข้ามาสู่ความร่วมมือตามวิถีอาเซียน สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สร้างความเข้าใจ และไว้เนื้อเชื่อใจ ยึดหลักผลประโยชน์ร่วมกัน ป้องกันความขัดแย้ง และร่วมกันส่งเสริมบทบาทของอาเซียน ในการปฏิสัมพันธ์กับสหประชาชาติ เราต้องมองทั้งประเทศ ภูมิภาค และการเชื่อมกับประชาคมโลก เราไม่สามารถอยู่คนเดียวในโลกนี้ ดังนั้นทำอะไรต้องนึกถึงคนอื่นด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญเราต้องสร้างความสมดุลระหว่างกัน ถ้าจะมองอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า จำเป็นต้องมองวันนี้ว่าจะทำอย่างไรไปสู่อนาคต จากอดีตที่ล้มเหลว ก็นำมาเป็นบทเรียนที่จะไม่ทำให้เกิดขึ้นอีก เราจะกลับหน้ามือเป็นหลังมือ จากซ้ายกลายไปเป็นขวาทีเดียวคงเป็นไปได้อยาก วันนี้เราจำเป็นต้องปรับตัวเองให้ได้ทั้งในและนอกภูมิภาค ทั้งการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของสันติภาพ การฝ่าฟันวิกฤตต่าง ๆ ทั้งภัยจากมนุษย์ที่มีความขัดแย้งกันเอง และภัยจากธรรมชาติ ทั้งโรคระบาด อาชญากรรมข้ามชาติทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่เตรียมการ และช่วยกันในอาเซียนก็แก้ปัญหาไม่ได้ทั้งหมด อย่างเช่นปัญหาหมอกควัน ก็กั้นเขตประเทศไม่ได้ ที่ต้องร่วมกันแก้ปัญหาหมอกควันข้ามชาติ ไปพร้อมกับอาชญากรข้ามชาติ ต้องช่วยกันแก้ไขจะมัวทะเลาะกันไม่ได้ โทษกันไปมาแก้ปัญหาไม่ได้เลย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีสำคัญที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตนพบกับผู้นำประเทศต่าง ๆ หลายครั้ง ได้มีการหารือร่วมกันมาโดยตลอด ร่วมกันผลักดันมาตรการต่างๆ ในลักษณะการเชื่อมโยงของอาเซียน รัฐบาลไทยได้เพิ่มพูลศักยภาพของประเทศและอาเซียน เราเข้มแข็งประเทศเดียวไม่ได้ ทิ้งใครไว้ข้างหลังก็ไม่ได้ เราต้องไปด้วยกันเพื่อให้เกิดศักยภาพในการต่อรอง เพราะที่ยืนเราเล็กจำเป็นต้องรวมกันทำให้เป็นกลุ่มประเทศที่มีความเข้มแข็ง ในลักษณะสนับสนุนกันของไตรภาคี ประเทศใครใหญ่กล่าวหรือมีศักยภาพมากกว่าก็ต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน อย่างคำกล่าววานนี้ของนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่ปาฐกถา “เศรษฐกิจโลกขยับก้าว...เศรษฐกิจไทยขยับไกล” ในสัมมนาหัวข้อ “เศรษฐกิจโลกขยับก้าว... เศรษฐกิจไทยขยับไกล: กบข.เดินหน้าอย่างไร” ที่จัดโดยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มก่อตั้งที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 8 ส.ค. 2510 และมีความเจริญกล่าวหน้าจนกลายเป็นประชาคมอาเซียนในวันนี้ ทุกอย่างต้องมีประวัติศาสตร์ ว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง เรามีเหตุผลที่น่าภาคภูมิใจในการเฉลิมฉลองอาเซียนเข้าสู่ปีที่ 50 เพราะอาเซียนได้ร่วมกันสร้างบรรทัดฐานการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในภูมิภาค จากการเป็นเพื่อนบ้านที่มีความแตกต่าง ทั้งระบบการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ จนสามารถนำเข้ามาสู่ความร่วมมือตามวิถีอาเซียน สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สร้างความเข้าใจ และไว้เนื้อเชื่อใจ ยึดหลักผลประโยชน์ร่วมกัน ป้องกันความขัดแย้ง และร่วมกันส่งเสริมบทบาทของอาเซียน ในการปฏิสัมพันธ์กับสหประชาชาติ เราต้องมองทั้งประเทศ ภูมิภาค และการเชื่อมกับประชาคมโลก เราไม่สามารถอยู่คนเดียวในโลกนี้ ดังนั้นทำอะไรต้องนึกถึงคนอื่นด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญเราต้องสร้างความสมดุลระหว่างกัน ถ้าจะมองอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า จำเป็นต้องมองวันนี้ว่าจะทำอย่างไรไปสู่อนาคต จากอดีตที่ล้มเหลว ก็นำมาเป็นบทเรียนที่จะไม่ทำให้เกิดขึ้นอีก เราจะกลับหน้ามือเป็นหลังมือ จากซ้ายกลายไปเป็นขวาทีเดียวคงเป็นไปได้อยาก วันนี้เราจำเป็นต้องปรับตัวเองให้ได้ทั้งในและนอกภูมิภาค ทั้งการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของสันติภาพ การฝ่าฟันวิกฤตต่าง ๆ ทั้งภัยจากมนุษย์ที่มีความขัดแย้งกันเอง และภัยจากธรรมชาติ ทั้งโรคระบาด อาชญากรรมข้ามชาติทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่เตรียมการ และช่วยกันในอาเซียนก็แก้ปัญหาไม่ได้ทั้งหมด อย่างเช่นปัญหาหมอกควัน ก็กั้นเขตประเทศไม่ได้ ที่ต้องร่วมกันแก้ปัญหาหมอกควันข้ามชาติ ไปพร้อมกับอาชญากรข้ามชาติ ต้องช่วยกันแก้ไขจะมัวทะเลาะกันไม่ได้ โทษกันไปมาแก้ปัญหาไม่ได้เลย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีสำคัญที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตนพบกับผู้นำประเทศต่าง ๆ หลายครั้ง ได้มีการหารือร่วมกันมาโดยตลอด ร่วมกันผลักดันมาตรการต่างๆ ในลักษณะการเชื่อมโยงของอาเซียน รัฐบาลไทยได้เพิ่มพูลศักยภาพของประเทศและอาเซียน เราเข้มแข็งประเทศเดียวไม่ได้ ทิ้งใครไว้ข้างหลังก็ไม่ได้ เราต้องไปด้วยกันเพื่อให้เกิดศักยภาพในการต่อรอง เพราะที่ยืนเราเล็กจำเป็นต้องรวมกันทำให้เป็นกลุ่มประเทศที่มีความเข้มแข็ง ในลักษณะสนับสนุนกันของไตรภาคี ประเทศใครใหญ่กล่าวหรือมีศักยภาพมากกว่าก็ต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน อย่างคำกล่าววานนี้ของนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่ปาฐกถา “เศรษฐกิจโลกขยับก้าว...เศรษฐกิจไทยขยับไกล” ในสัมมนาหัวข้อ “เศรษฐกิจโลกขยับก้าว... เศรษฐกิจไทยขยับไกล: กบข.เดินหน้าอย่างไร” ที่จัดโดยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
โดยเปิดโมเดลใหม่กู้เศรษฐกิจไทย “เห็บสยาม” เกาะเศรษฐกิจประเทศใหญ่แล้วดูดเลือดจนอ้วน ไม่เป็นศัตรูกับใคร ที่มี่ประเด็นเรื่องเห็บสยามนั้น ตนก็คิดว่าพูดเกินไปหน่อย ได้สั่งการให้ยกเลิกไปแล้ว มันใช้ไม่ได้ทั้งหมดเราต้องยึดหลักประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทุกคนควรภาคภูมิใจในการเดินหน้าไปพร้อมกัน จากนี้ไปจะไม่มีใครเป็นพี่เป็นน้อง แต่จะใช้คำว่าเป็นญาติกันดีกว่า ตนได้คุยกับเอกอัครราชทูตสถานรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าตอนที่ยังไม่เป็นประเทศก็อยู่ใกล้กัน เพราะอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน เมื่อมีผู้นำที่แข็งแกร่ง รวบรวมคนได้มากกว่า ก็ไปตั้งหลักอยู่ตรงนั้นตรงนี้ แล้วจดทะเบียนเป็นประเทศ แต่ถึงวันนี้ยังตีเส้นเขตแดนยังไม่เสร็จเลย ตนถึงพูดมาตลอดว่าวันนี้อาเซียนอย่าเอาเขตแดนมาเป็นปัญหา หรืออุปสรรคทางด้านการค้า การลงทุน หรือการสัญจรไปมา ตรงไหนก็ตรงนั้นตามกติกา และคณะกรรมการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ที่มีอยู่ ใครถือเขตแดนเส้นไหนก็เส้นนั้นอย่าไปทะเลาะกันมากเดี๋ยวจะไปไม่ได้ทั้งหมด
“อาเซียนเรายึดมั่นว่าอาเซียนจะต้องเป็นเสียงเดียวกัน ใช้หลักประชาชนเป็นศูนย์กลาง แนวทางพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราต้องทำให้คนรุ่นใหม่ในภูมิภาคได้รับการจ้างงานที่ดีขึ้น มีชีวิตที่เพรียบพร้อม คำว่า มนุษย์ ภาษาไทยเรียนว่า คน ซึ่งถ้าเปิดพจนานุกรมคนก็คือการทำให้ยุ่ง อย่าคนในหม้อ ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบได้ถูกต้องมันถึงได้ยุ่งกันทุกวันนี้ เพราะไม่ว่าคนอย่างไรก็ไม่มีทางเข้ากัน พยายามแล้วพยายามอีก ใช้เครื่องปั่นก็ยังไม่เข้ากันเลย จนเครื่องปั่นอย่างผมจะพังอยู่แล้ว ผมเข้ามาผมเป็นเครื่องปั่นให้มันเร็วขึ้น คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน แต่ไม่รู้ว่าเครื่องปั่นอย่างผมจะพังเสียก่อนก็ไม่รู้” นายกฯ กล่าว
ฝากบอกเพื่อนบ้าน ไม่ต้องเตือนระวังไทย ช่วงประชามติ บอกทหารดูอยู่
นายกฯ กล่าวว่า เทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิตอลที่รัฐบาลกำลังทำนั้นคือหัวใจของทุกประเทศอาเซียน ซึ่งสิ่งสำคัญในแต่ละประเทศคือเราเป็นประเทศที่มีสถาปัตย์ชีวิตของเรา ประเทศไทยเราสามารถกินข้าวกินก๋วยเตี๋ยวได้ถึงเช้า ที่ไหนมีบ้าง แต่ขอให้ถูกกฎหมายแล้วกัน ส่วนประเทศสมาชิกทั้งหมดก็เป็นเพื่อนทั้งนั้น แล้วไม่ต้องไปเตือนใครให้ระวังประเทศไทยช่วงประชามติ ไม่ต้องกลัว ทหารเขาดูแลอยู่ แต่ถ้าจะมีก็คนไม่ดี คนชั่ว คนบ่ดี เดี๋ยวจะส่งไปให้เพื่อนลาวดูแลหน่อย
นายกฯ กล่าวด้วยว่า บางครั้งสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นต้อง เพราะคนเห็นต่างคือเห็นต่าง แต่การเห็นต่าง รวมถึงสิทธิมนุษยชน ต้องไม่ผิดกฎหมาย แค่นี้เองแยกให้ออก แต่ถ้ากฎหมายไปละเมิดสิทธิเขา ตรงนี้ถึงจะเรียกว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน เราอย่าคิดอะไรนอกกรอบจนมากเกินไป ต้องเอากรอบมาเทียบหากอยากทำอะไรต้องดูกฎหมาย ถึงจะไม่ผิด บ้านเมืองไม่วุ่นวาย
“อาเซียนเรายึดมั่นว่าอาเซียนจะต้องเป็นเสียงเดียวกัน ใช้หลักประชาชนเป็นศูนย์กลาง แนวทางพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราต้องทำให้คนรุ่นใหม่ในภูมิภาคได้รับการจ้างงานที่ดีขึ้น มีชีวิตที่เพรียบพร้อม คำว่า มนุษย์ ภาษาไทยเรียนว่า คน ซึ่งถ้าเปิดพจนานุกรมคนก็คือการทำให้ยุ่ง อย่าคนในหม้อ ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบได้ถูกต้องมันถึงได้ยุ่งกันทุกวันนี้ เพราะไม่ว่าคนอย่างไรก็ไม่มีทางเข้ากัน พยายามแล้วพยายามอีก ใช้เครื่องปั่นก็ยังไม่เข้ากันเลย จนเครื่องปั่นอย่างผมจะพังอยู่แล้ว ผมเข้ามาผมเป็นเครื่องปั่นให้มันเร็วขึ้น คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน แต่ไม่รู้ว่าเครื่องปั่นอย่างผมจะพังเสียก่อนก็ไม่รู้” นายกฯ กล่าว
ฝากบอกเพื่อนบ้าน ไม่ต้องเตือนระวังไทย ช่วงประชามติ บอกทหารดูอยู่
นายกฯ กล่าวว่า เทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิตอลที่รัฐบาลกำลังทำนั้นคือหัวใจของทุกประเทศอาเซียน ซึ่งสิ่งสำคัญในแต่ละประเทศคือเราเป็นประเทศที่มีสถาปัตย์ชีวิตของเรา ประเทศไทยเราสามารถกินข้าวกินก๋วยเตี๋ยวได้ถึงเช้า ที่ไหนมีบ้าง แต่ขอให้ถูกกฎหมายแล้วกัน ส่วนประเทศสมาชิกทั้งหมดก็เป็นเพื่อนทั้งนั้น แล้วไม่ต้องไปเตือนใครให้ระวังประเทศไทยช่วงประชามติ ไม่ต้องกลัว ทหารเขาดูแลอยู่ แต่ถ้าจะมีก็คนไม่ดี คนชั่ว คนบ่ดี เดี๋ยวจะส่งไปให้เพื่อนลาวดูแลหน่อย
นายกฯ กล่าวด้วยว่า บางครั้งสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นต้อง เพราะคนเห็นต่างคือเห็นต่าง แต่การเห็นต่าง รวมถึงสิทธิมนุษยชน ต้องไม่ผิดกฎหมาย แค่นี้เองแยกให้ออก แต่ถ้ากฎหมายไปละเมิดสิทธิเขา ตรงนี้ถึงจะเรียกว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน เราอย่าคิดอะไรนอกกรอบจนมากเกินไป ต้องเอากรอบมาเทียบหากอยากทำอะไรต้องดูกฎหมาย ถึงจะไม่ผิด บ้านเมืองไม่วุ่นวาย
นายกฯ กล่าวว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการเรียนภาษาอาเซียน โดยมีภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง และประเทศอาเซียนต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันลดความหวาดระแวงอะไรที่ เรายังไม่เรียบร้อยดูแลไม่ดีก็ต้องขอโทษเพื่อนด้วย เช่นเดียวกับที่ขอให้เพื่อนดูแลคนไทยเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลบนความแตกต่าง เพราะเราต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ชี้การพัฒนาประเทศ เหมือนยุทธ์ศาสตร์ปฏิบัติทางทหาร ขอประชาชนเป็นกองหน้า กองหนุน และกองหลัง
นายกฯ กล่าวว่า อยากให้นักเรียนพัฒนาตนเอง ทั้งด้านการศึกษาและคุณธรรม เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของอาเซียน แล้ววันหน้าอยากให้มีกิจกรรมแข่งขันเขียนเรียงความประวัติศาสตร์ของประเทศตน เอง เพราะตนได้ข้อมูลมาว่าเด็กที่ไปเรียนต่างประเทศเขียนประวัติศาสตร์ของไทยไม่ ได้ การเรียนประวัติศาสตร์จะทำให้เรารู้ว่าจะรักประเทศไทยอย่างไร ไม่ใช่เรียนแต่ในยูทูป ต้องให้ครูกับนักเรียนมาถกแถลงกันเพื่อสร้างบรรยากาศที่เกิดขึ้นจริง นึกออกหรือไม่ว่าสมัยก่อนเขารักษาแผ่นดินกันอย่างไร เขารบกันด้วยดาบด้วยหอก รบกันทั้งวันทั้งเช้าและกลางคืน ข้าวก็ไม่ได้กิน มีการสักยันต์กันเต็มตัว แต่วันนี้ทะเลาะกันด้วยปากเสียส่วนใหญ่ แต่กลับเจ็บกว่าฟันกันด้วยมีดอีกเพราะเราไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้
นายกฯ กล่าวว่า อยากให้นักเรียนพัฒนาตนเอง ทั้งด้านการศึกษาและคุณธรรม เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของอาเซียน แล้ววันหน้าอยากให้มีกิจกรรมแข่งขันเขียนเรียงความประวัติศาสตร์ของประเทศตน เอง เพราะตนได้ข้อมูลมาว่าเด็กที่ไปเรียนต่างประเทศเขียนประวัติศาสตร์ของไทยไม่ ได้ การเรียนประวัติศาสตร์จะทำให้เรารู้ว่าจะรักประเทศไทยอย่างไร ไม่ใช่เรียนแต่ในยูทูป ต้องให้ครูกับนักเรียนมาถกแถลงกันเพื่อสร้างบรรยากาศที่เกิดขึ้นจริง นึกออกหรือไม่ว่าสมัยก่อนเขารักษาแผ่นดินกันอย่างไร เขารบกันด้วยดาบด้วยหอก รบกันทั้งวันทั้งเช้าและกลางคืน ข้าวก็ไม่ได้กิน มีการสักยันต์กันเต็มตัว แต่วันนี้ทะเลาะกันด้วยปากเสียส่วนใหญ่ แต่กลับเจ็บกว่าฟันกันด้วยมีดอีกเพราะเราไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ทุกคนพัฒนาตัวเอง ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ ถ้าหากไม่มีการปฏิรูป การปฏิรูปจะต้องเกิดมาโดยตลอดตามห้วงเวลาตามลำดับ หากเราไม่มีกลไก ระยะเวลาในการพัฒนาเราจะไม่รู้ว่าถึงเวลาหรือยัง แต่ถ้าถึงเวลาอีกทีมันก็ระเบิดออกมาแล้ว อย่างนี้มันไม่ได้ แล้วใครจะต้องมาแก้อีกมันไม่มีแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้จะต้องเลิกให้ได้มีเวลาเท่านี้แค่นั้น ที่อยากให้ทุกคนพิจารณาด้วยสติปัญญาของทุกคน ตนไม่อาจจะพูดอะไรได้มากกว่านี้ ขอให้ทุกคนฟังและคิด ส่วนจะเชื่อหรือไม่ให้ไปคิดเอาเอง อยากให้ทุกคนเรียนรู้เราจะต้องร่วมกัน เราจะต้องมีคนนำพา หากนำพาในสิ่งที่ถูกและคิดว่าถูกก็เดินตามไป แต่ถ้านำไม่ถูกก็อย่าไปเดินแค่นั้นเอง ดังนั้นเราต้องรู้จักการเปรียบเทียบ
“ดังนั้นต้องรู้จักการเปรียบเทียบวิธีการ อย่างทหารเขาเรียกว่า หนทางปฏิบัติที่ดีกว่าดีที่สุด มีสามเส้นทางตายสองเส้น อีกเส้นตายน้อยก็ไปเส้นตายน้อย เขาเรียกหนทางปฎิบัติส่งเสริมยุทธศาสตร์ในการตัดสินใจในการปฏิบัติทางทหาร ในการเข้าตีหรือต่างๆ ต้องขจัดข้าศึกที่อยู่ข้างทางมีกองระวังหน้า ระวังหลัง ระวังปีกกองหนุน ฟื้นฟู วันนี้เราต้องเป็นอย่างนั้น เพราะเรากำลังจะปฎิรูป พวกเราทุกคนต้องเป็นกองหน้า กองหลัง กองหนุน ของผมไปด้วย” นายกฯ กล่าว
“ดังนั้นต้องรู้จักการเปรียบเทียบวิธีการ อย่างทหารเขาเรียกว่า หนทางปฏิบัติที่ดีกว่าดีที่สุด มีสามเส้นทางตายสองเส้น อีกเส้นตายน้อยก็ไปเส้นตายน้อย เขาเรียกหนทางปฎิบัติส่งเสริมยุทธศาสตร์ในการตัดสินใจในการปฏิบัติทางทหาร ในการเข้าตีหรือต่างๆ ต้องขจัดข้าศึกที่อยู่ข้างทางมีกองระวังหน้า ระวังหลัง ระวังปีกกองหนุน ฟื้นฟู วันนี้เราต้องเป็นอย่างนั้น เพราะเรากำลังจะปฎิรูป พวกเราทุกคนต้องเป็นกองหน้า กองหลัง กองหนุน ของผมไปด้วย” นายกฯ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น