วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ประยุทธ์ขอสื่ออย่าประโคมข่าว 'ธัมมชโย' หวั่นขัดแย้งบานปลาย ขอเวลาให้จนท.ดำเนินการตาม กม.

ที่มาภาพ เว็บไซต์ทำเนียบฯ

ย้ำไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างความเชื่อกับการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย กรณีปรับ ครม. ชี้ รบ.-คสช. บริหารต่างจากนักการเมือง เหตุตนมีอำนาจสั่งการทุกกระทรวงด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะเป็นรัฐมนตรีมันมีค่าเท่ากัน
13 ธ.ค. 2559 รายงานข่าวจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า วันนี้ (13 ธ.ค.59) เวลา 13.40 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณี ดีเอสไอได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าจับกุมตัวพระเทพญานมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์วัดพระธรรมกาย ว่า คดีดังกล่าวถือเป็นคดีปกติทั่วไปที่ต้องดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องสั่งการอะไรเพิ่มเติม ทุกอย่างต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามกระบวนการยุติธรรม และมาตรการทุกอย่างตามกฎหมาย ซึ่งไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างความเชื่อกับการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย
"สิ่งใดก็ตามที่มันเป็นสิ่งที่ละเมิดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังฝากสื่อมวลชนและสังคมด้วยว่า อย่าประโคมข่าวให้เกิดความขัดแย้ง เพราะจะทำให้แนวโน้นการแก้ไขปัญหามีความยุ่งยาก และบานปลาย ก็ให้เวลา เดี๋ยวก็ดำเนินการเอง ตนให้แนวทางไปแล้วในการดำเนินการตามกฎหมาย

ปมปรับ ครม. ชี้ รบ.-คสช. บริหารต่างจากนักการเมือง 

"การจะปรับครม. แล้วใครจะเป็นรัฐมนตรี ผมคิดว่าในสถานการวันนี้ ไม่ใช่สถานการณ์การบริหารราชการแผ่นดินด้วยนักการเมือง ซึ่งผมไม่ได้รังเกียจนักการเมืองนะ พูดไว้ก่อน เป็นการบริหารราชการภายในกรอบนโยบาย คสช. เพราะฉะนั้นเรามีอำนาจ เรียกว่ามีอำนาจในการกำกับดูแล การปฏิบัติงานที่ลงลึกไปถึงทุกกระทรวง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมเองนั้นมีอำนาจในการที่จะสั่งการทุกกระทรวงด้วยตัวเอง ทั้งในส่วนของความคิดริเริ่ม ในส่วนของมองวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ชาติ และกำหนดแนวทางปฏิบัติกว้างๆ ลงไป กระทรวงก็มีหน้าที่ในการนำไปสู่การปฏิบัติ นำไปสู่การขับเคลื่อน คิดแผนงานโครงการต่างๆ ขึ้นมา เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะเป็นรัฐมนตรีมันมีค่าเท่ากันนั่นล่ะ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว พร้อมระบุว่าไม่เหมือนกับรัฐมนตรีที่มาจากนักการเมือง เพราะทำตามนโยบายของพรรคการเมืองที่แตกต่างกัน ซึ่งคนละกระทรวง เพราะฉะนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคการเมืองด้วย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จึงเป็นคนละแบบกัน เพราะฉะนั้นการบริหารราชการแผ่นดินมันต่างกัน
 
ส่วนเรื่องการประกันสุขภาพข้าราชการ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการศึกษา ยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะต้องหาวิธีการดูแลให้ดีที่สุดเหมือนเดิม ขออย่าขยายความให้เกิดความขัดแย้ง ทั้งนี้ ขอให้ระมัดระวังการรั่วไหลของการเบิกจ่ายยา และต้องมีความซื่อสัตย์ ขออย่าเบิกจ่ายยาเกินความเป็นจริง
 
เรื่องการปลดล็อคพรรคการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตัวพรรคการเมืองยังไม่ปลดล็อคตัวเองเลย ยังพูดขัดแย้งกันอยู่ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาก็ไปสู่การเลือกตั้งเอา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น