วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ไผ่ ดาวดิน เผยถูกผู้คุมเรือนจำตบหัว 3 ครั้ง และถูกชักอวัยวะเพศขึ้นลงเพื่อตรวจหายาเสพติด




Published on Fri, 2017-11-17 16:40


ศูนย์ทนายฯ เผยศาลจังหวัดภูเขียวนัดสืบพยาน คดีไผ่ ดาวดินและเพื่อนแจกเอกสารประชามติ เริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ทั้งนี้ไผ่เปิดเผยระหว่างมาขึ้นศาลว่า หลังจากถูกย้ายตัวมาที่เรือนจำภูเขียวได้ถูกผู้คุมตบหัวอย่างรุนแรง 3 ครั้ง และถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้าเพื่อตรวจหายาเสพติด ถูกแหวกทวาร และชักอวัยวะเพศขึ้นลง 5 ครั้ง



เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2560 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลจังหวัดภูเขียวนัดพร้อมเพื่อหยิบยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่และนัดตรวจพยานหลักฐานคดีประชามติ ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดภูเขียวเป็นโจทก์ฟ้อง นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” ขณะเกิดเหตุเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และนายวศิน พรหมณี นักศึกษาคณะวิศวกรรมธรณี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในข้อหาร่วมกันก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และฝ่าฝืนไม่ยอมพิมพ์ลายนิ้วมือตามคำสั่งของพนักงานสอบสวน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2559 มาตรา 61(1) วรรค 2, วรรค 3 และประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 25 พ.ศ.2549 จากกรณีที่ทั้งสองคนทำกิจกรรมแจกเอกสารรณรงค์เกี่ยวกับการประชามติและร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนที่ตลาดสดภูเขียว เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 59 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงก่อนวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ

จำเลยทั้งสองและทนายจำเลยมาศาล โดยจตุภัทร์ จำเลยที่ 1 ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำอำเภอภูเขียว หลังจากที่ถูกส่งตัวจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นมาขังที่เรือนจำภูเขียว ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. 60 เพื่อมาพิจารณาคดีนี้ที่ศาลจังหวัดภูเขียว ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งได้รับการประกันตัว มาศาลตามนัด

ทนายจำเลยทั้งสองแถลงว่า จะนำพยานหลักฐานเข้าสืบหักล้างว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง แต่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย

โจทก์อ้างส่งพยานเอกสารจำนวน 6 ฉบับ และมีพยานบุคคลที่จะนำเข้าสืบรวม 7 ปาก ได้แก่ พ.ต.ท. อร่าม ประจิตร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรภูเขียว ผู้กล่าวหา, เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม 3 ปาก, ผอ.กกต.จ.ชัยภูมิ และพนักงานสอบสวน 2 ปาก ส่วนจำเลยอ้างส่งพยานเอกสารจำนวน 9 ฉบับ และมีพยานบุคคลที่จะนำเข้าสืบรวม 6 ปาก ได้แก่ จำเลยทั้งสอง รวมทั้งพยานผู้เชี่ยวชาญด้านการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ด้านสิทธิมนุษยชน ด้านนิติศาสตร์ และด้านรัฐศาสตร์ ทั้งนี้ ศาลให้คู่ความกำหนดวันนัดสืบพยานต่อเนื่องเป็นคดีสามัญพิเศษ โดยนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 13-16, 20 ก.พ. 61 และสืบพยานจำเลยในวันที่ 21, 27-28 ก.พ. 61

ก่อนหน้านี้ในวันที่ 16 มี.ค.60 ซึ่งศาลจังหวัดภูเขียวนัดตรวจพยานหลักฐาน จำเลยที่ 1 ไม่มาศาล เนื่องจากถูกขังอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น ในคดีหมายเลขดำที่ 301/2560 ของศาลจังหวัดขอนแก่น โดยศาลจังหวัดขอนแก่นปฏิเสธที่จะส่งตัวจตุภัทร์มาพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดภูเขียว จนกว่าศาลจังหวัดขอนแก่นจะพิจารณาคดีแล้วเสร็จ โจทก์และฝ่ายจำเลยจึงแถลงร่วมกัน ขอให้ศาลจำหน่ายคดีชั่วคราว ศาลจังหวัดภูเขียวจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้ชั่วคราว หากศาลจังหวัดขอนแก่นพิจารณาคดีแล้วเสร็จให้คู่ความแถลงต่อศาลเพื่อให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ (อ่านเพิ่มเติมที่นี่)

บรรยากาศการพิจารณาคดีในนัดนี้ ไผ่ถูกนำตัวมาที่ห้องพิจารณาคดีโดยมีกุญแจเท้าล่ามข้อเท้าทั้งสองไว้ด้วยกัน แตกต่างไปจากเมื่อถูกขังอยู่ที่ทัณฑสถานฯ ขอนแก่น เป็นที่สนใจของประชาชนราว 20 คน ที่เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดี ไผ่ได้เล่าเหตุการณ์ในวันที่เขาย้ายมาเรือนจำอำเภอภูเขียววันแรกว่า เขาถูกผู้คุมคนหนึ่งตบหัวแรงๆ 3 ครั้ง และถามว่าเมื่อไหร่ญาติจะมาเอาของ ซึ่งหมายถึงของใช้ รวมถึงจดหมายและการ์ดที่ไผ่เอามาจากทัณฑสถานฯ ขอนแก่น ผู้คุมคนเดิมกล่าวอีกว่า ถ้าญาติไผ่ไม่มา เขาจะเอาของทิ้ง

ไผ่เล่าอีกว่า ในการตรวจรับเข้าเรือนจำภูเขียว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นยาเสพติด โดยให้เขาถอดเสื้อผ้า แหวกทวาร ชักอวัยวะเพศขึ้นลง 5 ครั้ง และลุกนั่ง รวมทั้งเมื่อถูกเบิกตัวมาศาลเช่นในวันนี้ ก่อนออกจากเรือนจำเจ้าหน้าที่ก็ให้เขาถอดเสื้อผ้าเพื่อตรวจหายาเสพติด

ไผ่ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ต้องตรวจค้นร่างกายอย่างละเอียดเหมือนเขาเป็นนักโทษคดียาเสพติด และเขาก็ถูกย้ายมาจากอีกเรือนจำหนึ่ง ไม่ใช่ผู้ต้องขังที่เข้าเรือนจำใหม่ รวมทั้งในเวลาที่ถูกเบิกตัวมาศาลทำไมต้องตรวจหายาเสพติดอีก ในเมื่อเขาก็ถูกขังอยู่ในเรือนจำตลอดเวลา

หลังพิจารณาคดีเสร็จ ศาลได้สั่งห้ามทุกคนไม่ให้ออกจากห้องพิจารณาคดี จนกว่าจตุภัทร์และตำรวจศาลจะเดินถึงห้องขังใต้ถุนศาล นอกจากนั้น เพื่อนและคนที่มาให้กำลังใจไม่สามารถเข้าเยี่ยมไผ่ที่ห้องขังใต้ถุนศาลได้ ทั้งนี้ ตำรวจศาลชี้แจงว่า ต้องยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขออนุญาตเข้าเยี่ยมก่อน จึงจะสามารถเข้าเยี่ยมได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น