อย่าเอาคนโรคจิตมาเป็นรัฐมนตรี โดย นิติภูมิ นวรัตน์
สองปีก่อน ผมเห็นคนเอาฝ่าเท้าเข้าทาบกับหน้าจอโทรทัศน์ เพื่อแสดงการเกลียดนักเล่าข่าวคนหนึ่ง ผมยังสงสัยเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย ทำไมคนไทยถึงเกลียดกันเข้าไปในกระดูกได้ลึกมากขนาดนั้น ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการ ที่ประชาชนคนไทยขยะแขยงแขงขนนายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศไทยคนปัจจุบัน แม้ว่าทั้งนักเล่าข่าวและรัฐมนตรีจะมีอักษรนำขึ้นต้นด้วย "ก" เหมือนกัน แต่ผมว่าคนไทยมีใจเกลียดนายกษิตมากกว่าสื่อท่านที่ว่านั่นเยอะ
พฤหัสบดีและศุกร์ที่ผ่านมา นิติภูมิต้องพูดจาสนทนากับชาวต่าวชาติถึง 5 ชุด ท่านแรกเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ไม่พอใจนายกษิตอย่างแรง ที่นายกษิตไปพูดจาโจมตีประเทศของท่านว่าจีนสนับสนุนกัมพูชา คนจีนที่ผมรู้จักส่วนใหญ่ไม่ชอบนายกษิตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อนายกษิตในฐานะ รมว. ต่างประเทศของไทยไปพูดจาอะไรอย่างนี้ ความเกลียดนั้นก็ลามปามมาถึงประชาชนคนไทยซึ่งเลือกรัฐบาลนี้ที่มีนายกษิตเป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วยขึ้นไปบริหารประเทศ
อีกชุดหนึ่งเป็นคณะข้าราชการจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีใครในโต๊ะอาหารพูดถึงกระทรวงการต่างประเทศของไทย ผมสังเกตเห็นว่าสองในสามท่านหยุดทานอาหารทันที บรรยากาศของการพูดจาประสามิตรที่คณะข้าราชการญี่ปุ่นคณะนี้คบค้าสมาคมกับผม มายาวนานเกือบ 10 ปี กลายเป็นว่าครานี้ มิตรของเราไม่สะดวกใจในการประสานงานโครงการเดิม ผมเดาเอาเองว่า ท่านประสงค์จะชะลอไปจนกว่า ประเทศชาติราชอาณาจักรไทยจะได้รัฐบาลชุดใหม่
ผู้อ่านท่านผู้เจริญที่ติดตามเปิดฟ้าส่องโลกมาเป็นระยะก็คงจะทราบนะครับ ว่า ในห้วงช่วงหลังมานี่ นิติภูมิไปอินเดียบ่อยมากถึงมากที่สุด ความสัมพันธ์ด้านต่างๆที่เราเอาเข้าไปผูกกับทั้งรัฐบาลและเอกชนของอินเดีย จึงระโนงโยงเยงยิ่งกว่าใยแมงมุม การค้าพาณิชย์อะไรทั้งหลายทั้งปวง ก็เริ่มดี มีสินค้าไทยไปกระจายอยู่ในห้างสรรพสินค้าของอินเดียบานเบอะเยอะแยะ บริษัท อิตาเลียน-ไทย โดยคุณเปรมชัย กรรณสูต ก็ไปได้งานมาจากรัฐบาลอินเดียมากประมาณ 50 โครงการ เป็นเงินกว่า 1 แสนล้านบาท ทว่าวันนี้ มีเสียงหารือมาตามสายโทรศัพท์ อยากให้ผมช่วยแจ้งรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยให้หน่อย ว่าอินเดียไม่เคยก้าวก่ายความขัดแย้งระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน รัฐบาลอินเดียไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอันใดกับรัฐบาลเขมรตามที่นายกษิตประกาศ ผมปัดว่า อ้า อย่าให้ผมไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับนายคนนี้ด้วยเลยครับ
บ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมไปพบกับคุณอเล็กซานดร้า อูรูโซวา หัวหน้าสำนักข่าว อิตาร์-ทาสส์แห่งรัสเซียประจำประเทศไทย ตกเย็นผมก็ไปพบนายเยฟกินี เบลลิงกี หัวหน้าสำนักข่าวของรัฐบาลรัสเซียประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบกันครั้งนี้ ผมไม่ค่อยมีความมั่นใจเหมือนในอดีต เพราะรู้สึกอับอาย ขายหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ไปพูดจากล่าวหาว่าประเทศของท่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกัมพูชา โดยที่ไม่มีหลักฐานในการพูดจาแม้แต่ชิ้นเดียว
ผู้อ่านท่านที่เคารพ นิติภูมิซึ่งเป็นประชาชนคนไทยตัวเล็ก ยังได้รับผลกระทบจากความสัมพันธ์อันเลวระหว่างไทยกับประเทศชาติบ้านเมือง อื่น เดิมก็ยังไม่กระไรนักดอกครับ เพราะประเทศที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยไปแสดงคำพูดจาก้าวร้าวกับเขานั้น เป็นประเทศเล็กกว่าบ้าง ยังมีระดับการพัฒนาน้อยกว่าเราบ้าง ทว่าเดี๋ยวนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลประชาธิปัตย์พาเราไปกัดกับมหาอำนาจชาติใหม่ของโลกอย่างจีน อินเดีย และรัสเซีย
ดร. ดนัย ลิมปดนัย อดีตอาจารย์จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ผู้เคยไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของนิติภูมิที่เมโทรยูชนายา ชานกรุงมอสโก เมื่อสมัยเกือบ 20 ปีที่แล้ว (ภรรยาของท่านเป็นแพทย์หญิงผู้ดูแลลูกๆของผมขณะอยู่ในครรภ์ของมาดา) เคยวิเคราะห์อาการป่วยทางจิตของเอกอัครราชทูตไทยผู้หนึ่งให้ผมฟังว่า ทูตนายนี้น่าจะเป็นโรค Schizotypal personality disorder คือเป็นคนป่วยที่มีบุคลิกภาพคล้ายคนโรคจิต เป็นมนุษย์ที่ไม่มีเพื่อนสนิท ขาดมนุษยสัมพันธ์ คนพวกนี้จะมีแต่ความระแวงสงสัย เห็นใครทำดีเพื่อประเทศชาติ หรือเห็นใครเด่นกว่าตัวไม่ได้ จะต้องใส่ร้ายป้ายสีโดยใช้อำนาจจากองค์กรที่น่าเชื่อถือของตนเป็นองค์กรใส่ ความ คนที่มีอาการอย่างนี้ แม้ว่าจพเป็นถึงเอกอัครราชทูตก็จะไม่มีใครรัก และมักจะชอบมีเรื่องรุนแรงกับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นทูตทหาร ทูตแรงงาน อัครราชทูต หรือแม้แต่กับพรสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่เว้น
ท่านผู้อ่านครับ คนไข้มักจะไดรับการอภัยว่าไม่มีความเลว ไม่มีความผิด
แต่ผู้บริหารประเทศที่เอาคนป่วยโรคจิตมาเป็นรัฐมนตรีนี่สิครับ
ต้องพิจารณาตัวเอง
นิติภูมิ นวรัตน์
/////////////////////////////////
ไอ้ กสิด โรคจิต แบบบู๊ ล้างผลาญ
แต่ไอ้ อพิสิด โรคจิต แบบ หน่อมแน้ม..
ประเทศไทย เสียหาย เพราะไอ้โรคจิต อย่างนี้แหละ..
แถมพวกถือหาง..ชั้นสูง..
ก็บ้าๆ บอๆ...เฮ้อ
สองปีก่อน ผมเห็นคนเอาฝ่าเท้าเข้าทาบกับหน้าจอโทรทัศน์ เพื่อแสดงการเกลียดนักเล่าข่าวคนหนึ่ง ผมยังสงสัยเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย ทำไมคนไทยถึงเกลียดกันเข้าไปในกระดูกได้ลึกมากขนาดนั้น ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการ ที่ประชาชนคนไทยขยะแขยงแขงขนนายกษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศไทยคนปัจจุบัน แม้ว่าทั้งนักเล่าข่าวและรัฐมนตรีจะมีอักษรนำขึ้นต้นด้วย "ก" เหมือนกัน แต่ผมว่าคนไทยมีใจเกลียดนายกษิตมากกว่าสื่อท่านที่ว่านั่นเยอะ
พฤหัสบดีและศุกร์ที่ผ่านมา นิติภูมิต้องพูดจาสนทนากับชาวต่าวชาติถึง 5 ชุด ท่านแรกเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ไม่พอใจนายกษิตอย่างแรง ที่นายกษิตไปพูดจาโจมตีประเทศของท่านว่าจีนสนับสนุนกัมพูชา คนจีนที่ผมรู้จักส่วนใหญ่ไม่ชอบนายกษิตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อนายกษิตในฐานะ รมว. ต่างประเทศของไทยไปพูดจาอะไรอย่างนี้ ความเกลียดนั้นก็ลามปามมาถึงประชาชนคนไทยซึ่งเลือกรัฐบาลนี้ที่มีนายกษิตเป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วยขึ้นไปบริหารประเทศ
อีกชุดหนึ่งเป็นคณะข้าราชการจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีใครในโต๊ะอาหารพูดถึงกระทรวงการต่างประเทศของไทย ผมสังเกตเห็นว่าสองในสามท่านหยุดทานอาหารทันที บรรยากาศของการพูดจาประสามิตรที่คณะข้าราชการญี่ปุ่นคณะนี้คบค้าสมาคมกับผม มายาวนานเกือบ 10 ปี กลายเป็นว่าครานี้ มิตรของเราไม่สะดวกใจในการประสานงานโครงการเดิม ผมเดาเอาเองว่า ท่านประสงค์จะชะลอไปจนกว่า ประเทศชาติราชอาณาจักรไทยจะได้รัฐบาลชุดใหม่
ผู้อ่านท่านผู้เจริญที่ติดตามเปิดฟ้าส่องโลกมาเป็นระยะก็คงจะทราบนะครับ ว่า ในห้วงช่วงหลังมานี่ นิติภูมิไปอินเดียบ่อยมากถึงมากที่สุด ความสัมพันธ์ด้านต่างๆที่เราเอาเข้าไปผูกกับทั้งรัฐบาลและเอกชนของอินเดีย จึงระโนงโยงเยงยิ่งกว่าใยแมงมุม การค้าพาณิชย์อะไรทั้งหลายทั้งปวง ก็เริ่มดี มีสินค้าไทยไปกระจายอยู่ในห้างสรรพสินค้าของอินเดียบานเบอะเยอะแยะ บริษัท อิตาเลียน-ไทย โดยคุณเปรมชัย กรรณสูต ก็ไปได้งานมาจากรัฐบาลอินเดียมากประมาณ 50 โครงการ เป็นเงินกว่า 1 แสนล้านบาท ทว่าวันนี้ มีเสียงหารือมาตามสายโทรศัพท์ อยากให้ผมช่วยแจ้งรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยให้หน่อย ว่าอินเดียไม่เคยก้าวก่ายความขัดแย้งระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน รัฐบาลอินเดียไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอันใดกับรัฐบาลเขมรตามที่นายกษิตประกาศ ผมปัดว่า อ้า อย่าให้ผมไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับนายคนนี้ด้วยเลยครับ
บ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมไปพบกับคุณอเล็กซานดร้า อูรูโซวา หัวหน้าสำนักข่าว อิตาร์-ทาสส์แห่งรัสเซียประจำประเทศไทย ตกเย็นผมก็ไปพบนายเยฟกินี เบลลิงกี หัวหน้าสำนักข่าวของรัฐบาลรัสเซียประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบกันครั้งนี้ ผมไม่ค่อยมีความมั่นใจเหมือนในอดีต เพราะรู้สึกอับอาย ขายหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ไปพูดจากล่าวหาว่าประเทศของท่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกัมพูชา โดยที่ไม่มีหลักฐานในการพูดจาแม้แต่ชิ้นเดียว
ผู้อ่านท่านที่เคารพ นิติภูมิซึ่งเป็นประชาชนคนไทยตัวเล็ก ยังได้รับผลกระทบจากความสัมพันธ์อันเลวระหว่างไทยกับประเทศชาติบ้านเมือง อื่น เดิมก็ยังไม่กระไรนักดอกครับ เพราะประเทศที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยไปแสดงคำพูดจาก้าวร้าวกับเขานั้น เป็นประเทศเล็กกว่าบ้าง ยังมีระดับการพัฒนาน้อยกว่าเราบ้าง ทว่าเดี๋ยวนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลประชาธิปัตย์พาเราไปกัดกับมหาอำนาจชาติใหม่ของโลกอย่างจีน อินเดีย และรัสเซีย
ดร. ดนัย ลิมปดนัย อดีตอาจารย์จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ผู้เคยไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของนิติภูมิที่เมโทรยูชนายา ชานกรุงมอสโก เมื่อสมัยเกือบ 20 ปีที่แล้ว (ภรรยาของท่านเป็นแพทย์หญิงผู้ดูแลลูกๆของผมขณะอยู่ในครรภ์ของมาดา) เคยวิเคราะห์อาการป่วยทางจิตของเอกอัครราชทูตไทยผู้หนึ่งให้ผมฟังว่า ทูตนายนี้น่าจะเป็นโรค Schizotypal personality disorder คือเป็นคนป่วยที่มีบุคลิกภาพคล้ายคนโรคจิต เป็นมนุษย์ที่ไม่มีเพื่อนสนิท ขาดมนุษยสัมพันธ์ คนพวกนี้จะมีแต่ความระแวงสงสัย เห็นใครทำดีเพื่อประเทศชาติ หรือเห็นใครเด่นกว่าตัวไม่ได้ จะต้องใส่ร้ายป้ายสีโดยใช้อำนาจจากองค์กรที่น่าเชื่อถือของตนเป็นองค์กรใส่ ความ คนที่มีอาการอย่างนี้ แม้ว่าจพเป็นถึงเอกอัครราชทูตก็จะไม่มีใครรัก และมักจะชอบมีเรื่องรุนแรงกับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นทูตทหาร ทูตแรงงาน อัครราชทูต หรือแม้แต่กับพรสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่เว้น
ท่านผู้อ่านครับ คนไข้มักจะไดรับการอภัยว่าไม่มีความเลว ไม่มีความผิด
แต่ผู้บริหารประเทศที่เอาคนป่วยโรคจิตมาเป็นรัฐมนตรีนี่สิครับ
ต้องพิจารณาตัวเอง
นิติภูมิ นวรัตน์
/////////////////////////////////
ไอ้ กสิด โรคจิต แบบบู๊ ล้างผลาญ
แต่ไอ้ อพิสิด โรคจิต แบบ หน่อมแน้ม..
ประเทศไทย เสียหาย เพราะไอ้โรคจิต อย่างนี้แหละ..
แถมพวกถือหาง..ชั้นสูง..
ก็บ้าๆ บอๆ...เฮ้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น