วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554


RuleOfLawThailand

http://ruleoflawthailand.wordpress.com/2008/11/27/statement3/

เครือข่ายสันติประชาธรรม

ถึงเวลานำประเทศกลับสู่ระบบนิติรัฐ
ยุติการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร
ผู้นำทุกฝ่ายต้องควบคุมมวลชนของตนให้ตั้งอยู่ในความสงบและปราศจากอาวุธ
เหตุการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกเข้ายึดพื้นที่บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ได้ทำให้ประเทศชาติสูญเสียอย่างมหาศาลทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และภาพพจน์ในสายตานานาชาติอย่างไม่อาจประมาณค่าได้ อีกทั้งยังมีการปะทะกันของประชาชนฝ่ายต่าง ๆ ในหลายพื้นที่ และแนวโน้มว่าความรุนแรงระหว่างประชาชนจะแผ่ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น จนนำประเทศไทยไปสู่มิคสัญญี และการรัฐประหารในที่สุด พวกเราในฐานะสมาชิกเครือข่ายสันติประชาธรรม จึงขอยื่นข้อเรียกร้องต่อฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้หาทางยุติภาวะดังกล่าวก่อนที่ประเทศไทยจะต้องสูญเสียไปมากกว่านี้
1. สังคมไทยต้องไม่ยินยอมให้กลุ่มพันธมิตรอยู่เหนือกฎหมายอีกต่อไป เจ้าหน้าที่รัฐต้องหาทางยุติการชุมนุมของพันธมิตร
การที่สังคมไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่มิคสัญญีในขณะนี้เป็นผลพวงโดยตรงของความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในการจัดการกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองให้อยู่ภายใต้กฎหมายของบ้านเมือง กล่าวได้ว่า ที่ผ่านม าฝ่ายต่าง ๆ ได้ปล่อยปละละเลย จนถึงขั้นอุ้มชูให้กลุ่มพันธมิตรเคลื่อนไหวในลักษณะที่ละเมิดกฎเกณฑ์ของบ้านเมืองตลอดมา เสมือนว่ากลุ่มพันธมิตรคืออภิสิทธิ์ชนที่อยู่เหนือกฎหมายของประเทศนี้
แน่นอนว่ากลุ่มพันธมิตรมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมืองของตน แต่ผู้นำพันธมิตรจักต้องตระหนักเช่นกันว่า ระบบนิติรัฐคือหัวใจสำคัญของหลักการและกระบวนการประชาธิปไตย กฎหมายมีไว้ปฏิบัติต่อทุกคนในสังคมอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน เพราะมันคือหลักประกันว่าสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นจะไม่ถูกละเมิด
แต่การใช้ยุทธวิธีบุกยึดสถานที่สำคัญ ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นเสมือนการจับเอาประเทศและประชาชนเป็นตัวประกัน ใช้ความเสียหายสุดคณานับเป็นเงื่อนไขเพื่อบีบบังคับให้รัฐบาล ผู้นำกองทัพ และกลุ่มธุรกิจ ต้องจำนนต่อข้อเรียกร้องของกลุ่มตน จึงเท่ากับบีบบังคับให้คนทั้งประเทศยอมรับต่อกฎเกณฑ์ที่ผู้นำพันธมิตรเป็นผู้กำหนดแต่ฝ่ายเดียว
ฉะนั้น ไม่ว่าเจตน์จำนงของผู้นำพันธมิตรจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่วิธีการที่ดำเนินตลอดมาได้ทำลายความชอบธรรมของกลุ่มพันธมิตรลงแล้วอย่างสิ้นเชิง สังคมไทยต้องไม่ยินยอมให้วิธีการของกลุ่มพันธมิตรกลายเป็นบรรทัดฐานของการเคลื่อนไหวทางการเมืองในอนาคต
ดังนั้น จึงถึงเวลายุติการชุมนุมของพันธมิตร เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจักต้องหาทางนำประเทศคืนสู่ระบบนิติรัฐโดยปฏิบัติตามคำสั่งของศาลแพ่งที่ให้ฝ่ายพันธมิตรออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้จักต้องดำเนินไปด้วยความละมุนละม่อม ตามหลักปฏิบัติสากลของการสลายการชุมนุม เพื่อป้องกันความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
2. เราขอประณามการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย ผู้นำทุกฝ่ายต้องควบคุมมวลชนของตนให้ตั้งอยู่ในความสงบและปราศจากอาวุธ
เราขอเรียกร้องให้ผู้นำทั้งของพันธมิตร และฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล ยุติการสร้างความเกลียดชังระหว่างประชาชนทั้งสองฝ่าย เพราะมีแต่จะนำประเทศไปสู่การนองเลือด มิคสัญญี และรัฐประหารในที่สุดพวกท่านจักต้องรับผิดชอบให้มวลชนของตนตั้งอยู่ในความสงบ หยุดยั่วยุ ทำร้ายซึ่งกันและกัน และปราศจากการใช้อาวุธใด ๆ ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐจักต้องดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ใช้ความรุนแรงอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยไม่เลิกฝักฝ่าย การเลือกปฏิบัติไม่เพียงแต่จะทำลายความน่าเชื่อถือของกลไกรัฐ แต่จะยังทำให้ความพยายามฟื้นฟูระบบนิติรัฐแก่สังคมไทยเป็นไปได้ยากยิ่ง
เครือข่ายสันติประชาธรรม
  1. อ.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  2. อ.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสารสันติภาพ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  3. อ.ประจักษ์ ก้องกีรติ คณะ รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  4. อ.ยุกติ มุกดาวิจิตร คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  5. อ.อภิชาต สถิตนิรามัย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  6. อ.เกษม เพ็ญภินันท์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  7. อ.นฤมล ทับจุมพล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  8. อ.ประภาส ปิ่นตบแต่ง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  9. อ.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น