บทเรียนจาก ‘กัดดาฟี่’ !!!
ขณะที่ ‘โอบามา’ สั่งอายัตทรัพย์สินในอเมริกา ของนายกัดดาฟี่ 30 $ billion, แถมหลังสุดยังด่าว่าเขาเป็นคนบ้าไปแล้ว
และอเมริกากำลังเคลื่อนกองกำลังเข้าไปในลิเบีย - ส่วนองค์การสหประชาชาติได้ประกาศประณาม และแซงชั่น,
อังกฤษ-ฝรั่งเศส ขู่จะเอาตัวเขาขึ้นศาลโลก
แต่พันเอก มูอัมมัด กัดดาฟี่ ผู้นำการปฏิวัติโค่นล้มกษัตริย์ ตั้งแต่เมื่อเขามีอายุ 27 ปี – จากนั้นก็อยู่ในอำนาจมา 41 ปี
วันนี้เขาจึงยังให้สัมภาษณ์ BBC. อย่างสบายอารมณ์ แถมยังประกาศว่า
“ไอ้พวกผู้นำตะวันตกมันตอแหล, พวกมันต้องการให้ผมออกนอกประเทศ - ผมอยากเอาสองนิ้วของผมทิ่มใส่ลูกตาพวกมัน
ผมยังเป็นที่รักของชาวลิเบียทุกคน, พวกเขายอมตายเพื่อผม และพวกเขาก็จะไม่ยอมเข้าร่วม กับไอ้พวกผู้ประท้วงข้างถนน,
และผมขอเตือนกองทหารว่า จงอย่าทำอะไรนอกกฎระเบียบ”
มาดเท่ห์ของต้นตำรับเจ้าพ่อผู้ก่อการร้าย
“ไอ้พวกที่ออกมาประท้วงผม มันเป็นพวกขี้ยา, พวกมันเป็นสมาชิกของผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์
พวกมันมาปล้นอาวุธไปจากค่ายทหาร แต่ทหารของผมได้รับคำสั่งว่าไม่ให้ยิงประชาชน” (ตอแหลเข้าไส้-เหมือนใครว่ะ)
ถ้าสังเกตุภาพข่าวสถานการณ์ในลิเบีย ที่ออกมาสู่สังคมชาวโลก, จะเห็นว่าประชาชนถือปืนมือหนึ่ง - อีกมือชู 2 นิ้ว, สู้ สู้
ไม่เห็น – ไม่ได้ยินเสียง สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่บ่งบอกว่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็น “การต่อสู้แบบสันติวิธี”???
จึงเกิดคำถามว่า อะไรคือ “กระบวนทัศน์ใหม่ของการปฏิวัติมวลชน-The New Paradigm of people's revolution”!!!
อะไรคือ สิ่งที่มวลชนเสื้อแดงต้องเรียนรู้???- ในท่ามกลางวาทกรรม “สู้ด้วยปัญญา” (คงไม่ใช่เอาปัญญาไปแต่งบทเพลงน่ะ)
แต่สิ่งที่เห็น และไม่ต้องแปลกใจ คือ ในการปฏิวัติทะเลทรายครั้งนี้ ก็คือ ทุกอย่าง “ต้องการ” แยกจากกัน – แยกความคิด,
แยกประชาชน, แยกผลประโยชน์, แยกอาวุธ (แยกคนถืออาวุธ)!!!
บ้านเราในสภากาแฟเสื้อแดง ก็มีการพูดคุยกันในแง่มุมต่าง ๆ และมี 2-3 ประเด็นที่น่าสนใจ เช่น
“เมื่อคนเสื้อแดง ถูกทหารล้อมฆ่าที่ราชประสงค์, ทำไมไม่เห็นมี ‘ผู้นำ หรือองค์กรโลก’ ที่ไหน พูดถึง-หรือให้ความสนใจ???”
“ถ้าการปฏิวัติของ ตูนิเซีย-อียิปต์-ลิเบีย เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ราชประสงค์เลือด คนเสื้อแดงคงจะได้ศึกษาบทเรียน
จากโลกอาหรับ มาปรับใช้ได้ – คงจะได้สู้กับฝ่ายอำนาจรัฐ ได้มากกว่าครั้งที่ผ่านมา???”
แต่มีบางคนแย้งว่า “ไม่ใช่หรอก – ชาวอาหรับได้เห็นภาพ การลุกขึ้นต่อสู้ของคนเสื้อแดง, ได้เห็นภาพคนเสื้อแดงถูกฆ่ากลางเมือง
พวกเขาเลยคิดต่อไปว่า เพราะอะไร คนเสื้อแดงถึง “สู้แล้วแพ้” – - พวกเขาจึงได้สรุปบทเรียนว่าจะ “ชนะทรราชย์ได้อย่างไร”.???”
…
พันเอก โมฮามัด กัดดาฟี่ เป็นผู้นำลิเบีย ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1969
* ประชากร 6.5 ล้านคน - พื้นที่ประเทศ 1.77 ตาราง กม.
* ประชากรมีอายุมัธยฐาน 24.2 และอัตราการรู้หนังสือ 88 %
(อายุมัธยฐาน 24.2 – หมายถึง ครึ่งหนึ่งของประชากรมีอายุ 24.2 ปี – แสดงว่ามีคนหนุ่มสาวมากว่าคนแก่ – ตรงข้ามกับไทยแลนด์)
* รายได้มวลรวมประชาชาติต่อหัว : 12,020 $ (World Bank 2009)
(แต่ชาวลิเบียมีรายได้ต่อหัวสูงกว่าคนไทย 3 เท่า – รายได้คนไทย ปี ค.ศ. 2009 = 3760 $ /ปี)
...
จากตารางนี้-คอรัปชั่นลิเบีย อยู่อันดับที่ 146 (จาก 178) - คอรัปชั่นของไทย “อยู่อันดับที่ 78” (World Bank 2009)
อันดับความไม่สงบ-Unrest ของลิเบีย อยู่ที่ 71 % - ของประเทศไทย “คาดเดาไม่ถูก-ตามอารมณ์ของฆาตกร”
อันดับความยากจนของบ้านเรา อยู่ที่ 13.6% (แต่ยึดถือสาระไม่ได้ เพราะ “ตัวเลขเส้นความแบ่งยากจน Poverty Line”
อยู่ที่ 1.5 $ / วัน หรือตั้งไว้ที่ 2000 บาท / เดือน???(แต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน)
กินอยู่ได้หรือ 2 พันบาท/เดือน, คือมีชีวิตอยู่ได้-ไม่ตาย???
แต่ถ้า “ขยับตัวเลขเส้นความแบ่งยากจน” ขึ้นไปที่ 5 พันบาท/เดือน,
จะมีคนยากจนสักเท่าไหร่???- นี่คือ ความเป็นจริงของประเทศนี้.!!!
และอเมริกากำลังเคลื่อนกองกำลังเข้าไปในลิเบีย - ส่วนองค์การสหประชาชาติได้ประกาศประณาม และแซงชั่น,
อังกฤษ-ฝรั่งเศส ขู่จะเอาตัวเขาขึ้นศาลโลก
แต่พันเอก มูอัมมัด กัดดาฟี่ ผู้นำการปฏิวัติโค่นล้มกษัตริย์ ตั้งแต่เมื่อเขามีอายุ 27 ปี – จากนั้นก็อยู่ในอำนาจมา 41 ปี
วันนี้เขาจึงยังให้สัมภาษณ์ BBC. อย่างสบายอารมณ์ แถมยังประกาศว่า
“ไอ้พวกผู้นำตะวันตกมันตอแหล, พวกมันต้องการให้ผมออกนอกประเทศ - ผมอยากเอาสองนิ้วของผมทิ่มใส่ลูกตาพวกมัน
ผมยังเป็นที่รักของชาวลิเบียทุกคน, พวกเขายอมตายเพื่อผม และพวกเขาก็จะไม่ยอมเข้าร่วม กับไอ้พวกผู้ประท้วงข้างถนน,
และผมขอเตือนกองทหารว่า จงอย่าทำอะไรนอกกฎระเบียบ”
มาดเท่ห์ของต้นตำรับเจ้าพ่อผู้ก่อการร้าย
“ไอ้พวกที่ออกมาประท้วงผม มันเป็นพวกขี้ยา, พวกมันเป็นสมาชิกของผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์
พวกมันมาปล้นอาวุธไปจากค่ายทหาร แต่ทหารของผมได้รับคำสั่งว่าไม่ให้ยิงประชาชน” (ตอแหลเข้าไส้-เหมือนใครว่ะ)
ถ้าสังเกตุภาพข่าวสถานการณ์ในลิเบีย ที่ออกมาสู่สังคมชาวโลก, จะเห็นว่าประชาชนถือปืนมือหนึ่ง - อีกมือชู 2 นิ้ว, สู้ สู้
ไม่เห็น – ไม่ได้ยินเสียง สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่บ่งบอกว่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็น “การต่อสู้แบบสันติวิธี”???
จึงเกิดคำถามว่า อะไรคือ “กระบวนทัศน์ใหม่ของการปฏิวัติมวลชน-The New Paradigm of people's revolution”!!!
อะไรคือ สิ่งที่มวลชนเสื้อแดงต้องเรียนรู้???- ในท่ามกลางวาทกรรม “สู้ด้วยปัญญา” (คงไม่ใช่เอาปัญญาไปแต่งบทเพลงน่ะ)
แต่สิ่งที่เห็น และไม่ต้องแปลกใจ คือ ในการปฏิวัติทะเลทรายครั้งนี้ ก็คือ ทุกอย่าง “ต้องการ” แยกจากกัน – แยกความคิด,
แยกประชาชน, แยกผลประโยชน์, แยกอาวุธ (แยกคนถืออาวุธ)!!!
บ้านเราในสภากาแฟเสื้อแดง ก็มีการพูดคุยกันในแง่มุมต่าง ๆ และมี 2-3 ประเด็นที่น่าสนใจ เช่น
“เมื่อคนเสื้อแดง ถูกทหารล้อมฆ่าที่ราชประสงค์, ทำไมไม่เห็นมี ‘ผู้นำ หรือองค์กรโลก’ ที่ไหน พูดถึง-หรือให้ความสนใจ???”
“ถ้าการปฏิวัติของ ตูนิเซีย-อียิปต์-ลิเบีย เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ราชประสงค์เลือด คนเสื้อแดงคงจะได้ศึกษาบทเรียน
จากโลกอาหรับ มาปรับใช้ได้ – คงจะได้สู้กับฝ่ายอำนาจรัฐ ได้มากกว่าครั้งที่ผ่านมา???”
แต่มีบางคนแย้งว่า “ไม่ใช่หรอก – ชาวอาหรับได้เห็นภาพ การลุกขึ้นต่อสู้ของคนเสื้อแดง, ได้เห็นภาพคนเสื้อแดงถูกฆ่ากลางเมือง
พวกเขาเลยคิดต่อไปว่า เพราะอะไร คนเสื้อแดงถึง “สู้แล้วแพ้” – - พวกเขาจึงได้สรุปบทเรียนว่าจะ “ชนะทรราชย์ได้อย่างไร”.???”
…
พันเอก โมฮามัด กัดดาฟี่ เป็นผู้นำลิเบีย ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1969
* ประชากร 6.5 ล้านคน - พื้นที่ประเทศ 1.77 ตาราง กม.
* ประชากรมีอายุมัธยฐาน 24.2 และอัตราการรู้หนังสือ 88 %
(อายุมัธยฐาน 24.2 – หมายถึง ครึ่งหนึ่งของประชากรมีอายุ 24.2 ปี – แสดงว่ามีคนหนุ่มสาวมากว่าคนแก่ – ตรงข้ามกับไทยแลนด์)
* รายได้มวลรวมประชาชาติต่อหัว : 12,020 $ (World Bank 2009)
(แต่ชาวลิเบียมีรายได้ต่อหัวสูงกว่าคนไทย 3 เท่า – รายได้คนไทย ปี ค.ศ. 2009 = 3760 $ /ปี)
...
จากตารางนี้-คอรัปชั่นลิเบีย อยู่อันดับที่ 146 (จาก 178) - คอรัปชั่นของไทย “อยู่อันดับที่ 78” (World Bank 2009)
อันดับความไม่สงบ-Unrest ของลิเบีย อยู่ที่ 71 % - ของประเทศไทย “คาดเดาไม่ถูก-ตามอารมณ์ของฆาตกร”
อันดับความยากจนของบ้านเรา อยู่ที่ 13.6% (แต่ยึดถือสาระไม่ได้ เพราะ “ตัวเลขเส้นความแบ่งยากจน Poverty Line”
อยู่ที่ 1.5 $ / วัน หรือตั้งไว้ที่ 2000 บาท / เดือน???(แต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน)
กินอยู่ได้หรือ 2 พันบาท/เดือน, คือมีชีวิตอยู่ได้-ไม่ตาย???
แต่ถ้า “ขยับตัวเลขเส้นความแบ่งยากจน” ขึ้นไปที่ 5 พันบาท/เดือน,
จะมีคนยากจนสักเท่าไหร่???- นี่คือ ความเป็นจริงของประเทศนี้.!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น