วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

ด่วน: โปรดช่วยกันปกป้องนักวิชาการที่ทำงานอย่างซื่อตรงเช่น 
อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
http://thaienews.blogspot.com/2011/04/blog-post_3499.html



โดยทีมข่าวไทยอีนิวส์
8 เมษายน 2554


เนื่องจากไทยอีนิวส์ได้รับข่าวด่วนเรื่องอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แม้มีสมาชิกในเฟสบุ๊คกว่า 5,000 คน ประกาศจะยุติการใช้เฟสบุ๊ค เพราะทนแรงกดดันและการเตือน (ข่มขู่) ที่มีมาต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2553 ไม่ไหว ที่รุนแรงมากขึ้นและขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ

จึงขอนำเสนอข่าวนี้และขอให้กระจายกันไปให้ท่ัว อย่ายอมให้อาจารย์สมศักดิ์ เป็นเหยื่อแห่งอำนาจการเมืองของพวกรอยัลลิสต์ไดโนเสาร์ บ้าอำนาจ อีกคนหนึ่ง เรายังไม่สามารถเอาอาจารย์สุรชัย แซ่ด่านออกมาจากคุกจนถึงบัดนี้ อย่ายอมให้อาจารย์สมศักดิ์ หรือแกนนำคนใดก็ตามต้องตกเป็นเหยื่อของขบวนการฟาสซิสต์รอยัลลิสต์ฝ่ายขวาได้อีกต่อไป

เราสูญเสียผู้คนไปมากมายบนถนนสายประชาธิปไตย และไม่ว่าจะเห็นด้วยในบางเรื่องหรือเห็นต่างในบางประเด็นกับอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อย่างไรก็ตาม เสรีภาพแห่งนักวิชาการในการนำเสนอข้อมูลการศึกษาของอาจารย์ควรจะได้รับการคุ้มครองจากประชาชนที่เข้าใจการเมืองไทย และตาสว่างแล้วทั้งหลาย

ไทยอีนิวส์ได้นำเสนอมุมมอง บทวิเคราะห์​ ข้อเขียนและเทปการนำเสนอของอาจารย์สมศักดิ์ มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความขอบคุณยิ่ง ดังนั้นจึงขอนำทำหน้าที่ของสื่อออนไลน์ (แม้จะถูกปิดกั้นก็ตาม) ขอร่วมเป็นแนวร่วมในการรณรงค์ให้กับอาจารย์สมศักดิ์เพื่อให้อาจารย์สามารถทำงานทางวิชาการต่อไป เพื่อให้สังคมไทยตาสว่างมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ข้อเขียนของอาจารย์สมศักดิ์ ที่หน้าเฟสบุควันนี้ 8 เมษายน 2554

เรียน ทุกท่าน ผมจะขอ deactivate เฟสบุ๊คนี้ ชั่วคราว เย็นนี้นะครับ

จริงๆแล้ว ผมคิด...มา หลายวันว่า คงต้องลดกิจกรรม fb นี้ ลง เพราะเท่าที่เป็นอยู่ มีแต่เพิ่มมากขึ้นๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้งงานประจำ และงานอื่นๆของผมมากขึ้นๆ หลังๆ ไม่เพียงผู้ทีเห็นด้วยกับที่ผมเขียน แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วย ก็พากันมาเยอะมากๆ พวก comments ต่างๆ จากที่เดิม ผมเคยตามอ่านได้ ตอนนี้ บางกระทู้ มี 1000-2000 comments ก็มี ซึงผมไม่มีเวลาตามอ่าน และปัญหาที่ตามมาคือ บางความเห็น ก็โพสต์กันแรงๆ หรือให้ links ที่เสี่ยง อย่างเมือเช้า ผมตื่นมา ก็ต้องลบไปร่วม 10 กว่า comments คือตอนนี้ สภาพ fb กำลังคล้ายๆกับเว็บบอร์ด ปํญหาคือ เว็บบอร์ด มีคนดูแลหลายคน ผลัดกันตลอด 24 ชม.ได้ แต่ fb ผมเอง ผมก็ไม่มีเวลาดูแล แม้แต่จะตอนกลางวันได้ตลอดวัน

มีผู้เสนอว่า ให้ผมทำ fan page ผมก็กำลังศึกษา พยายามทำความเข้าใจอยู่ แต่ไม่แน่ใจ่วา จะสามารถทำได้ไหม เพราะจะยิ่งเพิ่มภาระที่มากอยู่แล้ว มีคนเสนอว่าจะ "ฟอร์มทีม" มาช่วยดูแล เป็น admin ของ fan page ให้ ซึงก็คงคล้ายๆกับเว็บบอร์ด อันนี้ ผมก็ยังพิจารณาอยู่เช่นกัน เพราะต่อให้สามารถฟอร์มทีม มาช่วยดูแลจริงๆ ก็ไม่แน่ใจว่า ผมจะทำได้ไหม เพราะอย่างแรกคือ fan page ก็ยังอยู่ในชือความรับผิดชอบผมเองส่วนหนึง ซึ่งผมก็คงต้องดูแลด้วยส่วนหนึง (ไม่เหมือนเว็บบอร์ด ที่บางที ผมไม่เข้าเลยเป็นสัปดาห์ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะไมใช่คนดูแล) และอย่างไรก็ตาม ถ้าจะทำจริงๆ ผมก็คงไม่สามารถทำได้ในวันนี พรุ่งนี้ ผมต้องขอเวลาเตรียมอยู่เหมือนกัน ซึงในระหว่างนี้ ถ้ายังมี fb ธรรมดาอยู่ ภาระงานก็ยังเยอะอยู่นั่นเอง

นอกจากนี้ เดิมทีเดียว ผมนึกว่า เวลาปิดเทอม จะใช้ไปในการเคลียร์พวกต้นฉบับงานเก่า (เช่น "ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง") เพือตีพิมพ์ใหม่ หรือไม่ก็เขียนบทความใหม่ๆออกมา (ไม่นับรวมเรื่องหนังสือวิชาการที่ผมเตรียมจะอ่านสำหรับการสอนปี การศึกษาหน้าอีกจำนวนมาก) แต่ดูเหมือนในสภาพขณะนี้ ผมคงไม่สามารถทำได้ ยกเว้นแต่จะต้องลดภาระเรื่อง fb หรือการเขียนออนไลน์นี้ลงชนิดเยอะๆ

แน่นอน สถานการณ์ในขณะนี้ ทีผมพูดๆถึง ในกระทู้ 2-3 อันหลังๆ ก็มีส่วนในการตัดสินใจอยู่ ที่ผ่านมา ตั้งแต่การสัมมนาวันที่ 10 ธันวา ก็มีคนถามผมมาหลายครั้งถึงปัญหา การขู่ ฯลฯ ว่าได้มีบ้างไหม ซึงผมก็หลีกเลี่ยงทีจะอธิบาย เพราะไม่ต้องการทำให้เหมือนกับมาโวยวาย และก็รู้สึกจริงๆว่า ปัญหาความลำบากต่างๆ เป็นเรื่องที่ไม่ได้หนักหนาอะไรถ้าเทียบกับทีคนทีเจ็บที่ตายได้รับ ในระหว่างการต่อสู้อื่นๆ แต่ในระยะประมาณ 1 เดือน หรือ ไม่กี่สัปดาห์นี้ ข่าวคราวทางด้านนี้ ที่มีมาถึงผม เพิ่มมากขึ้นๆจริงๆ จนผมคิดว่า น่าจะบอกกล่าวให้รู้กันไว้บ้าง

เรื่องทีผมกลายเป็น "เป้าของความเกลียด" ของบรรดาผู้อ้างความจงรักภักดีมากขึ้นๆ - ผมคิดว่า คงไม่เป็นการพูดเกินไปทีจะบอกว่า ทีประยุทธ พูดถึงนักวิชาการก็ดี ที่คอลัมนิสต์ ไทยโพสต์ พูดไปถึง "โชติศักดิ์" ก็ดี ความจริง คงมีผมเป็นภาพในใจมากกว่าใครอื่น ไม่นับกรณีที่คนทีอ้างจงรักภักดีระดมกันออกมาตอบโต้ผมตามออนไลน์ต่างๆอีกเยอะ นอกจากนี้ ผมยังมีข้อมูลที่เชื่อถือได้ว่า คลิปการพูดของผมในวันที่ 10 ธันวา ซึง ก่อนหน้านี้ อาจจะแพร่หลายมากในหมู่ "มวลชน" (และเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง หรือที่เกียวข้องโดยตรง) ตอนนี้ เริ่มได้รับการแพร่ไปในหมู่นายทหาร หรือเจ้าหน้าทีรัฐที่ไม่ใช่คนที่เกียวข้องในเรือ่งดูแลเรืองพวกนี้ โดยตรงมากขึ้นๆ (ผมก็นึกว่า "แรงกระเพื่อม" ของการพูดวันนั้น จะจาง หรือหยุด แต่ล่าสุด เท่าที่ได้ทราบมา ก็ยังไม่หยุด โดยเฉพาะในหมู่คนทีก่อนหน้านี้ ไม่เคยรู้เห็นมาก่อน ก็เริ่มรู้เห็นมากขึั้น อย่างกรณีพวกนายทหารต่างๆ เรื่องนี้ มองในแง่ดี ก็ดี ตรงที่ อาจจะทำให้คนหันมาสนใจ หรือคิดเรือ่งที่ผมเสนอมากขึั้น แต่มองในอีกด้าน ก็อาจจะเหมือนการแพร่กระจาย ของภาพปลุกระดมของพวก "ดาวสยาม" ก่อน 6 ตุลา ทีทำให้ "มวลชนฝ่ายขวา" และ เจ้าหน้าที่รัฐ เริ่มเกิดอาการตระหนกมากขึ้นๆว่า มีคนต้องการ "ล้มเจ้า" กันอย่างรุนแรงแล้วในขณะนี้ โดยเอาคลิปผมเป็น "ตัวอย่าง")

เรื่องนี้จริงๆ ไม่ได้ทำให้ผมคิดว่าตัวเองจะเลิกพูดเลิกเขียนอะไร แต่เมือ่มาบวกกับเรื่องภาระที่มากขึนๆ (ซึงส่วนหนึงก็คือเรื่องเดียวกัน) ทำให้ผมรู้สึกว่า อยากจะขอ "หยุด ตั้งหลัก" สักครู่ อย่างน้อยอาจจะ 2-3 สัปดาห์ แล้วก็จะได้ถือโอกาสใช้เวลานี้ เคลียร์พวกงาน ต้นฉบับหนังสือ อ่านหนังสือทีต้องอ่าน ไปด้วย หลังจากได้คุยปรึกษากับเพื่อน 2-3 คน ก็เห็นว่า น่าจะทำได้ โดยไม่มีผลกระทบอะไรต่อการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ผมสนับสนุน

ต้องขออภัยทุกท่านที่เป็น "Friends" หรือ "Fans" ของ เฟสบุ๊ค นี้ ที่ต้องทำแบบนี้ และขอขอบคุณทุกท่านอย่างสูงในความสนใจ และในน้ำใจอื่นๆ (ความห่วงใย ความสนับสนุน คำแนะนำ ฯลฯ) หวังว่าคงมีโอกาสได้พบกันอีก ที fb นี้ หรือในรูปแบบอืน

ด้วยความรัก
สมศักดิ์


ปล. ผมคิดว่าจะ deactivate ในเวลาประมาณ 6 โมงเย็น - 1 ทุ่ม เนื่องจาก ยังมีพวก message "หลังไมค์" อีกหลายฉบับ ที่ผมยังไม่ได้ตอบด้วย
See more

นี่คือคอมเมนต์จำนวนหนึ่ง ของคนที่มาโพสต์ในหน้าวอลล์ของอาจารย์สมศักดิ์ ด้วยความห่วงใยและนับถือในผลงานของอาจารย์

Ooi ThaiDelphi
ไม่อยากให้ อ. เลิกเล่น FB นะครับ แนวร่วมด้านวิชาการของคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะหายไปทันที หลายคอมเม้นท์ผมว่าข้ามไปได้นะครับ หลายอันไม่ได้พูดด้วยเหตุผล ไร้ตรรกกะ ผมชอบเหตุผล อ. ครับ มันเป็นเหตุผลที่เถียงไม่ออก ตอบโต้ด้วยลำบาก เพราะมันรัดด้วยความจริง


รักคนเท่ากัน หยุดล้มราษฎรเค้าให้เวลา และพลังงานในการเขียนถึงอ.สมศักดิ์มาก แต่เสียดายจับเอาใจความระหว่างบรรทัดได้แค่ "ตูก็อ่านแล้วก็กลัวมัน ตูเลยต้องด่าด้วยภาวะไร้สติออกมาโดยไม่รู้ตัว" 

Phuttipong Ponganekgulอ.สม ศักดิ์ ตั้งค่า ห้ามคนอื่นโพสต์หน้าวอลล์ + ห้ามคอมเมนท์ ก็ได้ครับ , ไม่ต้องปิดการใช้งานก็ได้ (ว่างเมื่อไหร่ก็มาโพสต์) , ปรับการตั้งค่าเช่นนั้น เพื่อเนื้อหา จะได้ไม่สูญไป คนอื่นเข้ามาอ่านย้อนหลังได้อยู

Junya Lek Yimprasert อ่านหน้าวอลล์อาจารย์และข้อความโจมตีต่างๆ มายังอาจารย์ด้วยความเศร้าสะเทือนใจ ไม่อยากให้เกิดปรากฎการณ์การปล่อยให้อาจารย์หรือใครทั้งนั้นเป็นเหยี่อของฝ่ายขวาซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยคนส่วนใหญ่ไม่ทำอะไร หรือทนอยู่นิ่งเฉย - จำเป็นจะต้องมีการตอบโต้หรือสร้างภูมิคุ้มกันคนที่นำเสนอปัญหาบ้านเมืองอย่างตรงไปตรงมากันได้เสียที นักวิชาการที่ไม่แม้กล้าพูดอะไรเลย ก็น่าจะยังมีจริยธรรมในหัวใจกันบ้างจนกล้าลุกขึ้นมาล่ารายชื่อเรียกร้องการคุ้มครองนักวิชาการที่ทำงานอย่างซื่อตรงต่อวิชาชีพ

Panuda Da
หนทางมีไว้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย แต่ถ้าไม่มีคนเดิน มันก็ไม่มีวันบรรลุเป้าหมาย ระหว่างเส้นทางอาจต้องหยุดเพื่อ่ตั้งสติ เพื่อสะสมพลังอาจต้องอุดหูต่อเสียงสรรเสริญด่าทอข้างทางแต่ก็ยังต้องเดินต่อไป 

Thorpe Kai ไม่เป็นไรคะ แล้วจะรออาจารย์กลับมา ขอบคุณสำหรับการจุดประกายทางความคิด ขอบคุณสำหรับความกล้าหาญที่อาจารย์ได้แสดงมันออกมา ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานของการมีเหตุมีผลมาสนับสนุน คนเราต้องกล้าแสดงความคิดเห็นออกมา กล้าที่จะยืนอยู่บนความเชื่อของตนเอง แม้จะรู้สึกโดเดี่ยวเป็นบางหน อาจารย์ inspiration ดิฉันในหลายๆ เรื่องคะ

* * * * * * * * * 


ข้อความต่อไปนี้ของคนโพสต์ที่ต่อว่าอาจารย์สมศักดิ์ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยทางปัญญาอย่างเหลือเกินของพวกรอยัลลิสต์ฝ่ายขวาที่ยอมจำนนต่อระบอบวิถีทาสอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไทยอีนิวส์จริงๆ แล้วไม่อยากเอาข้อความอันไร้สติและปัญญาเช่นนี้มาลง แต่เห็นว่าถ้าปล่อยให้การขีดเขียนอะไรก็ได้ในนามกระแสหลักเพื่อสร้างวาทะกรรมแห่งการปลุกปั่น ปลุกระดม จนนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะไม่สามารถหยุดกระแสคลั่งได้

พวกเราจำเป็นจะต้องนำมาย้ำเตือนสติทางสังคมกันอยู่เรื่อยๆ อย่าปล่อยให้ข้อเขียนที่ไร้หลักการ อิงแค่ความมืดบอดทางปัญญา มาทำร้ายคนที่ "คิดต่าง" ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่สังคมคน "ตาสว่าง" ไม่ได้ทำอะไร(อย่างมีเหตุมีผล) ในการตอบโต้กลับบ้าง

ช่วยกันประนามข้อเขียน "คลั่งเจ้า" ไร้สถิเหล่านี้กันบ้างเถิด อย่ายอมให้พวกเขาทำร้ายแกนนำ หรือนักวิชาการที่ทำงานโดยยึดหลักการแห่งประชาธิปไตย- คนแล้วคนเล่า - โดยที่พวกเราปล่อยให้เขาเหล่านั้นต้องเผชิญชะตากรรมตามลำพัง แล้วก็สุดท้ายต้องยุติบทบาท หรือกลายเป็นพวกเสื้อเหลืองรอยัลลิสต์ เพราะทนแรงเสียดทานไม่ไหว

ขอให้กระแสการโจมตี ข่มขู่คุกคามอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เป็นกระแสการโต้กลับของคนตาสว่างต่อพวกรอยัลลิสต์ฝ่ายขวา ช่วยกันประจานความคิดไดโนเสาร์​ ประจานพวกที่ไม่รู้จักคำว่า "ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์" ถูกมอบเมาจนหน้ามืดตามัว ยอมตนเป็นทาสศักดินา มาช่วยกันทำให้พวกเขาเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยเท่านั้นในสังคม

"คนตาสว่าง" ทั้งหลาย ต้องลุกขึ้นมาปกป้อง และสร้างภูมิคุ้มกันให้อาจารย์สมศักดิ์ และนักวิชาการหรือแกนนำคนอื่นๆ ที่กล้านำเสนอและตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมืองไทยอย่างตรงไปตรงมา อิงหลักวิชาการ และอ้างอิงแหล่งที่มาได้มากมาย

ยิ่งคนตาสว่างปกป้องนักวิชาการที่ทำงานอย่างซื่อตรงอย่างเข้มแข็งขึ้น ก็จะช่วยปูทางให้นักวิชาการที่ยังมีจริยธรรมและรู้จักความถูกต้องคนอื่นๆ กล้าลุกขึ้นมาเตือนสติสังคมที่กำลังถูกโหมกระหน่ำด้วยกระแส และการอัดฉีดงบประมาณหลายร้อย หลายพันล้านบาทเพื่อ "การปกป้องสถาบัน"

ขอจงโปรดอ่านและใช้วิจารณญาณของทุกท่านต่อข้อความโจมตีอาจารย์สมศักดิ์ด้านล่างนี้อย่างคนที่ปลดแอกทาสของตัวเองได้แล้ว . .


"คุณคือตัวแปลกปลอมของประเทศไทย...คุณไม่ต้องมาท้าคนไทย ไม่มีใครมารับคำท้าของคุณ คนสติดีคงไม่ไปข้องเกี่ยวกับคนสติแตก"

นายสมศักดิ์ ผู้ไม่เจียมตน รู้ไว้ คุณไม่อาจทำลายกำแพงศรัทธาของคนไทยได้
Posted by ทนายเบิ้ม

ไม่ว่าคุณจะเขียนกี่บทความ จะประดิษฐ์ถ้อยคำขึ้นมา จะขุด เสกสรรปั้นแต่งเรื่อง หรือว่าพยายามแหย่โทสะของคนหมู่มากเท่าไร ไำม่มีทางสำเร็จแน่นอน กำแพงแห่งศรัทธาของประชาชนคนไทย นั้นหนาแน่นนัก ยิ่งคุณตั้งใจทำลาย โดยการแซะเท่าไหร่ กำแพงนั้นก็จะแข็งแรงยิ่งขึ้นๆ เกินกว่าที่คุณ รวมทั้งผู้ประสงค์ร้ายทั้งหลายจะทำลายได้ ไม่มีทาง

คนที่ชื่นชมคุณ ยกย่องคุณ เป็นเพียงแค่ชนกลุ่มน้อย ที่แฝงตัวอยู่ ไม่กล้าที่จะมาแสดงความเห็น ความคิดในที่สาธารณะ คุณคือตัวแปลกปลอมของประเทศไทย เมื่อก่อนเวลาที่อ่านบทความสาร.....ของคุณ ผมเคยคิดว่าถ้าคุณมาอยู่ตรงหน้า ผมคงตบคุณหัวทิ่มดินไปแล้ว แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าสิ่งที่คุณทำขึ้นมานั้น มันคือความพยายามของคนที่มีความคิดที่น่าสมเพทเวทนา คุณไม่ต้องมาท้าคนไทย ไม่มีใครมารับคำท้าของคุณ คนสติดีคงไม่ไปข้องเกี่ยวกับคนสติแตก

คุณเป็นผัก ผักที่แม่ค้าเด็ดขว้างทิ้ง ไม่นำมาใส่กระจาดวางขาย เพราะถูกเพลี้ยกินจนมีร่องรอย กฎหมายของประเทศ อาจทำอะไรคุณไม่ได้ เพราะคุณพยายามหลีกเลี่ยง เฉียดไปเฉียดมา ไม่ให้ตรงกับข้อความตามกฎหมาย แต่กฎแห่งกรรมรับรู้ ถึงเจตนาของคุณได้ และจะตามมาเอาคืนคุณ อย่าลำพองตนเองจนเกินไปนัก บทสุดท้ายของคุณ คงไม่ช้าไม่นาน ความเป็นไพร่นั้น ดูที่พฤติกรรม คิดอะไร ทำอะไร ย่อมรู้อยู่แก่ใจ คุณรู้ แต่แสร้งไม่รู้ หรือเปล่า

คนเราเห็นต่างกันได้ แต่ต่างแบบสุดโต่งของคุณหน่ะ โดยเฉพาะเรื่องที่คุณกระทำอยู่ทุกวันนี้ มันเกินทน เกินจะเยียวยาได้ ถ้าคุณไม่อยากเป็นคนไทย กรุณาเอาทะเบียนบ้าน-บัตรประชาชน มาคืนแก่ทางราชการเสีย เลิกใช้สัญชาติไทย เพราะพฤติกรรมเยี่ยงนี้ คนไทยคงไม่อยากให้คุณมาอยู่ร่วมในประเทศ ขอให้คุณจงอัปเปหิตัวเองไปอยู่ ณ สถานที่อื่น ที่ไม่ใช่ผืนแผ่นดินไทย แผ่นดินนี้จะได้สูงขึ้นๆ เพราะไม่มีคุณอยู่เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน

ที่มา : http://www.oknation.net/blog/hardcorelawyer/2011/04/05/entry-1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น