วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

มาร์ค มุกควาย ยังเสือก… ‘แหลลวงโลก’ อีกนะ!!

http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=288

วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

        นายมาร์ค มุกควาย ทำให้ผมต้องพูดถึงอีกแล้วครับท่าน เพราะ ‘มติชนออนไลน์’ เมื่อ 26 มี.ค. 2554 เขาพาดหัวว่า

        "มาร์ค"อวดปชป.นำพาชาติพ้นวิกฤต คุยนโยบายบรรลุเป้า ท้าคนอยู่ที่"ดูไบ"ออกทีวีประชันนโยบาย

        ข่าวนี้ถูกนำไปโพสแปะ ใน tnews.teenee.com และอีกหลายๆเว็บ แต่ของ ‘ทีนิวส์’ น่าสนใจมาก เพราะมีผู้แสดงความเห็นต่อคำพูดของนายมุกควาย โชว์เอาไว้ถึง 99 ความเห็น ซึ่งผมจะนำตัวอย่าง ที่ไม่รุนแรงนัก มาฝากกันแค่ 2 ความเห็นเท่านั้น เพราะคิดว่าตรงใจท่านผู้อ่านด้วย (แต่ถ้ายังไม่จุใจ ก็ทำลิงค์เอาไว้ให้)
        ความคิดเห็นที่ 2
        ห่าเอ๊ย..พูดมาได้ไม่อายปาก ถุยส์....
        ความคิดเห็นที่ 3
        พ้นวิกฤติตรงไหน ยังไงไอ้เอี้ยมาร์ค ไอ้คนลวงโลกตอแหล หน้าด้าน พูดเองเออเอง...ไอ้บ้า...

( http://tnews.teenee.com/politic/64571.html)

        ท่านผู้อ่านสังเกตบ้างไหมครับว่า อีตามาร์ค มุกควายนั้น เวลายืนเกาะโพเดียมพูดจาแล้ว ดูเหมือนเจ้าตัวจะมีความมั่นอกมั่นใจเป็นพิเศษ คงจะถูกโฉลกกับการยืนพูด แต่ก็มีบางคนบอกกับผมว่า

        นี่เป็นเพราะแกฝึกฝนมา เพื่อการยืนพูดอย่างนี้เป็นพิเศษ มาก่อน โดยต้องฝึกจัดท่าทาง วางมือวางไม้ ใช้สายตาประกอบการพูดฯลฯ ซึ่งเป็นแบบฟอร์มของการโต้วาที ตั้งแต่แกยังเรียนหนังสืออยู่ ณ บ้านเกิดเมืองนอนที่เมืองอังกฤษโน่น!

        การพูดจากับสมาชิกพรรคในวันนั้น อีตามาร์คก็ใช้มุกควายเดิมๆที่น่าเบื่อ โดยฉายหนังม้วนเก่า ให้กับลูกพรรคฟัง แกคงหวังให้สื่อสารมวลชนที่ไปทำข่าว จะช่วยกันกระจายสิ่งที่แกพูด ให้ไปถึงชาวบ้านด้วย เพราะพักนี้นายมาร์ค มุกควาย จะรู้สึกเป็นทุกข์ใจมาก เพราะสำนักงานสถิติแห่งชาติ ดันมีรายงานออกมาว่า
        รายการพูดประจำสัปดาห์ของแก ที่ลอกเลียนแบบมาจากนายกฯทักษิณ ชินวัตร นั้น มีคนสนใจดูทางโทรทัศน์และฟังทางวิทยุ เพียง 6 % (หกเปอร์เซ็นต์) เท่านั้น! มันก็น่าตกใจสำหรับนายมาร์ค มุกควาย และสมาชิกพรรคดักดาน แต่ผมกลับไม่แปลกใจเลย เพราะเคยเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังแล้วว่า คนเขียนเคยเดินสำรวจ จากหัวซอยท้ายซอยบ้านที่อยู่อาศัย ไม่พบบ้านหลังไหนในซอย
ฟังรายการที่แสน ‘น่าเบื่อ’ ของแกเลย!!
        ที่ว่ามานี้ ไม่ได้นำความเท็จมากล่าว แต่สอดคล้องกับคำพูดของนักจัดรายการรุ่นปลาร้าค้างปี๊บ อย่าง บุญระดม จิตรดอน และ อนัญญา ตั้งใจตรง ที่ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วอีกเหมือนกันว่า เธอทั้งสอง พูดยืนยันในรายการซุบซิบนินทานักการเมืองว่า
        ไม่มีชาวบ้าน เขาสนใจฟังเลย!
        ผู้สื่อข่าวอย่างเธอทั้งสองคนเอง ก็ไม่ได้ฟัง ซึ่งตรงนี้ต่างกับยุคของทักษิณมาก ที่ชาวบ้านร้านตลาดพากันเงี่ยหูฟัง เพราะรายนั้นเขามีของดีๆ โครงการใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องคนไทยเราจริงๆ มาบอกเล่าเก้าสิบให้ฟัง เป็นประจำทุกสัปดาห์

ดังนั้น พอถึงวันรายการ “ทักษิณพบประชาชน” ชาวบ้านก็ตั้งอกตั้งใจ ตะแคงหูฟังกันว่า

นายกฯทักษิณได้คิดโครงการใหม่ๆอะไรขึ้นมาอีก ส่วนโครงการที่ทำไปแล้ว ให้ผลดีอย่างไรกับพี่น้องประชาชนบ้าง ทักษิณฯก็นำมาเล่าสู่กันฟังว่า

โครงการไหนประสพความสำเร็จแล้ว หรือมีโครงการอะไรที่ยังเป็นปัญหา เป็นการสื่อสารสองทาง เหมือนพี่น้องคุยกันในครัวเรือน มีการชี้แจงให้ชาวบ้านเห็นว่า ความทุกข์อะไรที่รัฐบาลแก้ไขลุล่วงไปแล้ว อะไรที่ยังไม่สำเร็จ ก็จะตั้งหน้าทำต่อไป จนกว่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ นำความสุขมาให้พี่น้องประชาชนได้ นี่เอง เป็นเหตุผลที่พี่น้องประชาชน

อยากฟังคุณทักษิณพูดจริงๆ...สื่อเองก็อยากฟังด้วย!

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีเรื่องที่นายมาร์ค มุกควาย และพรรครัฐบาลแก้ไขไม่ได้ คือ การชุมนุมวิพากษ์วิจารณ์ของพันธมิตรที่สะพานมัฆวาน ที่เดินหน้าประกาศความเลวทรามในเรื่องการบริหารงานอย่างไร้ประสิทธิภาพ การคอรัปชั่นแบบ

“แดกกัน...ฉิบหายวายวอด”

ที่นายมาร์คกับพรรคโลซกของเขา ตระหนกมากหนักขึ้นไปอีก ก็คือ

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ซึ่งเคยเป็นสถานที่ศึกษา ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯได้สุ่มตัวอย่างสำรวจ ความนิยมนายมาร์ค มุกควาย จากประชาชน 1000 ตัวอย่าง ผลการสำรวจออกมา ยังความตื่นตะลึง เพราะมีผู้คนเชียงใหม่ ไม่ชื่นชอบนายมาร์ค ทารกรัฐมนตรี

โดยให้ความนิยม 0%

นายมาร์ค...ตกใจมาก เยี่ยวแทบเล็ดเลยทีเดียว!

ความกังวลในการเสื่อมความนิยมจากประชาชน ทำให้นายมาร์คต้องเพียรพยายาม โฆษณาผลงานของตัวเต็มที่ เพราะขืนไม่ทำ จะต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้งเป็นคำรบ 4 ทีเดียว

ดังนั้น การพูดของนายมาร์ค มุกควาย ต่อหน้าเพื่อนร่วมพรรค 26 มี.ค. 2554 ในวันนั้น ตะแกก็นำเรื่องโครงการที่ลอกเลียนแบบทักษิณ บางโครงการกนำมาต่อยอด มาพูดโฆษณาว่าเป็นแนวความคิดของตัว เช่น นโยบายเรียนฟรี 15 ปี รวมถึงเบี้ยผู้สูงอายุ 500 บาท และเบี้ยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มาประกาศ ว่า

พรรคประชาธิเปรตภาคภูมิใจทำให้เกิดขึ้นได้สำเร็จ ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่ทักษิณทำ pilot project หรือ โครงการนำเอาไว้ก่อนแล้วทั้งนั้น เรื่องคนชรานั้นก็แจกไปบ้างแล้ว และรอการระดมทั้งประเทศภายหลัง การเพิ่มเงินให้บุคลากรท้องถิ่นในยุคทักษิณก็ทำเตรียมไว้แล้วเช่นกัน

ผมเคยตั้งข้อสังเกต เรื่อง “การลอกเลียนแบบทักษิณ” หรือ “การเอาอย่างทักษิณ” ว่า

การลอกเลียนแบบนั้น ฝรั่งเขาว่า เป็นยกยอที่จริงใจที่สุด หรือ

Imitation is the sincerest form of flattery.

จึงต้องบอกประชาชนคนไทย ได้รับรู้ความจริงนี้ โดยทั่วกัน ณ วันนี้ว่า

นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคปลาเน่า หรือนายมาร์ค มุกควาย นั้น คงชื่นชม “ทักษิณ” เป็นอย่างมาก เพราะเมื่ออยู่ในฐานะหัวหน้าฝ่ายค้าน

ก็ด่าเขาและ...ค้านตะพึดตะพือ!

ครั้นถึงวันที่บุญพาวาสนาถีบ ให้ได้เข้ามาเป็นรัฐบาลประชาปลาเน่า ได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น พฤติกรรม “การลอกเลียนแบบทักษิณ” หรือ “เอาอย่างทักษิณ” ก็ดันโผล่ออกมาให้ประชาชน เห็นได้ชัดเจน อย่างไม่มีอะไรเคลือบแคลงแฝงแต่อย่างใดเลยเพียงแต่ลอกไปใช้ ทำได้อย่างด้อยประสิทธิภาพ

แต่ออกลูก ‘บ้องตื้น’ เท่านั้น!

นี่เป็นเครื่องแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหลาย ว่า

วิสัยทัศน์การเป็นผู้นำระหว่าง “ทักษิณ” กับ นายมาร์ค มุกควาย นั้นห่างกันคนละชั้น หรือไกลกันคนละโยชน์

ถ้าเอาสำนวนฝรั่ง Imitation is the sincerest form of flattery. เข้ามาจับแล้ว หากผมจะพูดอีกอย่างหนึ่ง ว่า

“นายมาร์ค มุกควาย คือแฟนคลับตัวจริงของ ทักษิณ ชินวัตร!!!?”

การที่เราจะเลียนแบบคนอื่นนั้น ปกติแล้วเราจะต้องเลียนแบบคนที่เก่ง คนที่มีชื่อเสียง ไม่มีใครที่หนวย จะไปเลียนแบบ คนที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย หรือไปเอาอย่างไอ้พวกขี้เท่อ

จริงหรือเปล่าครับ!?

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ

วันที่นายมาร์ค มุกควาย ไปเกาะโพเดียมพูดกับสมาชิกพรรคนั้น แกพยายามออกมาพูดจาโฆษณาชักจูง เพื่อให้ชาวบ้านหลงเชื่อว่า

ควรได้รับเลือกพรรคประชาธิเปรต ให้กลับมาบริหารชาติบ้านเมืองต่อไป ไม่ใช่เลือกใช้พรรคประชาธิปัตย์ในยามวิกฤติเท่านั้น

ผมได้ยินแล้วแล้ว...หัวร่อก้ากเลย!

เหตุที่ตัวคนเขียนถึงกับขำกลิ้ง ก็เพราะเคยเขียนเอาไว้ว่า พรรคประชาธิเปรตนั้น เป็น “นักกัด” ในระบอบประชาธิปไตย ตัวจริง เพราะเข้าตัวอย่างที่ นายมารค์ วอร์เนอร์ (Mark Warner) ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย ที่เคยมีข่าว จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี แข่งกับโอบามา เคยพูดเอาไว้ว่า

"การเมืองเป็นกิจการเดียวที่ ‘การไม่ทำอะไรเลย' นอกไปจากการกระทำให้อีกฝ่ายเสื่อมเสีย เป็นผลลัพธ์ที่ยอมรับกันได้"

(Politics is the only business where doing nothing other than making the other guy look bad is an acceptable outcome.)

ท่านลองคิดดูสิครับว่า

พฤติกรรมของพรรคนี้ มีอะไรที่คล้ายคลึงกับคำพูดของนักการเมืองสหรัฐคนนี้บ้างหรือไม่?

ที่เห็นกันชัดๆ ก็คือ...

ในการเลือกตั้ง 3 ครั้งใหญ่ที่ผ่านมา นั้น พรรคประชาธิเปรตพ่ายแพ้ต่อพรรคทักษิณติดต่อกัน แบบ ‘แฮตทริก’ เลยเป็นฝ่ายค้านมายาวนาน ถึง 3 สมัยซ้อน!

แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พรรคของนายมาร์คหมดปัญญาสู้กับทักษิณ จึงต้องลงเล่นใต้ดิน ด้วยการส่งสมาชิกพรรคของตน เข้าไปเป็นแกนนำของพันธมิตร เพื่อให้ช่วยบ่อนทำลายคู่ปรับที่พรรคดักดานของตัวไม่มีทางสู้อีก

นอกจากนั้น ยังสนับสนุนแบบทุ่มสุดตัว ทั้งเงินทองและความช่วยเหลืออย่างอื่นด้วย เช่น เกณฑ์คนมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตร และบางครั้งสมาชิกคนสำคัญ ก็เข้าร่วมปราศรัยขับไล่รัฐบาล ที่พวกตนสู้ไม่ได้ ต้องพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งทุกครั้ง

ความจริงนี้มีหลักฐานชัดเจน...ปฏิเสธไม่ได้!!

เมื่อพรรคของฝ่ายทักษิณ ที่ชนะการเลือกตั้งมาแท้ๆ ต้องถูกโค่นล้มลง เพราะ ‘อำนาจอัปรีย์’ ที่ทำร้ายระบอบประชาธิปไตยโอกาสจึงเปิดออกให้ นายมาร์ค มุกควาย ได้เข้ามานั่งในตำแหน่ง ‘CEO ประเทศไทย’ โดยมีปัจจัยอื่น มาช่วยเหลือการขึ้นสู่อำนาจของเขา อย่างน่ารังเกียจ

        มีหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้ชัดเจน จากผู้นำขบวนการโค่นล้มรัฐบาลของพรรคทักษิณ คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล



        ผู้ซึ่งนายมาร์ค มุกควาย ไปยืน ‘กอกระดุม’ อวยพรวันเกิด อย่างอ่อนน้อม พร้อมอมยิ้มอย่างประจบประแจง ตามภาพที่ท่านได้เห็น คล้ายกับว่ารักเคาระและจงรักภักดีต่อนายสนธิเสียเหลือเกิน ดุจแกเป็นแค่ ‘ลูกกระจ๊อก’ ของเจ้าของวันเกิดมาแต่ชาติปางก่อน แต่มีบางคนกลับแย้งผมว่า
        นายมาร์คจะเป็นได้ ก็แค่ ‘ลูกกระเป๋งข้างซ้าย’ ของสนธิเท่านั้น!
        อีตาสนธิฯเอง ก็เพิ่งออกมาเปิดเผย อย่างเต็มปากเต็มคำ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ณ เวทีมัฆวาน ว่า
        ผู้นำทหารของเมืองไทย ได้เข้ามาแทรกแซงทางการเมือง อย่างน่าเกลียดน่าชัง โดยทำ ‘เฮดล๊อค’ ผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน เข้าไปในค่ายทหาร แล้วข่มขู่ว่า หากไม่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ จะทำการปฏิวัติ!
        นี่เอง ที่ทำให้พรรคการเมืองเหล่านั้น ถึงกับตัวสั่น ออกอาการ ‘ขี้หด-ตดแตก’ ต้องยอมร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคของนายมาร์ค มุกควาย เป็นแกนนำ จนเป็นเหตุให้ประชาชนคนไทย ได้...
        รัฐบาลกาลี เข้ามาบริหารประเทศ นี่ไงครับ!

        นายมาร์ค มุกควาย รู้ดีอยู่แก่ใจ ยังเสือกคิดว่าพี่น้องประชาชนเขาโง่ ออกมา ‘แหลลวงโลก’ ต่อไปอีกว่าอย่าเลือกใช้พรรคดักดานของตัว ตอนที่ประเทศวิกฤติเท่านั้น ชาวบ้านได้ยินเข้า เขาก็ฉุน ออกมาสวนว่า
        “ก็ไอ้พวกจังไรอย่างมึงนั่นแหละ ที่สร้างวิกฤติให้ชาติบ้านเมือง ทำให้พวกกูต้องเดือดร้อน...ไอ้พวกเปรต!”
        ผู้คนเขาจึงต้องออกมา เดินขบวนและชุมนุมคัดค้าน แต่ทหารออกมาปราบปรามรุนแรงหฤโหดสุดๆ
        ราษฎรก็เลยพากันวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองว่า
        ไอ้พวกทหารนี่โง่ฉิบหาย แค่นักการเมืองโยน ‘เศษเนื้อข้างเขียง’ ให้เท่านั้น... ก็ ‘ไล่ฆ่า’ ประชาชนเสียแล้ว...น่าทุเรศมาก!!
        เมื่อพูดถึงเรื่องผู้คน ออกมาแสดงความไม่พอใจ คัดค้าน ต่อต้านรัฐบาลโลซกชุดนี้ ก็ต้องพูดถึงการชุมนุมที่สะพานมัฆวานอีกแล้ว เพราะการที่นายมาร์ค มุกควาย ต้องตาลีตาเหลือกออกมาประกาศ “ยุบสภา” สาเหตุไม่ใช่อื่นไกล แต่เป็นเพราะการปราศรัยของเหล่าพันธมิตร กระแทกใจชาวบ้านชาวเมืองมาก เพราะคนพวกนี้ขยันหาข้อมูล จนรัฐบาลเถียงไม่ออก ผู้คนเสื่อมความนิยมและ...
        เกลียดชังรัฐบาลกาลีชุดนี้ มากยิ่งขึ้นทุกที!
        อย่างเมื่อคืนวันอาทิตย์ก่อน ประพันธ์ คูณมี ก็ออกมาจารนัยจนผู้จัดการออนไลน์เขาออกมาพาดหัวว่า
        "ประพันธ์" สับอีก 30 นิสัย 30 ล้มเหลว ยัน“มาร์ค”ไม่เหมาะเป็นนายกฯ
        แล้วโปรยตามว่า
        "ประพันธ์" ชี้พฤติกรรมอันตราย “มาร์ค” ยกนิสัยน่าขยะแขยง 30 ข้อ การันตรีไม่เหมาะเป็นผู้นำประเทศ ชี้ที่ ปชช.รับไม่ได้สุดๆ “หน้าด้าน แถ แหลเป็นอาจิน” เผยเตรียมตอกย้ำรายวันอีก 30 ข้อ ความผิดพลาดในการบริหารประเทศ
        ผมจะไม่นำข้อความทั้งหมดมาลง แต่จะระบุหัวข้อให้ท่านผู้อ่านตามไปฟังกัน คือ แค่ข้อ 2-10 ลองพิจารณาแล้วคิดตามไปด้วยก็แล้วกัน เขาเรียงข้ออย่างนี้ครับ...
        2. มีจิตใจคับแคบคบคนจำกัด ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เห็นประชาชนเป็นแค่ลิ่วล้อทางการเมือง
        3. ไม่มีวิธีคิด ไม่มีศิลปะการทำงาน ที่จะนำพาชาติไปสู่ความก้าวหน้าได้ แม้แต่เรื่องเดียว
        4. ขาดความรู้ประสบการณ์ในการบริหารประเทศ ที่สำคัญมีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด
        5. ไม่เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น
        6. ไม่ใช่เป็นนักประชาธิปไตย แต่เป็นเพียงนักเลือกตั้งน้ำเน่าคนหนึ่งของประเทศไทย
        7. คุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน
        8. ขี้ขลาด ตาขาว ขี้กลัว ยอมจำนนไม่กล้าต่อสู้ ไม่เคยมีชีวิตเพื่อต่อสู้กับความยากลำบาก โดยเฉพาะปัญหาความเป็นความตายของบ้านเมือง ไม่มีความรับผิดชอบ ปัดความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมือง
        9. หยิ่งยโสโอหัง แก้ตัวอย่างหน้าด้านๆ
        10. ชอบเถียง แถ แหล เป็นอาจินต์
        (http://www2.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9540000038909)
        สำหรับข้อ 10 ของคุณประพันธ์ฯนั้น ดูจะถูกใจผมมากที่สุด เพราะการที่นายมาร์ค มุกควายไปเกาะโพเดียม พูดกับลูกพรรค ดังที่เล่าให้ท่านฟังแล้วนั้น
        ถ้าผมเป็นเพื่อนสนิทกับ มิสเตอร์มาร์ค มุกควาย คงจะต้องเดินตรงเข้าไปหา ชี้หน้า แล้วพูดตรงๆกับเขาว่า....
        “เฮ้ยไอ้มาร์ค มุกควาย เอ็งก็รู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว ยังเสือกแหลลวงโลกอีกนะ...ไอ้เวร!!!”
............................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น